ล้วงลึกแท็คติก, คีย์แมน+จุดแข็ง "10 ชาติตัวเต็ง ฟุตบอลโลก 2018"

ล้วงลึกแท็คติก, คีย์แมน+จุดแข็ง "10 ชาติตัวเต็ง ฟุตบอลโลก 2018"

ล้วงลึกแท็คติก, คีย์แมน+จุดแข็ง "10 ชาติตัวเต็ง ฟุตบอลโลก 2018"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจาะลึกแบบแผนการเล่น, นักเตะคีย์แมน และจุดแข็งของ 10 ชาติตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย

10. โครเอเชียImage by Tomorn

ทัพตาหมากรุก มาในรูปแบบ 4-3-3 ที่มิดฟิลด์หนึ่งคนจะเติมขึ้นไปสนับสนุนเกมรุกในแดนหน้า พวกเขาโดดเด่นในการบีบพื้นที่สูง การมีนักเตะอย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช ดาวยิงร่างยักษ์ที่สามารถทำได้ดีเมื่อรับบทบาทกองหน้าที่ริมเส้น ทำให้พวกเขามีแดนหน้าที่ลงตัวเมื่อประสานงานกับ อิวาน เปริซิช ตัวรุกฝั่งซ้ายที่เทคนิคแพรวพราว และกองหน้าที่หาพื้นที่ได้ดีทั้ง นิโคลา คาลินิช และ อันเดรย์ ครามาริช

 คีย์แมน : 2 กองกลางระดับเวิลด์คลาสอย่าง ลูก้า โมดริช กับ อิวาน ราคิติช และผู้เล่นในแดนหน้าทั้ง 4 ราย ที่สอดประสานกันได้อย่างลงตัวดังที่กล่าวข้างต้น

 จุดแข็ง : การใช้นักเตะตัวเป้าถ่างออกมาเล่นที่ริมเส้นโจมตีฟูลแบ็คของคู่ต่อสู้ที่ส่วนใหญ่จะมีความแข็งแกร่งทางร่างกายน้อยกว่าอยู่แล้วคือทีเด็ดของ โครเอเชีย ชุดนี้

9. อุรุกวัยImage by Tomorn

ทัพจอมโหดของ ออสการ์ ตาบาเรซ เล่นในรูปแบบ 4-4-2 โดยยืดหยุ่นเป็น 4-3-3 เมื่อทีมเปิดเกมบุก โรดริโก้ เบนทานคูร์ ที่มักรับบทเป็นตัวรุกริมเส้นฝั่งขวาจะเติมขึ้นไปประจำการอยู่ในแดนหน้าร่วมกับ เอดินสัน คาวานี ทำให้ทีมมีแนวรุก 3 คน ขณะที่ริมเส้นฝั่งซ้ายของพวกเขาจะขยับเข้ามาเล่นร่วมกับแผงมิดฟิลด์เพื่อสร้างความได้เปรียบในพื้นที่แดนกลาง

คีย์แมน : ความเข้าใจกันของสองคู่หูเซ็นเตอร์แบ็คจาก แอตเลติโก มาดริด อย่าง โฆเซ มาเรีย ฆิเมเนซ กับ ดีเอโก้ โกดิน วิสัยทัศน์และการผ่านบอลของ มาเทียส เวคิโน มิดฟิลด์จาก อินเตอร์ มิลาน รวมกับตัวปั้นเกมชั้นเชิงสูงสังกัด ยูเวนตุส โรดิโก้ เบนทานคูร์ และแน่นอน 2 ดาวยิงมหาประลัยอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ กับ เอดินสัน คาวานี

จุดแข็ง : อุรุกวัย เป็นทีมที่มีรูปแบบการผ่านบอลแบบไดเร็กต์จากแดนหลังและแดนกลางได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายให้กับเหล่าผู้เล่นในแดนหน้า ทะลุไลน์แผงหลังฝั่งตรงข้ามเข้าไปทำประตู หรืออาศัยทีเผลอของคู่ต่อสู้ผ่านให้ฟูลแบ็คที่เติมขึ้นไปสุดเส้นหลุดเข้าไปยังพื้นที่อันตราย

