5 เรื่องต้องรู้ หลัง "เต็ง 1" แซมบ้า ได้แค่เจ๊า

เกมคู่ที่ 2 ของกลุ่มอีจบลงไปด้วรอยยิ้มของแฟนบอล สวิสเซอร์แลนด์ เมื่อพวกเขาสามารถแบ่งแต้มทีมที่น่ากลัวที่สุดทีมหนึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ ในขณะที่ บราซิล ต้องหาทางแก้กันต่อไปสำหรับการยิงทิ้งยิงขว้างของพวกเขาในเกมนี้

ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง ในเกมที่ทำให้ประตูของ โคลารอฟ ส่ง เซอร์เบีย กลายเป็นผู้นำกลุ่มอีในตอนนี้ 

5. ประตูสุดสวยของ คูตินโญJOE KLAMAR/GettyImages

ฟุตบอลโลกนัดแรกของทุกทีมยังไม่ผ่านพ้นไปก็จริง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลูกยิงของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ นั่นสวยเกินบรรยาย และจะเป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดของทัวร์นาเมนท์อย่างแน่นอน

จังหวะดังกล่าวเกิดในนาทีที่ 20 โดยเป็นการขึ้นเกมทางซ้ายของ เนย์มาร์ และ มาร์เซโล ก่อนแบ็คซ้ายบราซิเลียนจะลองเปิดเข้ากลางเขตโทษ ฟาเบียน แชร์ โขกสกัดออกมาเข้าทาง คูตินโญ ซึ่งอดีตมิดฟิลด์ หงส์แดง ได้ลองปั่นระยะไกลตามถนัด บอลโค้งชิ่งเสาไกลเข้าประตูไปอย่างสวยงม

4. เนย์มาร์ ยังมีของ แม้จะแทบไม่ได้ปล่อยออกมาเลยก็ตาม

Catherine Ivill/GettyImages

เป็นความจริงที่นักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกโดนตัดเกมโดย วาลอน เบห์รามี ตลอด แต่โอกาสเพียง 2-3 ครั้งก็ทำให้เห็นแล้วว่า ปีกรายนี้คือ 1 ในนักเตะอันตรายที่สุดของรายการ

 ก่อนที่ เบห์รามี จะเริ่มจับทางได้ เนย์มาร์ มีโอกาสได้โฉบทางฝั่งซ้าย 2-3 ครั้ง ซึ่งต้องขอบคุณ มาร์เซโล และ คูตินโญ ที่ทำให้เขาค่อนข้างอิสระจากแนวรับคนอื่นของ สวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ จังหวะเปิดบอลของ เนย์มาร์ ยังแม่นยำและพึ่งได้ ซึ่งน่าเสียดายที่เพื่อนร่วมทีมไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ 

หากนี่คือ เนย์มาร์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา เชื่อเลยว่าถ้า บราซิล ไม่พลิกตกรอบไปก่อน เนย์มาร์ จะกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทัพแซมบ้าได้เข้ารอบลึก ๆ ในรายการนี้อย่างแน่นอน

3. ลิชท์ชไตเนอร์ กับ อาร์เซนอลJOE KLAMAR/GettyImages

หากคุณเป็นแฟนบอล อาร์เซนอล และไม่ค่อยได้ดูบอลอิตาลีมากนัก นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะดูฟอร์มของ ลิชท์ชไตเนอร์ ... ซึ่งก็ทำได้ไม่เลวทีเดียว

ลิชท์ชไตเนอร์ อาจไม่ใช่ฟูลแบ็คความเร็วสูงแบบ เอคตอร์ เบเยริน แต่เขามีประสบการณ์และมองเกมออก หลาย ๆ ครั้งเขาไม่จำเป็นต้องไล่กดดันตัวอย่าง คูตินโญ หรือ เนย์มาร์ ตลอดเวลา

โดยปล่อยให้สตาร์ดังเหล่านั้นเล่นบอลไป แล้วใช้วิธีคอยดักบริเวณพื้นที่สุดท้ายเอา ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้ผลซะด้วย แม้จะเสี่ยงไปหน่อยหากบอลหลุดเข้าไปได้แบบจังหวะของ เปาลินโญ หรือ โดนยิงไกลคม ๆ แบบ คูตินโญ

 นอกจากนี้ มีเรื่องนึงที่แฟนบอล อาร์เซนอล ควรรู้เอาไว้ ผู้ตัดสินชาวสวีเดนที่เคยตัดสินเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ ยูเวนตุส มาก่อน พูดเอาไว้ว่า "เขาเป็นนักฟุตบอลขี้โมโหมากที่สุดที่ผมเคยเจอมา เขาโมโหตลอดเวลา และไม่มีทางเลยที่จะคุยกับเขาแบบดี ๆ ได้"

ไม่แน่ว่าฤดูกาลหน้า เกมลอนดอนดาร์บี้กับ สเปอร์ส อาจจะเป็นอะไรที่สนุกก็ได้ แต่คงเป็นเกมที่หน้าปวดหัวสุด ๆ สำหรับ ไมค์ ดีน น่าดู

2. ชากิรี, อลิสซอน และ ลิเวอร์พูลPASCAL GUYOT/GettyImages

หากเกมนี้คือโอกาสของ อาร์เซนอล ในการเช็คฟอร์ม ลิชต์ชไตเนอร์ สาวกหงส์แดงน่าจะได้ใช้โอกาสทั้งเกมเช็คฟอร์มของ อลิสซอน นายประตูบราซิล และ เซอร์ดาน ชากิรี ปีกฝั่งสวิสเซอร์แลนด์

เอาจริง ๆ แล้ว ทั้ง อลิสซอน และ ชากิรี ไม่ได้ออกแอคชั่นมากนัก แต่การยืนตำแหน่งและสติของนายประตู โรมา ทำให้เห็นว่าเขามีดีกว่า คาริอุส หลายเท่านัก และหาก ลิเวอร์พูล คิดจะดึงประตูซักคนเข้ามาเสริมทีม บางทีการลองให้โอกาสตัวเองได้เซ็นสัญญาประตูดี ๆ เข้ามาก็ไม่แย่นัก ถ้า อลิสซอน ดีกว่าก็ยึดมือ 1 ไป ถ้า คาริอุส ดีกว่า อลิสซอน ก็จะเป็นมือ 2 ฝีมือเยีย่มอีกคนใน พรีเมียร์ลีก แค่นั้นเอง ซึ่งหากเจ้าตัวอยากย้าย ไว้ คล็อปป์ ขายทำกำไรก็ยังไม่สาย

ส่วน ชากิรี ในเกมนี้อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด แต่ความขยันและความกระหายในการสร้างโอกาสให้กับทีมรองอย่าง สวิสเซอร์แลนด์ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม จุดเด่นของ ชากิรี คือการเป็นนักเตะตัวเล็กแต่ใช้เท้าคล่องแคล่ว เด่นในการเปิดบอลซึ่งได้เห็นไปแล้ว 2-3 ครั้ง รวมทั้งจั้งหวะตีเสมอ กับการยิงลูกแปลก ๆ ได้ ซึ่งก็เกือบเห็นอีกเช่นกัน และสมควรที่ คล็อป และ เดอะค็อป จะจับตาดูเขาต่อไปอย่างใกล้ชิดในปีก 2 นัดที่เหลือ

1. โอกาสของ เซอร์เบียEMMANUEL DUNAND/GettyImages

การเสมอของ สวิตเซอร์แลนด์ ในเกมนี้อาจเป็นเรื่องที่ดีแล้วสำหรับทัพนาฬิกา แต่การที่พวกเขาต้องเจอกับ เซอร์เบีย ที่เพิ่งได้ใจจากการชนะ คอสตาริกา มานั้นไม่ค่อยเป็นเรื่องที่ดีเท่าไหร่

อย่างน้อยถ้าให้ เซอร์เบีย ไปแพ้ บราซิล มาก่อน แล้ว สวิสฯ เอาชนะ คอสตาริกา ได้ เซอร์เบีย น่าจะกดดันกว่านี้ในเกมสุดท้าย แต่การที่ เซอร์เบีย เพิ่งจะได้ 3 แต้มมาทำให้พวกเขาคึกคักกันสุด ๆ และมีโอกาสทีเดียวที่อย่างน้อยจะแบ่งแต้มออกไปจาก สวิสเซอร์แลนด์ ได้ นั่นจะทำให้ สวิสฯ หลังพิงฝาในการเจอกับ คอสตาริกา เกมสุดท้าย และมีโอกาสที่จะตกรอบไปพร้อมกับ คอสตาริกา ด้วยความกดดันมหาศาลของตัวเอง

 หากทำได้ เซอร์เบีย จะเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่ ยูโกสลาเวีย ล่มสลาย