เชลซี vs. แอตเลติโก มาดริด จับตากลยุทธ์ของThe Special One
ฟุตบอล : ในยุคนี้วงการฟุตบอลอาจตื่นเต้นไปกับโค้ชสายเลือดใหม่ฝีมือดีที่น่าจับตามองอย่าง เบร็นแดน ร็อดเจอร์ส, เจอร์เก้น คล็อปป์, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า รวมถึงดีเอโก้ ซิเมโอเน่
เพียงแต่ 2 เกมที่ผ่านมาของเชลซีนั้น โจเซ่ มูรินโญ่ทำให้เราได้เห็นอีกครั้งว่าเขายังเป็น "The Special One" ตัวจริงเสียงจริงของวงการ
มูรินโญ่ พาทีมบุกไปยันเสมอแอตเลติโก มาดริด ในเกมแรกของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ และบุกไปเอาชนะลิเวอร์พูล ได้ด้วยผู้เล่นชุดที่พยายามเคลมก่อนเกมว่าเป็น "ชุดสอง" ซึ่งทั้งสองนัดเชลซี เป็นผู้มีชัยในเชิงเกมกลยุทธ์เหนือคู่ต่อสู้ทั้งหมด
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของมูรินโญ่ ย่อมแดกดันกับแท็คติกส์ "รถบัสสองชั้นขวางหน้าประตู" ว่าเป็นความน่ารังเกียจของเกมฟุตบอล
แต่หากมองในรายละเอียดแล้ว ชัยชนะเหนือคู่แข่งในเกมใหญ่แบบนี้เป็นสิ่งที่มูผู้โอหังโปรดปรานมาตลอดชีวิต
ในหนังสือชีวประวัติ "The Special One" ซึ่งดีเอโก้ ตอร์เรส ผู้สื่อข่าวประจำหนังสือพิมพ์ "เอล ปาอิส" ในสเปนเป็นผู้สัมภาษณ์กุนซือชาวโปรตุเกส นั้นเปิดเผยเอาไว้อย่างชัดเจนว่ามูรินโญ่ เป็นคนที่ชื่นชอบการเจอกับทีมเก่งๆแบบนี้มาก
ทีมยิ่งเก่ง ยิ่งมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ ถ้าเขาหยุดทีมเหล่านี้ได้จะรู้สึก "ฟิน" เป็นพิเศษ
มูรินโญ่ รู้ดีว่า "สูตรสำเร็จ" ของการเอาชนะในเกมแบบนี้นั้น ทีมที่จะชนะได้คือทีมที่เล่นผิดพลาดน้อยที่สุดและฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่งมากที่สุด และทีมที่ครองบอลมากกว่าย่อมหมายถึงโอกาสทำผิดพลาดมากกว่าด้วย
เรื่องนี้เราได้เห็นกันในเกมที่บิเซนเต้ กัลเดรอน และแอนฟิลด์แล้ว
คำถามคือในสถานการณ์ที่เกมแรกเสมอกัน 0-0 มูรินโญ่ จะกำหนดแท็คติกส์อย่างไรในเกมนี้
จะเลือกตั้งรับเพื่อรอสวนกลับแบบเดิม หรือจะเปิดหน้าแลกเพื่อเอาประตูนำให้ได้ก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบจากคู่แข่ง และดึงจังหวะทิศทางของเกมมาเข้าทางตัวเองให้ได้
นี่เป็นสิ่งที่น่าจับตาว่ามูรินโญ่จะเลือกอย่างไร เพราะใน "มุมแดง" นั้นแอตเลติโก มาดริด ของดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ก็ไม่ใช่ทีมที่อ่อนเชิงในเรื่องกลยุทธ์ในการเล่น
พูดกันตรงๆนั้น แท็คติกส์ของทีม "ตราหมี" นั้นดูดีกว่า Negative Football ของเชลซีด้วยซ้ำไป เพราะถึงจะมีเกมรับที่เหนียวแน่น แต่ "อัตเลติ" ก็ไม่เหนียมอายหากจะเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกไล่เข้าใส่คู่ต่อสู้
เพียงแต่ในเกมที่กัลเดรอน เชลซีของมูรินโญ่ ไม่คาดหวังอะไรมากไปกว่าการ "เอาผล" กลับมาให้ได้ และด้วยการกำหนดเกมแพลน การกำหนดบทบาทของลูกทีมในแต่ละตำแหน่ง การใส่ใจในรายละเอียด และการปลุกเร้าทำให้ทีมสิงโตจากลอนดอนเหนียวแน่นเป็นพิเศษ
นั่นทำให้แม้จะพยายามไล่ตะปบหมายจบชีวิตให้ได้ แต่แอตเลติโก มาดริด ก็จับเชลซีไม่ได้ จะไล่อย่างไรก็ไม่ทัน
มาเกมนี้ซึ่งมีโอกาสที่เชลซีจะเปิดหน้าแลกมากขึ้น ก็น่าสนใจว่าซิเมโอเน่ จะใช้วิธีแบบ "เกลือจิ้มเกลือ" เพื่อเอาคืนและย้อนแย้งหรือไม่
อย่างไรก็ดีสำหรับคนอย่างมูรินโญ่ ไม่มีคำว่า "ธรรมดา"
หลายครั้งที่เรามักจะได้เห็นอะไรที่เหนือความคาดหมายจากมันสมองของมูรินโญ่ ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา และสะท้อนให้เห็นถึงความปราดเปรื่องของอัจฉริยะลูกหนังคนนี้
ในรูปเกมนั้น การพบกันของเชลซีและแอตเลติโก มาดริด ย่อมไม่มีทางจะมีสีสันมากเท่าเกมระหว่างบาเยิร์น มิวนิค กับเรอัล มาดริดไปได้
แต่หากจะดูถึงรายละเอียดในเกม จะไม่มีเกมนัดใดในฤดูกาลนี้ที่เราจะได้เห็นการต่อสู้ทางศาสตร์ลูกหนังที่เข้มข้นไปกว่าเกมนัดนี้อีกแล้ว
หากจะเปรียบก็อาจเหมือนหนังรางวัลดีๆสักเรื่อง ที่อาจดูไม่สนุกนัก
แต่มีคุณค่าและน่าประทับใจ
ลูกแม่กิ่ง