8. โปรตุเกสImage by Tomorn

ทัพฝอยทอง มาในรูปแบบการเล่น 4-4-2 ที่ยืดหยุ่นเป็น 4-3-3 ยามเปิดเกมรุกโดยมีริมเส้นฝั่งขวาอย่าง ริคาร์โก้ กวาเรสมา หรือ แบร์นาโด้ ซิลวา ดันขึ้นสูงสนับสนุนแดนบน ขณะที่ริมเส้นฝั่งซ้ายที่มักรับบทบาทโดย ชูเอา มาริโอ หรือ มานูเอล เฟร์นานเดส จะหุบเข้ามาช่วยตั้งเกมในแดนกลาง ร่วมกับฟูลแบ็คสองข้างที่ดันขึ้นสูงช่วยเติมเกม

 คีย์แมน : คริสเตียโน โรนัลโด้ อย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าตัวคือทุกสิ่งทุกอย่างของ โปรตุเกส ชุดนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจกลายเป็นดาบสองคมได้เช่นกันหากวันใดเจ้าตัวเกิดเล่นไม่ออก

 จุดแข็ง : การเพรสซิงอย่างดุดันและการขึ้นเกมรุกจากด้านข้างเพื่อเปิดป้อนให้ โรนัลโด้ และคู่หูในแดนหน้าไม่ว่าจะเป็น อังเดร ซิลวา หรือ บรูโน เฟร์นานเดส ในตำแหน่งหน้าต่ำ

7. อังกฤษImage by Tomorn

สิงโตคำราม ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ขับเคลื่อนด้วยระบบการเล่น 3-5-2 ที่สามปราการหลังตัวกลางมีความครบเครื่อง ปิดล็อคด้วยมิดฟิลด์ตัวรับอีก 1 ชั้น ขณะที่แดนหน้ามีเพชฌฆาตอย่าง แฮร์รี เคน ยืนปักหลักจับคู่กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่คอยสอดส่ายหาพื้นที่ว่างโดยมีแดนกลางที่จมูกไวในการหาพื้นที่อย่าง เดเล อัลลี สอดประสาน และใช้วิงแบ็คทั้งสองข้างในการถ่างเกมรับริมเส้นของคู่ต่อสู้

 คีย์แมน : สามประสานตัวอันตรายของพวกเขาทั้ง เคน, สเตอร์ลิง และ อัลลี มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไปอยู่ที่ว่าทั้งสามคนจะจูนกันได้ดีแค่ไหนใน ฟุตบอลโลก ครั้งนี้

 จุดแข็ง : ทรีไลออนส์ มีปราการหลังตัวกลางทั้งที่มีจุดเด่นในการขึ้นเกมอย่าง จอห์น สโตนส์ และความรวดเร็วของ ไคล์ วอล์คเกอร์ มีเกราะกำบังจากแดนกลางอีกชั้นจาก เอริค ดายเออร์ หรือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขณะที่แนวรุกของพวกเขาแต่ละรายก็มีความคล่องตัวสูงแถมด้วยดาวยิงที่จบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาด

6. เบลเยียมImage by Tomorn

ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป คุ้นเคยกับแบบแผนการเล่น 3-4-2-1 มีตัวเลือกในแดนกลางที่แข็งแกร่งอย่าง แอ็กเซล วิตเซล, มารูยาน เฟลไลนี และ มุสซา เดมเบเล บอลจะถูกลำเลียงให้กับ 2 ผู้เล่นเวิลด์คลาสในแนวรุกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ที่จะถอยลงต่ำเชื่อมเกมและทำคิลเลอร์พาสจากแนวลึก ขณะที่ เอแด็น อาซาร์ จะคอยหาพื้นที่ว่างด้านบน ปั่นป่วนแนวรับคู่ต่อสู้โดยมีเป้าหมายเป็น โรเมลู ลูกากู ที่ปักหลักคอยจบสกอร์อยู่ในแดนหน้า

