ฉันเจ็บทุกการกระทำที่ทำให้เธอเสียใจ
ความจริงแล้วต้องเขียนตอนต่อจากสกู๊ป "10 เจ็บ... ไม่น่าเจ็บ" ลงใน Sportguru ฉบับวันนี้ แต่ให้บังเอิญว่า "ข่าวใหญ่" ซึ่งจะติดเป็น 1 ในที่สุดของข่าวประจำปี 2014 อย่างแน่นอนนั้นมันดันเกิดขึ้นมาคั่นกลางเสียก่อน
♪ฉันเจ็บ ทุกการกระทำ ที่ทำให้เธอเสียใจ
ฉันทรมานแค่ไหน ใครจะรู้ ที่ผ่านมา
ทั้งหมด ฉันเป็นคนแพ้ แต่แค่ไม่มีน้ำตา
ออกมาให้ใครได้รู้ ความจริงที่ซ่อนอยู่ ในรอยน้ำตา
ฉันเสียใจแค่ไหน ที่ผ่านมา...♫
ท่อนหนึ่งจากเพลง คนแพ้ที่ไม่มีน้ำตา ต้องบอกว่า "โคตรเข้า" เข้ากับ เดวิด มอยส์ จริงๆ โดยเฉพาะกับเวลานี้ เวลาที่เจ้าตัวถูกปลดพ้นตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เรียบร้อยแล้ว
จำใจต้องบอกลา แต่จะไม่มีน้ำตาให้ (แฟนผี) เห็นแน่นอน (ใช่สิ ได้ไปตั้งเกือบ 500 ล้านบาทนิ)
ถึงจะไม่ได้หล่อรุนแรงอย่าง "พี่ติ๊ก" และก็ไม่ได้หล่อนุ่มนวลอย่าง "พี่ก้อง" แต่ใบหน้า มอยส์ ในทุกครั้งที่ปรากฏผ่านสื่อให้เห็นนั้นบ่งบอกสภาพ "คนแพ้" และเป็น "คนแพ้ที่ไม่มีน้ำตา" จริงๆ
ไม่มีน้ำตา... เพราะร้องไห้ให้ใครเห็นไม่ได้
ไม่มีน้ำตา... เพราะหากร้องออกไปก็เหมือนยอมรับความอ่อนด้อยของตัวเอง
หรืออาจจะไม่มีน้ำตา... เพราะเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย
ไม่ร้องแต่โคตรกลุ้ม ช็อตชินชาภาพนี้ที่แฟนผีฝากบอกว่า "พอกันที"
แต่จะมีด้วยหรือที่คนเราจะไม่มีความรู้สึกอะไร โดยเฉพาะกับการถูกลากมาด่าประจานต่อหน้าสาธารณชนไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่ซึ่งๆ หน้าในสนามแข่งขัน
มอยส์ เลือกจะไม่ตอบโต้ นั่นก็เพราะตอบโต้ไม่ได้
ผลงานของเขาสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "มือไม่ถึง" ทีมระดับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลำพังการจบด้วยอันดับที่ 4 ยังน่าจะเรียกได้ว่า "แค่พอรับได้" ด้วยซ้ำ แต่นี่ลำพังแค่โควตา้ ยูโรปา ลีก ก็ยังอาจจะไม่ได้
แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ต่างอะไรกับ บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งล้วนแต่เป็นเต้ยในลีกของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น
การคุมทีมพวกนี้ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่และเพียบแปล้ไปด้วยนักเตะฝีเท้า ยอดเยี่ยม แต่มันก็แลกมาด้วยความกดดันมหาศาลสมน้ำสมเนื้อกับค่าจ้างสูงลิบลิ่วของผู้ จัดการทีมด้วยเหมือนกัน
♪ฉันเจ็บ ทุกการกระทำ ที่ทำให้เธอเสียใจ
ทุกครั้งที่ทีมแพ้ โดยเฉพาะกับการแพ้ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แฟนๆ ด่ากันขรมระงมทั่วทุกทิศยิ่งกว่าระบบสเตอริโอเซอร์ราวนด์ ความเสียใจเกิดขึ้นทุกย่อมหญ้าภายใต้โลโก้ "ปีศาจแดง"
ทุกครั้งที่ทีมแพ้ แน่นอน มอยส์ ในฐานะผู้จัดการทีมเป็นคนหนึ่งที่ต้องเจ็บปวด แต่เขาคงยิ่งเจ็บปวดกว่าเดิมหลายเท่ากับการต้องเห็นแฟนๆ เสียใจ เสียใจเพราะการกระทำของเขา
♪ฉันทรมานแค่ไหน ใครจะรู้ ที่ผ่านมา
การต่อสู้โดยไม่มีแฟนๆ - กลุ่มคนที่น่าจะเรียกได้ว่า "เป็นพวกเดียวกัน" - คงทำให้ มอยส์ เหมือนสู้อยู่อย่างลำพัง ไม่ต้องคิดถึงฝ่ายบริหาร ทีมงาน เพราะการช่วย มอยส์ มันเป็นหน้าที่การงาน
แล้วยิ่งหากวันไหนทีมแพ้ ถือเป็นความผิด มอยส์ แต่หากวันไหนทีมชนะ นักเตะรับเครดิตไปเต็มๆ
♪ทั้งหมด ฉันเป็นคนแพ้ แต่แค่ไม่มีน้ำตา
ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน ทุ่มเทขนาดไหนเพื่อให้ทีมคว้าชัยชนะ เพื่อให้ทีมไปถึงเป้าหมายให้ได้ แต่ดูเหมือนยิ่งทำจะยิ่งสูญเปล่า หลังทุกสิ่งทุกอย่างทั้งปรัชญาการเล่น ระบบการจัดการที่นำเข้ามาใช้นั้นกลับ "ถูกต่อต้าน" และน่าจะเป็นจากนักเตะระดับแแกนนำด้วย
ก่อนที่ปีศาจแดงจะทำการปลด มอยส์ มีข่าวว่าบรรดาแข้งผีแดงก็แอบไปฟ้องบอร์ดบริหารว่า "พวกกูไม่เอาแล้ว"
รู้ทั้งรู้ว่าแพ้ "แล้ว" แต่หากทุกอย่างยังไม่ถึงฎีกา ชะตายังไม่ถูกตัดสิน มอยส์ ต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งและก้าวเดินออกจาอุโมงค์ลงสู่สนามแข่งขันด้วยสายตา "ยังสู้" ปรากฏผ่านหน้ากล้องโทรทัศน์ถ่ายทอดสดทุกครั้ง
♪ออกมาให้ใครได้รู้ ความจริงที่ซ่อนอยู่ ในรอยน้ำตา
ว่ากันว่าคนเราโกหกได้ด้วยปาก แต่หากจะให้โกหกทั้งร่างกายเลยนั้นเป็นไปไม่ได้ "อวัจนะภาษา" หรือ "ภาษากาย" หลายต่อหลายครั้งของกุนซือหัวหยิกหยอยแสดงความจริงให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง ทั้งสีหน้าผิดหวังเต็มประดาปานจะร้องไห้ยามถูกขึ้นนำ หรือจะเป็นจังหวะไหลรูดแทบหล่นเก้าอี้เพราะรูปเกมสู้ไม่ได้
แต่หลังจากรู้ตัว... ทุกครั้ง มอยส์ จะกลับมาตั้งท่าทำตัวให้สมกับที่มีโลโก้ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่บนหน้าอกเสื้อเสมอๆ แม้ใบหน้าซึ่งเคยมีราศีและอาบด้วยรอยยิ้มอย่างในวันแรกรับงานนั้นจะเปลี่ยน ไปประดับเป็นริ้วรอยจากความเครียดและความบอบช้ำจากรอยแผลในจิตใจแทนแล้วก็ ตาม
ฉันเสียใจแค่ไหน ที่ผ่านมา...♫
"การได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั้นมันเป็นบางสิ่งที่ผมจะรู้สึก ภาคภูมิใจอย่างที่สุดเสมอไป"
"การได้รับตำแหน่งหลังจากช่วงเวลาที่ ประสบความสำเร็จและมั่นคงอย่างต่อเนื่องยาวนานของสโมสรนั้นมันเลี่ยงไม่ได้ เลยที่จะเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ แต่มันก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมชื่นชอบและไม่เคยจะต้องคิดซ้ำสองเลยเพื่อจะ ตอบตกลงรับงาน"
"ขนาดงานของตำแหน่งผู้จัดการทีมยูไน เต็ด มันใหญ่โตมโหฬารมาก แต่ผมไม่เคยจะถอยหนีจากงานหนักและนั่นก็เหมือนกับกับทีมงานของผม ผมขอบคุณพวกเขามากสำหรับการอุทิศตัวและความจงรักภักดีมาตั้งแต่ฤดูกาลที่ แล้ว"
"เรามุ่งมั่นอย่างเต็มและทุ่มเทกับ กระบวนการในการสร้างรากฐานขึ้นมาใหม่ซึ่งนั่นจำเป็นสำหรับทีมชุดใหญ่ เรื่องนี้ต้องทำให้สำเร็จขณะที่ก็ต้องทำผลงานให้ดีทั้งใน พรีเมียร์ลีก และแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน ผลงาน และผลลัพธ์ ทั้งหมดมันไม่ได้เป็นอย่างที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแฟนๆ คุ้นเคยหรือคาดหวัง และผมก็เข้าใจและรู้สึกถึงความเสียใจของพวกเขาเหมือนกัน"
"ในช่วงเวลาสั้นๆ กับสโมสร ผมได้เรียนรู้ว่าสถานที่พิเศษอย่าง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และแคร์ริงตัน คืออะไร ผมอยากจะขอบคุณทีมงานยูไนเต็ด กับการช่วยให้ผมรู้สึกถึงการต้อนรับและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวยูไนเต็ด ตั้งแต่วันแรก และแน่นอนว่าผมต้องขอบคุณแฟนๆ ซึ่งให้การสนับสนุนผมมาโดยตลอดทั้งฤดูกาล ผมขอให้พวกคุณและสโมสรพบกับความโชคดีในอนาคต"
"ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าผู้จัดการทีมจะ ต้องไม่หยุดเรียนรู้ในอาชีพของตัวเองและผมก็รู้ว่าผมจะใช้ประสบการณ์อัน ประเมินค่าไม่ได้จากช่วงเวลาของผมในฐานะผู้จัดการทีมยูไนเต็ด ผมยังคงภาคภูมิใจกับการได้เคยนำทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก และผมก็ยังรู้สึกขอบคุณ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สำหรับความเชื่อมั่นในความสามารถของผมและให้ผมได้มีโอกาสเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
จากบทสัมภาษณ์ เดวิด มอยส์ หลังถูกปลดพ้นตำแหน่งกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
♪ฉันเจ็บ ทุกการกระทำ ที่ทำให้เธอเสียใจ
ฉันทรมานแค่ไหน ใครจะรู้ ที่ผ่านมา
ทั้งหมด ฉันเป็นคนแพ้ แต่แค่ไม่มีน้ำตา
ออกมาให้ใครได้รู้ ความจริงที่ซ่อนอยู่ ในรอยน้ำตา
ฉันเสียใจแค่ไหน ที่ผ่านมา...♫
'นนท์