‘คากาวะ' กับเครื่องหมายคำถาม
ฟุตบอล : หลังจากที่เกมลีกยอดนิยมอย่าง พรีเมียร์ลีก ได้เปิดฤดูกาลไปแล้ว 3 นัดอย่างร้อนแรงและสนุกสนาม เชื่อว่าคำถามที่แฟนบอล "ปีศาจแดง" หลายคนเอ่ยออกมาคล้ายๆ กันแน่นอนคือ "คากาวะ ไปไหนวะ"
นับตั้งแต่ย้ายสังกัดจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในบุนเดสลีกา มาละเลงฝีแข้งใน "โรงละครแห่งความฝัน" ชินจิ คากาวะ ก็ไม่อาจยึดตำแหน่งตัวจริงแบบถาวรในทัพ "อสูรแดง" ของยอดบรมกุนซือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้
แต่ก็ยังได้รับโอกาสได้ลงสนามอยู่บ่อยครั้ง เรียกว่าแม้ไม่ใช่ตัวหลัก แต่ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ของสโมสร
หลังจบซีซั่น คากาวะ เดินทางไปสมทบกับทีมชาติญี่ปุ่นบ้านเกิดเพื่อทำศึกคอนเฟเดอเรชัน คัพ ที่บราซิล และส่วนตัวก็ยังทำผลงานได้อย่างน่าชมเชย แต่หลังกลับมาพบกับกุนซือใหม่ เดวิด มอยส์ ที่เข้ามารับมรดกตกทอดจาก "ป๋า" ทำให้โอกาสของดาวเตะเลือด ซามูไร ลดน้อยลงไปจนไม่เหลือเวลาได้ลงเล่นแม้แต่วินาทีเดียวในเกมลีก 3 นัดที่ผ่านมา
โชว์ฝีเท้าในศึกคอนเฟเดอร์เรชั่น คัพได้ระดับ B+ แต่แมนฯ ยูไนเต็ดก็ยังไม่เห็นค่า
หลายคำถามเกิดขึ้นในใจของแฟนบอล "ปีศาจแดง" หลายคน โดยเฉพาะแฟนในเอเชียอย่างเราๆ ที่เอาใจช่วยคนในทวีปเดียวกันอยู่แล้วว่าทำไม เดวิด มอยส์ ถึงไม่เลือกใช้งานเพลย์เมกเกอร์ "ปีศาจซามูไร" ผู้นี้เลย ทั้งที่ผลงานในทีมชาติก็ดี แถมอาการบาดเจ็บก็ไม่ได้มีรายงานแต่อย่างใด
ผมคนหนึ่งที่พยายามเฟ้นหาคำตอบนี้ เกมแรกที่เจอกับ สวอนซี อาจยังไม่ผิดสังเกตนัก แต่นัดที่สองกับ เชลซี ที่เกมรุกของทีมค่อนข้างจะตีบตัน ก็น่าจะเลือกเปลี่ยนตัวส่งตัวสร้างสรรค์เกมลงไปเพื่อสร้างความแต่ต่างแต่ก็ไม่ และยิ่งนัดที่ปราชัยต่อ ลิเวอร์พูล ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดขึ้น
เมื่อเกมรุกของ มอยส์ ไม่ทำงาน แม้จะครองบอลได้มากกว่า แต่ก็ไม่อาจพาบอลไปจบที่ก้นตาข่ายคู่แข่งได้ บอลโยนไปติด โยนไปติด แทนที่จะส่ง คากาวะ ลงไปเปลี่ยนเกมรุกให้หลากหลายขึ้น กลับเลือก หลุยส์ นานี่ ลงไปแทนนักเตะที่สไตล์คล้ายคลึงกันอย่าง แอชลีย์ ยัง และคำตอบก็เหมือนเดิมคือเกมรุกยังมีแค่การพาบอลไปเปิดที่ริมเส้นเหมือนเดิม
คากาวะไม่เหมาะกับแผนของมอยส์? หรือ มอยส์ฟังคากาวะไม่รู้เรื่อง?
คากาวะ ยังต้องนั่งรอโอกาสที่ม้านั่งสำรองต่อไป จนเมื่อเวลาที่ตลาดซื้อ-ขายนักเตะประจำช่วงซัมเมอร์กำลังจะปิดตัวลง ก็มีข่าวว่า "ปีศาจแดง" ต้องการปล่อยตัวกองกลางเลือดซามูไรออกจากทีมให้กับสโมสรอื่น
ไม่ว่าจะเป็นทีมเก่าอย่าง ดอร์ทมุนด์ และแอตเลติโก มาดริด รวมไปถึงขั้นมีข่าวว่าดาวเตะรายนี้ไปปรากฏตัวที่สถานีรถไฟในกรุงปารีส เพื่อที่จะย้ายไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เจ้าตัวอยู่ระหว่างไปเก็บตัวกับทีมชาติบ้านเกิดต่างหาก
สุดท้ายเมื่อตลาดปิดตัวลงทำให้ข่าวลือเงียบลงไป แต่ความจริงที่ว่าเจ้าตัวยังไม่ได้ลงเล่นเกมลีกให้ต้นสังกัดก็ยังเป็นเรื่องจริง ซึ่งตัวของ คากาวะ เอง แน่นอนว่าด้วยสายเลือด "บูชิโด" ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ทำให้การยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ใช่วิถีทางที่ลูกผู้ชายชาวอาทิตย์อุทัยเลือกแน่นอน
ล่าสุดเจ้าตัวประกาศชัดเจนว่ายังมีเจตนารมณ์เดิม คือการกัดฟันสู้ต่อไปเท่านั้น
พาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มีหรือที่แฟนเสือเหลืองจะลืม
ขณะที่ตัวของ เดวิด มอยส์ ก็เคยตอบคำถามเรื่อง คากาวะ อยู่เหมือนกัน แต่ฟังแล้วกลับไม่ทำให้ผมเชื่อในน้ำหนักปากของกุนซือสกอตรายนี้เท่าไหร่นัก เขากล่าวว่าตัวเองยังพร้อมให้โอกาส คากาวะ อยู่ ซึ่งน่าจะเป็นในเร็ววันนี้ในเกมลีก (นัดหน้าเจอกับ คริสตัล พาเลซ ถ้าไม่ส่งลงก็แย่แล้วล่ะ)
และเหตุผลที่ยังไม่ใช้ก่อนหน้านี้เพราะเจ้าตัวกลับมาร่วมทีมช้ากว่าเพื่อนๆ นอกจากความฟิตยังไม่ค่อยจะเต็มถัง (ทั้งที่กับทีมชาติวิ่งปร๋อ) มอยส์ ยังต้องการให้ผู้เล่นชุดที่ยึดเป็นหลักมาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นได้เล่นด้วยกันมากกว่าด้วย
ขณะเดียวกันก็บอกด้วยว่า ในเกม "แดงเดือด" ที่ส่ง นานี่ ลงไป แทนที่จะเป็น คากาวะ ทั้งที่ความฟิตก็อยู่ในระดับพอๆ กันเพราะเชื่อว่าปีกโปรตุกีส มีความวูบวาบมากกว่า และอาจเหมาะกับเกมดังนี้มากกว่าก็เท่านั้น (เฮ้อออ เอาอะไรคิด)
แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะมีพลังงานอะไรทำให้ คากาวะ ไม่ได้ลงสนาม ผมเชื่อเหลือเกินว่าคนที่มีสายเลือดของผู้ไม่ยอมแพ้อย่างชาวญี่ปุ่นอยู่ในร่างกาย จะสู้ยิบตาเพื่อพิสูจน์ตัวเองใน "โรงละครแห่งความฝัน" แห่งนี้ต่อไปแน่นอน
เพราะผมเชื่อเหลือเกินว่า ชินจิ คากาวะ เป็น ของจริง เป็นนักเตะที่คู่ควรกับตราแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บนอกเสื้ออย่างแน่นอน
เรื่องโดย "FIATTA"