 คีย์แมน : สองกองกลางระดับโลกอย่าง เอแด็น อาซาร์ กับ เควิน เดอ บรอยน์ น่าจับตาดูเหลือเกินว่า โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ จะปรุงแต่งส่วนผสมที่มีในทีมให้ลงตัวได้อย่างไร

 จุดแข็ง : แม้จะตัด KDB หรือ อาซาร์ ทิ้งไป เบลเยียม ยังเต็มไปด้วยตัวเลือกที่หลากหลายในแนวรุกไม่ว่าจะเป็น ยานนิค การ์ราสโก้, ดรีส เมอร์เทนส์ ที่ทำให้ ปีศาจแดงแห่งยุโรป รายนี้สามารถเลือกโจมตีคู่แข่งได้อย่างหลากหลาย


5. อาร์เจนตินาImage by Tomorn

ยากจะคาดเดาเหลือเกินว่า ฮอร์เก้ ซามเปาลี จะจัดทัพในรูปแบบใดใน ฟุตบอลโลก ครั้งนี้เมื่อนายใหญ่ทัพ ฟ้าขาว เคยใช้แบบแผนการเล่นทั้ง 4-3-3, 4-4-2, 4-2-3-1 และ 3-3-3-1 ให้เห็นกันมาแล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากตัวผู้เล่นในทีมชุดนี้ เราจึงคาดว่า 4-2-3-1 น่าจะเป็นแบบแผนที่สมดุลของทีมเมื่อมี ลูคัส บิเกลีย กับ เอแวร์ บาเนก้า ขับเคลื่อนแดนกลาง เช่นเดียวกับ 3-3-3-1 เมื่อทีมจะโหมบุกหนักเมื่อต้องการประตู บาเนเก้า สามารถรับบทบาทมิดฟิลด์ตัวต่ำโดยมี อังเคล ดิ มาเรีย หรือ จิโอวานี โล เซลโซ ที่ริมเส้นฝั่งซ้าย คริสเตียน ปาวอน ที่ฝั่งขวา และ ลิโอเนล เมสซี เคลื่อนที่อยู่ด้านหลัง เซร์คิโอ อเกวโร

 คีย์แมน : ลิโอเนล เมสซี จะถูกจับตามองว่าเจ้าตัวจะพา อาร์เจนตินา เถลิงบัลลังก์คว้าแชมป์โลกเพื่อประกาศศักดานักฟุตบอลเบอร์หนึ่งของโลกอย่างเต็มตัวได้หรือไม่

 จุดแข็ง : บรรดาตัวรุกระดับพระกาฬนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ ทัพฟ้าขาว เป็นหนึ่งในทีมที่มีดาวยิงน่ากลัวที่สุดใน เวิลด์คัพ ครั้งนี้ พวกเขายังมีนักเตะอย่าง กอนซาโล อิกวาอิน, เปาโล ดิบาลา และ เอดูอาร์โอ้ ซัลวิโอ ที่พร้อมจะเป็นทางเลือกฉีกแนวรับของคู่ต่อสู้ให้ขาดวิ่น

4. ฝรั่งเศสImage by Tomorn

ทัพตราไก่ ขับเคลื่อนโดยแบบแผน 4-3-3 ที่เราเห็นในเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุดที่ยืดหยุ่นเป็น 2-3-5 ยามเป็นฝ่ายเปิดเกมรุก หรือ 4-5-1/ 4-1-4-1 ยามที่ทีมเป็นฝ่ายตั้งรับ ฟูลแบ็คทั้งสองข้างเติมสุดเส้นเพื่อถ่างแนวรับคู่ต่อสู้ โดยมีแดนกลางที่แข็งแกร่งอย่าง เอ็นโกโล ก็องเต้ กับ ปอล ป็อกบา ขณะที่สามประสานในแดนหน้าก็อันตรายอย่างยิ่งยวดไม่ว่า ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ จะเลือกใช้ส่วนผสมใดในตัวเลือกที่มี

 คีย์แมน : เมื่อกางรายชื่อบนหน้ากระดาษเรียกได้ว่า ทีมชาติฝรั่งเศส ชุดนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมากทั้งในแดนหน้าและแดนกลางไล่เรียงตั้งแต่ ก็องเต้ กับ ป็อกบา ที่กล่าวไปในข้างต้น ตามด้วยแดนหน้าทั้ง กรีซมันน์, เดมเบเล และ เอ็มบัปเป้

 จุดแข็ง : ฝรั่งเศส มีทั้งตัวรุกอาวุธหนักอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ มันสมองและจมูกในการพาพื้นที่อันตรายของ อองตวน กรีซมันน์ รวมกับพวกตัวจี๊ดสปีดเร็วกว่านรกอย่าง คิเลียน เอ็มบัปเป้ กับ อุสมาน เดมเบเล ที่ครบเครื่องทั้งการครอสบอล, การเลี้ยงเอาชนะในสถานการณ์ 1 ต่อ 1 กระทั่งจบสกอร์ด้วยตนเอง

 นอกจาก ก็องเต้ กับ ป็อกบา ที่น่าจะเป็นตัวยืนให้กับฝรั่งเศสชุดนี้ ทัพตราไก่ ยังมีทางเลือกที่หลากหลายในแดนกลางเมื่อมี โตมัส เลอมาร์, โกแรงแตง โตลิสโซ, แบลส มาตุยดี้ และ สตีเวน เอ็นซองซี อยู่ในทีม

3. สเปนImage by Tomorn
สเปน ของ ฆูเลน โลเปเตกี มาในรูปแบบ 4-3-3 อันเป็นจุดเด่นของพวกเขาที่มีมิดฟิลด์คอยสกรีนแผงหลัง 1 ชั้น ประสานงานกับสองกองกลางที่สอดขึ้นไปเล่นแดนบนได้อันตราย ขณะที่แนวรุกริมเส้นของพวกเขาก็โดดเด่นทั้งในการเลื้อยตัดเข้าในและประจำการโจมตีที่ริมเส้นโดยมีฟูลแบ็คทั้งสองข้างเติมขึ้นมาสนับสนุนเกมรุก

คีย์แมน : ดาบิด เด เคอา ถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกยามที่เจ้าตัวท็อปฟอร์ม และเราเชื่อเหลือเกินว่าเขาจะเป็นตัวละครสำคัญในทีมชาติ สเปน ชุดนี้ที่จะพาทัพ ลาโรฆา เถลิงบัลลังก์แชมป์โลก

จุดแข็ง : ทางเลือกในแผงมิดฟิลด์และแนวรุกที่หลากหลายทำให้ สเปน ชุดนี้อันตรายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเก๋าของ อันเดรส อิเนียสต้า, ความดุดันของ ซาอูล นิเกวซ, วิสัยทัศน์ของ โกเก้, ชั้นเชิงของ ดาบิด ซิลบา กับ ติอาโก้ อัลคันทารา, ความรวดเร็วของ ลูคัส บาสเกวซ กับ มาร์โก อเซนซิโอ และ ไหวพริบกับความฉลาดเป็นกรดของ อิสโก้

สเปน ยังมีอาวุธหนักในแดนหน้าอย่าง ดีเอโก้ คอสต้า ที่มี ยาโก้ อัสปาส ที่คล่องแคล่วกว่าพร้อมกับบทฟอลส์ไนน์ และ โรดริโก้ โมเรโน ที่ดูจะเป็นเหมือนส่วนผสมของ คอสต้า และ อัสปาส

2. เยอรมนีImage by Tomorn
แชมป์เก่าของ โยอาคิม เลิฟ มักจัดทัพด้วยรูปแบบการเล่น 4-2-3-1 ที่เน้นการครองบอลเจาะเข้าทำคู่ต่อสู้ แนวรับที่แข็งแกร่งของพวกเขาทำให้การดันไลน์บีบพื้นที่สูง สามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ แดนกลางที่มีความสมดุลทั้งชั้นเชิงและความแข็งแกร่ง ฟูลแบ็คทั้งสองข้างพร้อมจะดันเติมเกมรุกจนสุดเส้น รวมทั้งแดนหน้าที่มีอาวุธหนักครบมือให้เลือกใช้

คีย์แมน : โธมัส มุลเลอร์ คือตัวอันตรายของ ทีมชาติเยอรมนี ชุดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าตัวยังมีลุ้นที่จะเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล ฟุตบอลโลก อีกด้วยหากสามารถยิงในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ได้อีก 7 ประตู

จุดแข็ง : ศักยภาพของผู้เล่นแต่ละรายในทีมชุดนี้ของ อินทรีเหล็ก สามารถทดแทนกันได้แทบจะไร้ที่ติ ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงนักเตะในแผงกองหน้า จมูกในการดมกลิ่นล่าพื้นที่ว่างของ มุลเลอร์ คือทีเด็ดของพวกเขา รวมกับความเร็วและความแข็งแกร่งของ ติโม แวร์เนอร์ ครบเครื่องด้วยอาวุธอย่าง มาริโอ โกเมซ ที่มีจุดเด่นในลูกกลางอากาศ

 ไม่นับรวมแดนกลางที่จัดสรรตำแหน่งกันแทบไม่ถูกเมื่อมีทั้ง ซามี เคดิรา, โทนี โครส, เมซุต โอซิล, ยูเลียน แดร็กซ์เลอร์, ลีออน โกเร็ทซ์ก้า, เซบาสเตียน รูดี้, ยูเลียน แบรนท์ และ อิลคาย กุนโดกัน

1. บราซิลImage by Tomorn

ทัพแซมบ้า เริงระบำในรูปแบบ 4-3-3 ที่มักเริ่มต้นเซ็ตเกมจากแดนหลัง สามประสานในแดนกลางของพวกเขาทั้ง คาเซมิโร, เรนาโต้ ออกุสโต้ และ เปาลินโญ สามารถครองบอลได้อย่างเหนียวแน่นเปิดทางลำเลียงต่อให้กับแนวรุกระดับพระกาฬทั้งสามราย โดยมีฟูลแบ็คทั้งสองเข้าเติมขึ้นไปสนับสนุนด้านบน แถมยังมีทีเด็ดจากแดนกลางอย่าง เปาลินโญ ที่อาศัยทีเผลอ เมื่อคู่ต่อสู้มัวพะวงแต่ผู้เล่นในแดนหน้า สอดหาพื้นที่เติมขึ้นไปพังประตู

คีย์แมน : เนย์มาร์ และผู้เล่นแนวรุกของ บราซิล ทุกสายตาจับจ้องไปที่สตาร์จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในทัพ แซมบ้า ชุดนี้  ทว่าแนวรุกของพวกเขาที่เหลือก็ไม่สามารถประมาทได้ เมื่อมีผู้เล่นอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ, วิลเลียน, ดักลาส คอสต้า, กาเบรียล เชซุส, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ ไทซอน

จุดแข็ง : การเคลื่อนที่อย่างลื่นไหลในแนวรุกรวมกับความแข็งแกร่งในแดนกลางและแดนหลัง อีกทั้งศักยภาพที่ทัดเทียมกันของผู้เล่นทุกคนทำให้ บราซิล ชุดนี้เป็นหนึ่งในตัวเต็ง ฟุตบอลโลก อย่างไร้ข้อกังขา ผู้เล่นอย่าง เฟร์นานดินโญ, เฟร็ด หรือ ฟิลิเป้ หลุยส์ ที่ทำได้อย่างโดดเด่นกับต้นสังกัดในฤดูกาลที่ผ่านมา ยังแทบจะไม่สามารถสอดแทรกออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับ บราซิล ชุดนี้ได้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook