เสร็จนาฆ่าโคถึก

เสร็จนาฆ่าโคถึก

เสร็จนาฆ่าโคถึก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล - พอใช้งานจนหมดประโยชน์ก็เขี้ยทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใย

โหดร้าย... แต่นี่ล่ะ "ฟุตบอล"

ยิ่งในโลกธุรกิจอย่างปัจจุบัน ผลงานคือทุกสิ่ง รางวัลที่เห็นเป็นทุกอย่าง ถ้าอยากจะอยู่ในตำแหน่งให้ได้ไปนานๆ ก็ต้องคว้าความสำเร็จหรือผลิดอกออกผลจากเงินลงทุนให้ได้เห็นเป็นรูปธรรมแบบด่วนๆ จะให้รอ 2-3 ปีอย่างสมัยก่อนนู้นเห็นทีจะไม่ได้

ค่าจ้างอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง เพราะฉะนั้นเราจึงได้เห็นการฆ่าโคถึกส่งท้ายกันแทบทุกฤดูกาล

แม้โคถึกจะทำผลงานได้ดีในสายตาประชาชี แต่หากสโมสรมองว่า "ยังดีไม่พอ" โคถึกก็คงไม่ต่างอะไรกับโคขุน

ไม่มีประโยชน์แล้วจะเลี้ยงไว้ต่อไปก็ใช่เรื่อง สู้ฆ่าทิ้งเสียดีกว่า ประหยัดกว่ากันเยอะ และในฤดูกาลนี้ก็ดูท่าจะได้เห็นอะไรแบบนั้นเยอะกันเสียด้วย

ทิม เชอร์วู้ด (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)

ทิม เชอร์วู้ด ทำได้ดี แต่ยังดีไม่พอสำหรับเลวี่

โธ่!! อุตส่าห์ลุ้นให้ได้อยู่ยาวๆ

หากมองชื่อเสียง... ใช่ เชอร์วู้ด จัดเป็นกุนซือระดับหมูอู๊ดๆ ไม่มีดีกรีอะไรทั้งนั้น แต่การทำ สเปอร์ส ให้เป็น สเปอร์ส สมควรเป็นเครดิตของเจ้าตัวแบบเต็มๆ

แดเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสร "ไก่เดือยทอง" แถ(ลง)ว่าสัญญาที่เซ็นกันไว้นั้น 18 เดือนก็จริง แต่ก็มีข้อตกลงแทรกเอาไว้ว่า "ฉีกทิ้งได้" ตอนจบฤดูกาล

เปิดช่องไว้แบบนี้ก็เสร็จสิครับ!!

แล้วเงื่อนไขในการจะได้ไปต่อนี่ก็นะ... ต้องคว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้... แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่ายังทำไม่สำเร็จ แล้วไอ้ทีมไก่กุ๊กๆ นี่เป็นใคร มาจากไหน ชาวบ้านชาวช่องเขาแย่งกันแทบเป็นแทบตาย นักเตะระดับโลกเดินเบียดเหยียบตาปลากันจนร้องลั่นก็ยังเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะได้สิทธิ์นั้นมา

ฤดูกาลนี้ลงทุนซื้อนักเตะใหม่เป็น 100 ล้านปอนด์ก็จริง แต่คุณภาพฝีเท้ากลับประดุจซื้อไอโฟนจีนแดงในราคารถเก๋งแคมรี่ มีอย่างที่ไหนค่าตัว 28 ล้านปอนด์ ทำได้แค่ 6 ประตู แถมยังกล้าๆ มาจากจุดโทษถึง 4 ลูก

แม้กุนซือคนก่อนหน้าเขาจะทิ้งทีมที่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่เอาไว้ให้ แต่ เชอร์วู้ด ก็ค่อยๆ ปรับจูนไปเรื่อยๆ จน สเปอร์ส กลับมาบินสูงได้อีกครั้ง

แม้สุดท้ายจะจบแค่อันดับ 6 ตามหลัง อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 4 ถึง 10 คะแนน แต่ด้วยโอกาสคุมทีม 22 นัด ทำสถิติเก็บชัยชนะได้ 59 เปอร์เซ็นต์ เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขากลายเป็นกุนซือที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรในยุค พรีเมียร์ลีก

แม้อย่างนั้น เชอร์วู้ด ก็ยังไม่รอดพ้นต้องถูกปลดอยู่ดี

คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ (เอซี มิลาน)


เซดอร์ฟก็ชะตาขาดเช่นเดียวกัน

เข้าตำราตามบรรทัดข้างบนจริงๆ สำหรับ เซดอร์ฟ เพราะไอ้ตอนยังวิ่งไล่เตะลูกฟุตบอลปุเลงๆ อยู่ในสนามหญ้ากับ โบตาโฟโก ใน ซีรี่ส์ เอ บราซิล เมื่อปีที่แล้วนั้น ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ประธานสโมสร เอซี มิลาน อยากได้ตัวขนาดหนักถึงขั้นลงทุนโทรจิกด้วยตัวเอง

แล้วดูตอนนี้... หน้ายังไม่อยากจะมอง เอ่ยชื่อให้ได้ฟังในบทสัมภาษณ์ก็ยังยาก!!

ไม่รู้ว่าผิดใจอะไรกันมา กับแค่ เซดอร์ฟ ไม่ยอมจัดทีมลงสนามตามระบบที่ท่านประธานชื่นชอบ ถึงกับจะปลดกันเลยทีเดียว!?

มิลาน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวฮอลแลนด์อาจจะเล่นได้ไม่หวือหวาน่าตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งยังสู้กับทีมใหญ่ด้วยกัน(?)ได้อย่างไม่สูสี แถมเวลาเจอกับทีมเล็กๆ ก็อาจจะมีชนะได้บ้าง สะดุดเสมอให้เห็นบ้าง

แต่เห็นแบบนี้ "ปีศาจแดง-ดำ" ก็ได้ เซดอร์ฟ นี่ล่ะที่ฉุดทีมขึ้นมาจนมีลุ้นโควตา ยูโรปา ลีก ได้จนถึงนัดสุดท้าย ทั้งที่ก่อนเจ้าตัวจะย้ายกลับมานั้นลำพังแค่ประคองตัวให้จบฤดูกาลด้วยเลขหลักเดียวก็ถือว่าสาหัสแล้ว

เซดอร์ฟ เซ็นสัญญากับ มิลาน จนถึงจบฤดูกาล 2015/16 โดยแม้จะเปิดตัวได้ไม่ดีนัก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มเก็บชัยชนะเป็นกับเขาบ้าง เบ็ดเสร็จนับจนถึงปัจจุบันนี้เจ้าตัวนำทีมเก็บชัยชนะได้แล้ว 10 จาก 18 นัด ดีกว่า แม็กซ์ อัลเลกรี ตั้งเยอะ (ชนะ 5 จาก 19 นัด)

ถึงอย่างนั้น "ดีกว่าตั้งเยอะ" ก็ไม่ได้หมายความว่า "ดีพอ" และ แบร์ลุสโคนี่ ก็ยืนยันแล้วด้วยว่าเขาเป็นคนจ่ายค่าจ้างและพอจบนัดสุดท้ายเขาก็จะเรียกฝ่ายบริหารเข้าประชุมเพื่อทำการตัดสินใจครั้งสำคัญ

โอ้โห แหม่... เล่นบอกใบ้มาขนาดนี้ ก็ประกาศปลดล่วงหน้าไปเลยก็ได้นี่หว่า

เคลาดิโอ รานิเอรี่ (โมนาโก)


"ทิงเกอร์แมน" ได้รองแชมป์ลีกเอิงกับโมนาโก

จำได้ว่าสมัยเรียนหนังสือนั้นไม่ว่าจะขยับขึ้นไปเรียนระดับชั้นไหน จะเป็น ประถม, มัธยม หรือ มหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะระดับชั้นไหนๆ ก็จะต้องมีเพื่อนคนหนึ่งที่ถูกแกล้งหรือเป็นตัวรองรับความซวยซึ่งมันไม่ได้เป็นผู้ก่อขึ้นอยู่เสมอๆ และสำหรับวงการลูกหนัง รานิเอรี่ น่าจะเป็นคนๆ นั้น

กรูก็คุมทีมของกรูอยู่ดีๆ พอกุนซือคนไหนมีปัญหากับต้นสังกัดก็มาลงที่กรูเสียอย่างนั้น เดี๋ยวก็ ซีดาน เดี๋ยวก็ เวนเกอร์ ก่อนหน้านั้นเลยก็ วิลลาส โบอาส แถมล่าสุดนี่ก็ คอนเต้ อีก

ว่าไปแล้ว "ทิงเกอร์แมน" ก็จัดว่าน่าสงสารไม่ใช่เล่น ไปอยู่ทีมไหนก็เหมือนรอฤกษ์รอเวลาโดนไล่ออกเท่านั้นทั้งที่ผลงานก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่

จอมแท็กติกอิตาเลียนผ่านงานกับทีมดังๆ มาแล้วเพียบไม่ว่าจะ เชลซี, บาเลนเซีย, ปาร์ม่า, ยูเวนตุส, โรม่า, อินเตอร์ มิลาน และปัจจุบันกับ โมนาโก ... ธรรมดาที่ไหน!!

แต่ก็เพราะว่าธรรมดาที่ไหนนี่ล่ะที่เหมือนจะเป็นสาเหตุให้ รานิเอรี่ มักจะถูกไล่ออกอยู่เนืองๆ (จนตอนนี้คาดว่ารายได้หลักน่าจะมาจากเงินชดเชยไปแล้ว) หลังสโมสรใหญ่ไม่ต้องการใช้กุนซือชื่อชั้นธรรมดา

ต่อให้ รานิเอรี่ ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยังไม่ถึงขั้น "พิเศษ" ตรงตามสเป็กที่สโมสรต้องการอยู่ดี

ดีเกินกว่าจะอยู่กับทีมเล็กๆ แต่ก็เลวก็เกินกว่าจะอยู่กับทีมใหญ่ๆ

ฤดูกาลนี้ รานิเอรี่ พา โมนาโก จบอันดับที่ 2 อย่างแน่นอนแล้ว แต่ก็ตามหลัง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถึง 7 คะแนน หากจะมองอย่างร้ายๆ ก็คือลงทุนล่านักเตะดีๆ อย่าง ฟัลเกา, เจา มูตินโญ่ และ เจมส์ โรดริเกซ มาร่วมทีมก็ยังอุตว่าห์มาได้แค่นี้ แต่หากมองในด้านดีๆ นี่ขนาดนักเตะมาใหม่ๆ ยังเขย่ากันไม่เข้าทีก็ทำผลงานได้ขนาดนี้ หากผสมกันจนเข้าเครื่องแล้วจะสะเด่าขนาดไหน

อย่างไรก็ตามเด็กโดนแกล้งจะไปที่ไหนก็คงจะโดนแกล้งอยู่วันยันค่ำจนกว่าจะเปลี่ยนแปลงบุคลิกของตัวเองได้สำเร็จ และจบฤดูกาลนี้ โมนาโก ดังแล้ว ได้ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วด้วย เพราะฉะนั้น รานิเอรี่ ก็คงจะได้ไปกับเขาด้วยเหมือนกัน

'นนท์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook