ดาร์บี้แมตช์จ้าวยุโรป
ดาร์บี้แมตช์แห่งเมืองมาดริด เวอร์ชั่นชิงแชมป์ยุโรป ณ โปรตุกีส
ฝั่งเรอัล มาดริด ไม่ต้องพูดถึง นี่คือถ้วยสุดยอดปราถนาของพวกเขา มาโดยตลอด "ราชันชุดขาว" เคยคว้าแชมป์มาแล้ว 9 สมัย และกำลังโหยหาสมัยที่ 10 เป็นอย่างยิ่ง เพราะ ครั้งสุดท้ายที่ได้ นั้น ก็ต้องย้อนไปไกลถึงปี 2002 ที่ ชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 2-1 จากประตูชัยสุดสวยของ ซีเนอดีน ซีดาน
คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนของพวกเขา ถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่ถูกโฉลกกับการคุมใน แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นอย่างมาก เพราะเคยคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้ว 2 สมัย กับ เอซี มิลาน เมื่อปี 2003 และ 2007 ซึ่งถ้าหากว่า เขาพาทีม "ราชันชุดขาว" คว้าชัยได้ ก็จะกลายเป็น เทรนเนอร์คนแรก ที่ได้แชมป์รายการนี้ 3 สมัย
ในขณะที่ แอตเลติโก มาดริด เรื่องเกียรติประวัติอาจจะเป็นรอง เพราะนี่เป็นการเข้าชิง รายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี ซึ่ง ในรอบชิงคราวนั้น พวกเขาดวลกับ บาเยิร์น มิวนิค และจะชนะอยู่แล้ว เพราะเป็นฝ่ายนำอยู่จนกระทั่งนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษที่มาโดนทีม "เสือใต้" ตีเสมอ ก่อนที่สุดท้ายจะไปพ่ายในเกม รีเพลย์
ในปีนี้ ทีม "ตราหมี" พ่วงดีกรี แชมป์ ลา ลีกา มาด้วย หลังสัปดาห์ล่าสุด บุกไปเสมอ กับ บาร์เซโลน่า 1-1 ได้ฉลองแชมป์ ในถิ่ม คัมป์ นู ซึ่งก็ต้องยกย่องในมันสมองของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ยอดกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ที่ตอนนี้ขึ้นชั้นเป็นกุนซือระดับโลกอย่างไร้ข้อกังขาเป้นที่เรียบร้อย
ถ้าเทียบมูลค่านักเตะของทั้งสองทีม ต้องบอกว่า ต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะนักของ แอตเลติโก มาดริด ชุดนี้ ที่ซื้อมารวม ๆ กันแล้วก็ไม่เกิน 40 ล้านยูโร ซึ่งไม่ถึงครึ่งของค่าตัว แกเรธ เบล ดาวเตะชาวเวลส์ ของ เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขามายืนหยัดในจุดนี้ได้ก็คงจะเป็น กึ๋นของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่สามารถปรับแท็กติกตามความเหมาะสมในแต่ละเกม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ ทีมตราหมี มีวันนี้ได้
ต้องยอมรับว่า ก่อนเกมนัดชิง แอตเลติโก มาดริด นั้นเจอแต่ปัญหาพอสมควร อย่างล่าสุด ดีเอโก้ คอสต้า ก็มีโอกาสสูงที่จะฟิตไม่ทันลงสนามในเกมนัดนี้ หลังจากที่เจ็บในเกมลีกกับ บาร์เซโลน่า
คอสต้า อาจจะฟิตไม่ทัน มันกร่อยตรงนี้แหละ
ทุกอย่างตรงกันข้ามกับ เรอัล มาดริด ที่มาที่ ลิสบอน ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด จะขาดก็คือ ชาบี อลอนโซ่ กองกลางเชิงสูง ที่ดันมาติดโทษแบน พอดี แต่ที่เหลือถือว่าจัดเต็ม
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ แกเรธ เบล พร้อมลงสนาม สถิติ การเล่นรอบชิงศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ถือว่า สวยหรู โดย ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 1992-93 พวกเขา คว้าแชมป์ 3 สมัย จากการเข้าชิง 3 ครั้ง
แถม 1 ในนั้นเป็นการเอาชนะทีมจากประเทศเดียวกัน อย่าง บาเลนเซีย เมื่อปี 2000 ด้วยสกอร์ถล่มทลาย 3-0 อีกทั้ง สังเวียนรอบชิง ก็เป็นบ้านเกิดของ โรนัลโด้ อีกด้วย หรือจะเป็น สถิติของ อิเคร์ กาซิยาส ที่ไม่เคยแพ้ แอตเลติโก มาดริด ยามที่เขาลงเฝ้าเสา มานานกว่า 10 ปี
ซิเมโอเน่ หวังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์
เรียกได้ว่า แอตเลติโก มาดริด เป็นรองทุกอย่าง แต่เกมรอบชิงในวันเสาร์ พวกเขาจะสู้ลืมตายอย่างแน่นอน เพราะมันเหมือนกับว่าจะเป็นแมตช์สั่งลา ของ หลาย ๆ คน
อย่างที่เรารู้กันว่า แม้ว่าจะเป็นทีมที่ใหญ่ มีแฟนบอลมากมาย แต่ แอตฯมาดริด นั้นมีปัญหาการเงินพอสมควร ซึ่ง ทางแก้ก็คือต้องขายนักเตะเพื่อแลกเงินก้อนโต และจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ นักเตะหลายๆ คน ก็จะกลายเป็นสินค้าระดับขึ้นห้างของตลาดซื้อขายนักเตะคราวนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งสองทีมต่างก็มี เดิมพัน ต้องดูกันล่ะครับว่า สุดท้าย เมืองมาดริด ฝั่งไหนที่จะได้เฮ
The Nut