"ผีมาต้า"
โปรดจงนึกภาพตาม มิลาน ในยุคที่อุดมไปด้วยบรรดาสตาร์ดัง นำโดย เปาโล มัลดินี่, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, ฟิลิปโป้ อินซากี้ แน่นอนรวมไปถึง กาก้า เพลย์เมกเกอร์ซูปตาร์ชาวบราซิล
การแข่งขันเลกแรกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปรากฏว่าเหล่า "อสูรแดง" คว้าชัยไปด้วยสกอร์ 3-2 ก่อนแพ้ยับในเลกสอง 0-3 ซึ่ง 3 ใน 5 ประตูที่ "ปีศาจแดง-ดำ" ทำได้มาจากฝีเท้าของ กาก้า เขี่ย "ผีแดง" ร่วงไปอย่างเจ็บปวด
เหตุการณ์ครั้งนั้นนำมาซึ่งบทเพลงแปลงแห่งยุคอันโด่งดัง "ผีกาก้า" นำความชอกช้ำระกำอุราส่งถึงบรรดาสาวก "เร้ด เดวิลส์" ได้ชนิดแสบสันไปถึงทรวง
ผีกาก้า ในอดีต
กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน ในยุคของ มอยส์ ยูไนเต็ด หลังจากบุกเด็ดปีกทีมดังจากย่านไทน์ไซด์อย่าง นิวคาสเซิ่ล ไปแบบราบคาบ 4-0
คงไม่ผิดที่เหล่าสาวกจะนำเหตุการณ์สุดเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีต มาผูกติดใส่ชีวิตในปัจจุบัน เปลี่ยนผันเป็นพลังขับชั้นดี โดยมี ฆวน มาต้า เป็นตัวแสดงนำ
2 ประตูอีก 1 แอสซิสต์ ในเกมหักปีก "สาลิกา" คือเครื่องหมายยืนยันคุณภาพคับแก้วของดาวเตะร่างเล็กทีมชาติสเปนได้เป็นอย่างดี
ค่าตัว 37.1 ล้านปอนด์ ที่ แมนฯ ยูฯ ทำลายเพดานค่าตัวนักเตะประเคนให้กับ เชลซี ชนิดไม่ต่อแม้แต่บาทเดียว ตอบแทนให้เห็นเด่นชัดที่ เซนต์เจมส์ พาร์ค
มาต้า ยิง 3 ประตูจาก 2 นัด
โดยเฉพาะประตูที่ช่วยให้ทีมออกนำ 2-0 หลังจากที่ "ผีมาต้า" รับบอลจากการเปิดให้ของ ชิชาริโต้ แทน ที่ดาวเตะซ้ายธรรมชาติจะเลือกแปสวนแบบไม่ต้องจับ กลับเลือกวิธีล็อกก่อนหนึ่งจังหวะเพื่อให้แนวรับกับผู้รักษาประตูเสียหลักไป ก่อน แล้วแปนิ่มๆ เข้าไปอย่างสุดเลือดเย็น
ยิงแบบนี้ ไม่ "อวย" ก็ไม่รู้จะว่าไงล่ะครับ
ฟรีคิกงามหยด นำ 1-0
กับลูกฟรีคิกก็ใช่ว่าจะงามน้อยไปกว่าซะเมื่อไหร่ ในขณะที่เกมรุกยังไม่ค่อยได้สร้างโอกาสเข้าทำเท่าที่ควร การขาดหายไปของ เวย์น รูนี่ย์ มีผลต่อความดุดันในแดนหน้า ลูกเซตพีซจึงกลายเป็นอาวุธทำลายล้างอีกทางหนึ่งที่ได้ผลในเวลาอันเหมาะเจาะเหมาะเหม็ง
ซึ่งฟรีคิกระยะแบบนี้ เหลี่ยมแบบนี้ ฆวน มาต้า คือขาประจำในทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" และเคยยิงใส่ เด เคอา มาแล้วด้วย แต่ในเมื่อขาประจำอย่าง ฟาน เพอร์ซี่ รวมถึง รูนี่ย์ ไม่อยู่ หน้าที่เลยตกมาถึงเจ้าตัว ก่อนตอบแทนด้วยการส่งลูกบอลไปนอนก้นตาข่ายอย่างสุดสวย
กลายเป็นประตูปลดล็อกให้ทีมเล่นได้ง่ายขึ้น จนเกือบได้เพิ่มหากลูกแปเน้นๆ ของ ชิชาริโต้ ไม่พุ่งไปกระเทาะเสาในช่วงท้ายครึ่งแรก
ยิงประตูสุดเลือดเย็น ทีมนำ 2-0
นอกเหนือจากประตูงามๆ ที่ได้ยลจากผลงานของเพลย์เมกเกอร์ค่าตัวแพง บวกกับลูกตอกส้นให้ อัดนาน ยานาไซ ยิงประตูปิดกล่องแล้วนั้น การประสานงานกับคู่ขาซามูไร ชินจิ คากาวะ คือสิ่งที่ทำให้แฟนบอล "ปีศาจแดง" ยิ้มได้ตลอดทั้งเกมเช่นกัน
การสอดประสานงานอย่างลงตัวของ มาต้า - คากาวะ กลายเป็นอาวุธเด็ดในเกมรุกที่ เดวิด มอยส์ น่าจะเริ่มมองเห็นความสำคัญนอกเหนือไปจาก แอชลี่ย์ ยัง และ แดนนี่ เวลเบ็ค
เห็นได้ชัดจาก 2 เกมลีกล่าสุด (รวมกับชนะ แอสตัน วิลล่า 4-1) ที่ "เฮียมอยส์" จัดทั้งคู่ลงสนามพร้อมกัน ปรับเปลี่ยนบทบาทการทำเกมไปมาตามสถานการณ์ ซึ่ง มาต้า - คากาวะ ช่วยกันสร้างสรรค์เกมรุก นำทีมถลุงคู่แข่งไปถึง 8 ประตูด้วยกัน
ตอกส้นสุดเฉียบให้ ยานาไซ ยิงนำ 3-0
เท่ากับว่า 5 จาก 8 ประตูที่ได้มานั้น คือผลงานของ 2 คู่หูร่างเล็ก โดยได้ 3 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ ของ มาต้า รวมกับอีก 2 แอสซีสต์ใน 2 นัดของ คากาวะ
ผลงานในลีกของ "ผีแดง" ยังคงเส้นคงวา (ตรงไหน) เริ่มเสมอต้นเสมอปลายขึ้นมามากยิ่ง ซึ่งหลังจบแมตช์ที่ 33 ของฤดูกาล แมนฯ ยูฯ นำเป็นจ่าฝูง มีแต้มเหนือกว่า ลิเวอร์พูล อันดับ 2 อยู่ 2 คะแนน (อิอิ)
ที่บอกว่า แมนฯ ยูฯ นำเป็นจ่าฝูงแทนที่จะเป็นอันดับ 6 น่ะ ไม่ผิดหรอกครับ แต่เป็นการเทียบผลงานปลอบใจตัวเองตามสไตล์ "เด็กผี" ที่หากนับแต้มเฉพาะเกมเยือน "ผีแดง" คือว่าที่แชมป์ หลังเก็บไปถึง 33 แต้ม จาก 17 เกมเยือน เหนือกว่าบรรดาทีมลุ้นแชมป์ทุกราย