เบื้องหลังการปลดมอยส์ และการตัดสินใจอีกครั้งของเซอร์อเล็กซ์

เบื้องหลังการปลดมอยส์ และการตัดสินใจอีกครั้งของเซอร์อเล็กซ์

เบื้องหลังการปลดมอยส์ และการตัดสินใจอีกครั้งของเซอร์อเล็กซ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : สิ่งที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่าคือการที่คนซึ่งเป็น "ผู้เลือก" เขาเข้ามาทำงานอย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และเป็นผู้ที่เรียกร้องให้ทุกคนยืนหยัดเคียงข้างกุนซือชาวสกอตแลนด์มาโดยตลอด ก็เป็นหนึ่งในคนที่ "สั่ง" ให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้น The Chosen One จึงกลายเป็น The Chosen Gone ในที่สุด

อาจดูเป็นการตัดสินใจที่คล้ายจะรวดเร็วไปนิดและนำไปสู่การถกเถียงเล็กๆถึงการจากไปของเดวิด มอยส์ ว่าการ "ปลด" ในช่วงก่อนหมดฤดูกาลแค่ 4 นัดนั้นเป็นการตัดสินใจในช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่

มันช้าเกินไปสำหรับการกอบกู้สถานการณ์และความหวังของทีม และเร็วเกินไปในเชิงของภาพลักษณ์สโมสรที่ควรจะรอจนจบฤดูกาล ให้มีข่าวการเรียกพิจารณาของบอร์ดบริหารก่อนค่อยมีการประกาศการตัดสินใจยังไม่สาย

อย่างไรก็ตามความจริงแล้วแนวคิดในการปลด "The Chosen One" นั้นมีขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมี "คำสั่ง" จากตระกูลเกลเซอร์ ผู้เป็นเจ้าของสโมสรให้ปลดผู้จัดการทีมคนนี้ตั้งแต่ในเกมที่พ่ายแพ้ต่อโอลิมเปียกอส ในเกมนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ ลีก

แต่ทุกอย่างถูกชะลอเอาไว้หลังมอยส์ "ต่อชีวิต" ตัวเองด้วยการพลิกเข้ารอบได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งความจริงควรจะเป็นจุดเปลี่ยนของทีมได้แล้ว

ทว่าไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป แมนฯ ยูไนเต็ด มีแต่ทรงกับทรุด และเมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูล แบบหมดรูปคาโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของสโมสรจึงเห็นตรงกันว่าควรจะปลดมอยส์ออกจากตำแหน่ง

การจากไปของมอยส์ เป็นสิ่งที่ถูก "กำหนด" เอาไว้มานานแล้ว และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพียงแต่รอจังหวะเวลาที่คิดว่าเหมาะสมเท่านั้น ซึ่งหลังการตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก การที่ทีมจะไม่จบฤดูกาลด้วยการเป็นทีมท็อปโฟร์ ฝ่ายบริหารเล็งเห็นว่านี่อาจถึงเวลาเหมาะสมที่จะทำการปลดได้

แม้กระทั่ง "วงใน" ของสื่อในอังกฤษ ยังมีการ "ถกเถียง" กันว่าการปลดที่รวดเร็วนั้นอาจเกิดขึ้นจากการที่มีคนพยายามปล่อย "ข่าวหลุด" ออกมาจนสื่อทุกสำนักกระพือข่าวและนำไปสู่กระแสสังคมโดยเฉพาะในหมู่แฟนปีศาจแดงที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทีมในทันที

สำหรับพวกเขา "ข่าวดี" ไม่จำเป็นต้องรอ เช่นกันกับ "ตลาดหุ้น" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเพราะความตกต่ำของสโมสรในช่วงที่ผ่านมาส่งผลอย่างร้ายแรงต่อมูลค่าของหุ้นในตลาด ซึ่งทันทีที่มีคำสั่งการยืนยันปลดกุนซือชาวสกอตแลนด์ออกจากตำแหน่ง หุ้นของแมนฯ ยูไนเต็ด ดีดตัวสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 11 เดือน

แม้จะมีคนเห็นใจมอยส์จำนวนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าสโมสรควรจะทำทุกอย่างให้ "มีเกียรติ" มากกว่านี้ด้วยการแจ้งต่อเจ้าตัวอย่างเป็นทางการก่อนที่จะมีข่าวหลุดออกมา ซึ่งมอยส์ มารู้ตัวว่าตัวเองโดนปลดจริงๆภายหลังการเดินทางมาสนามซ้อมเอออน เทรนนิ่ง คอมเพล็กซ์ ในช่วงเช้า โดยเอ็ด วูดเวิร์ด รองประธานสโมสรเป็นผู้แจ้งข่าวร้ายกับเขาในการพบกันด้วยตัวเอง

สิ่งที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่าคือการที่คนซึ่งเป็น "ผู้เลือก" เขาเข้ามาทำงานอย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และเป็นผู้ที่เรียกร้องให้ทุกคนยืนหยัดเคียงข้างกุนซือชาวสกอตแลนด์มาโดยตลอด ก็เป็นหนึ่งในคนที่ "สั่ง" ให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้น

The Chosen One จึงกลายเป็น The Chosen Gone ในที่สุด

หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่จะได้ "โอกาส" แก้ตัวในการเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะไม่ใช่ไรอัน กิ๊กส์ ศิษย์เอกที่ได้ทำงานในระยะยาวเนื่องจากยังต้องสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ และบารมีในการทำงานอีกมาก

ทั้งนี้แม้อำนาจการตัดสินใจในการเลือกกุนซือคนใหม่จะขึ้นอยู่กับบอร์ดบริหาร แต่ "เสียง" ของเฟอร์กี้ คือเสียงที่ทรงพลังที่สุดในโอลด์ แทรฟฟอร์ด และถ้าบรมกุนซือผู้นี้มองเห็นใครที่เหมาะสม ก็จะเป็นหน้าที่ของเอ็ด วูดเวิร์ด ในการไปตามล่าตัวมาให้ได้

สิ่งที่จะแตกต่างออกไปคือเฟอร์กี้ คงไม่เชิญใครมาที่บ้านเพียงเพื่อแจงให้ทราบว่า "คุณคือผู้จัดการทีมคนต่อไปของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" เหมือนที่มอยส์ ได้รับเกียรตินั้นอีก

สำหรับคนที่อยู่ในข่ายนั้น ในรายชื่อมีทั้งกลุ่มกุนซือรุ่นใหม่อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือกุนซือรุ่นเก๋าอย่าง หลุยส์ ฟาน ฮาล และคาร์โล อันเชล็อตติ โดยรายหลังนั้นตามที่เช็คข้อมูลมาส่วนตัว ผมเชื่อว่าเป็นตัวเลือกในใจของเฟอร์กี้มากกว่าฟาน ฮาล ผู้เป็นอัจฉริยะทางศาสตร์ลูกหนังแต่ซับซ้อนและพร้อมจะสร้างความวุ่นวายในทีม

ไม่นับกุนซือกลางเก่ากลางใหม่อย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ ที่มีกระแสเช่นกันว่า "แอบคิด" ที่จะขอโอกาสมาคุมแมนฯ ยูไนเต็ด อยู่บ้างเพราะเชื่อว่าเป็นงานที่เหมาะสมกับตัวที่สุดแล้ว ติดที่เพิ่งจะกลับมาเชลซีได้แค่ปีเดียว ซึ่งหากคิดจะมาโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั่นหมายถึงการแตกหักกับผู้ทรงอำนาจอย่างโรมัน อบราโมวิช (แต่สังเกตได้ว่ามีการส่งสัญญาณท้าทายด้วยการแย้มว่าอาจจัดทีมชุดเล็กลงเจอลิเวอร์พูล แต่พร้อมจะทำตามคำสั่งอบราโมวิช คล้ายเป็นการหาเรื่องตีกันกลายๆ)

เพียงแต่คล็อปป์ และเป๊ป ประกาศจุดยืนหนักแน่นว่าไม่สนใจในงาน นั่นทำให้ ฟาน ฮาล เป็นคนที่มีโอกาสมากที่สุดเนื่องจากจะหมดพันธะผูกพันกับทีมชาติฮอลแลนด์แค่จบฟุตบอลโลกก ขณะที่อันเชล็อตติ นั้นเรอัล มาดริด ไม่น่าจะปล่อยตัวมาได้ง่ายๆ

อย่างไรก็ตามอย่างที่เรียนให้ทราบครับว่าไม่ว่าใครก็ตามที่เฟอร์กี้ มองว่าเหมาะสมกับงาน มันเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธได้

เพียงแต่ครั้งนี้บรมกุนซือในตำนาน ต้องทบทวนมากกว่าเดิมหลายเท่า

เมื่อโอกาสเหลือเพียงครั้งเดียว และไม่อาจพลาดได้อีกแล้ว

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook