12 สังเวียนแข้งฟุตบอลโลก 2014
นี่คือ 12 สังเวียนแข้งฟุตบอลโลก 2014 ที่จะเริ่มฟาดแข้งกันในวันที่ 13 มิถุนายนนี้
สนามกีฬาแห่งชาติ มาเน่ การ์รินช่า
สนามกีฬาแห่งชาติ มาเน่ การ์รินช่า
เป็นสังเวียนฟาดแข้งประจำเมือง บราซิเลีย ที่ถูกรัฐบาลคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 12 สนามที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ชื่อสนามถูกตั้งขึ้นมาเพื่อให้เกียรติกับ มาเน่ การ์รินช่า เจ้าของฉายา "เจ้านกน้อย" แข้งคนสำคัญที่มีส่วนช่วยพา พลพรรค "แซมบ้า" ผงาดคว้าแชมป์โลกครั้งแรก ในศึก "เวิลด์ คัพ" ปี 1958 ที่ สวีเดน ก่อนจะป้องกันแชมป์ได้สำเร็จในการแข่งขันครั้งต่อมา ที่ ชิลี เป็นเจ้าภาพ
โดยตัวสนามดังเดิมถูกสร้างขึ้นและใช้งานมาตั้งแต่ปี 1974 ก่อนที่จะเริ่มแผนปรับปรุงสนามเพิ่มความจุให้เป็น 70,000 ที่นั่ง หลังได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยในการก่อสร้างเจอเสียงวิจารณ์ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากรัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณในการอัพเกรดหนนี้ สูงถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นงบประมาณปรับปรุงสนามที่มากที่สุดที่ บราซิล ได้จ่ายไปในการพัฒนาสังเวียนฟาดแข้ง ให้ดีพอที่จะผ่านมาตรฐานของ "ฟีฟ่า"
นอกจากนี้ยังมีเสียงต่อต้านการเพิ่มความจุเนื่องจากตัวเมือง บราซิเลีย เอง ไม่มีทีมฟุตบอลที่โด่งดังระดับประเทศมากพอที่จะเป็นเจ้าของสนามเหย้า ที่มีความจุมากมายขนาดนั้น ส่วนตัวสนามเองแม้จะสร้างเสร็จ จนได้ลองจัดการแข่งขันระดับโลกไปบ้างแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา (เกม คอนเฟเดเรชั่น คัพ ที่บราซิล ชนะ ญี่ปุ่น 3-0 เมื่อกลางปี 2013) แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องหลังคารั่ว จนทำให้แฟนบอลบ่นระงบ ซึ่งทางเจ้าภาพยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขก่อนศึก "เวิลด์ คัพ" จะเริ่มขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับ สังเวียน เอสตาดิโอ นาซิอองนาล มาเน่ การ์รินช่า จะถูกใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้งศึก "ฟุตบอลโลก" ในแดน "แซมบ้า" ถึง 7 แมตช์ เริ่มตั้งแต่การแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม คู่ สวิตเซอร์แลนด์ กับ เอกวาดอร์ (กลุ่ม อี วันที่ 15 มิ.ย.) , โคลัมเบีย กับ ไอวอรี่ โคตส์ (กลุ่ม ซี วันที่ 19 มิ.ย.) , แคเมอรูน กับ บราซิล (กลุ่ม เอ วันที่ 23 มิ.ย.) , โปรตุเกส กับ กาน่า (กลุ่ม จี วันที่ 26 มิ.ย.) ส่วนอีก 3 นัดประกอบด้วย เกมคู่ระหว่าง แชมป์กลุ่ม จี กับ รอง แชมป์กลุ่ม เอฟ (รอบ 16 ทีมสุดท้าย 30 มิ.ย.) รอบก่อนรองชนะเลิศ (5 ก.ค) และนัดชิงที่ 3 (12 ก.ค.)
══════════════════════════════
อารีนา เด เซา เปาโล
อารีนา เด เซา เปาโล
"อารีน่า โครินเธียนส์" สนามฟุตบอลที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และได้รับเลือกให้เป็น 1 ในสังเวียน ที่ใช้ฟาดแข้งในการแข่งขัน "ฟุตบอลโลก" ครั้งนี้ ซึ่งเดิมทีตัวสนามแห่งนี้ไม่มีแผนจะสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ทาง "ฟีฟ่า" ตัดสินใจหาตัวเลือกใหม่ เพราะไม่พอใจสภาพสนาม "โมรุมบี้" สนามเหย้าของทีม "เซา เปาโล" ที่ถูกวางตัวเอาไว้แต่แรก เลยทำให้ต้องเปลี่ยนแผนสร้างสนามใหม่ขึ้นมา
ตัวสนามเริ่มทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ช่วงปี 2011 และจะแล้วเสร็จช่วงปลายปี 2013 แต่จากปัญหาเรื่องอุบัติเหตุระหว่างก่อสร้างทำให้คนงานเสียชีวิตไป 2 คน จนเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ส่งผลใหแผนการสร้างเกิดความล่าช้า เสร็จไม่ทันกำหนด ก่อนที่ทาง บราซิล จะเร่งไม้เร่งมือ จนมีคุณภาพดีพอที่จะทำการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางบริษัทผู้รับเหมาจะทำการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายปี 2014
หลังจากสร้างเสร็จ ตัวสนามดังกล่าวจะกลายเป็นรังเหย้าแห่งใหม่ของสโมสร "โครินเธียนส์" ต่อไป ซึ่งยอดทีมแห่งแดน "แซมบ้า" จะใช้ "อารีน่า โครินเธียนส์" แทนที่ "เอสตาดิโอ โด ปาเกมบู" ซึ่งตัวสนามแห่งนี้เริ่มเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1940 และเคยมีส่วนเกี่ยวข้องจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกมาแล้ว เมื่อสมัยที่ บราซิล เป็นเจ้าภาพหนแรกเมื่อปี 1950
โดยตัวสนามถูกสร้างขึ้นบนบริเวณ อิตากูเอร่า พื้นที่ยากจนทางเศรษฐกิจ ในโซนภาคตะวันออกของรัฐ เซา เปาโล ซึ่งทางรัฐบาลหวังว่า การสร้างสนามแห่งใหม่นี้ จะช่วยให้พื้นที่ดังกล่าวมีความเจริญมากขึ้น ซึ่งจุดขายที่ทำให้สนามแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่นๆ นั่นคือมีการบรรจุจอ "แอลอีดี" ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เอาไว้ในตัวสนาม เพื่อให้แฟนบอลสามารถชมเกมการแข่งขันได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของสนามก็ตาม ซึ่งสนามแห่งนี้ได้รับเกียรติให้จัดการแข่งขันนัดเปิดสนาม ระหว่าง บราซิล เจ้าภาพที่จะพบกับ โครเอเชีย ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ด้วย
สำหรับ สนาม "อารีน่า โครินเธียนส์" จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ปี 2014 จำนวน 6 เกมด้วยกัน ได้แก่ บราซิล กับ โครเอเชีย (กลุ่ม เอ วันที่ 12 มิ.ย.) , อุรุกวัย กับ อังกฤษ (กลุ่ม ดี วันที่ 19 มิ.ย.) ,เนเธอร์แลนด์ กับ ชิลี (กลุ่ม บี วันที่ 23 มิ.ย.) , เกาหลีใต้ กับ เบลเยี่ยม (กลุ่ม เอช วันที่ 26 มิ.ย.) , แชมป์กลุ่ม เอฟ กับ รองแชมป์กลุ่ม อี (รอบ 16 ทีมสุดท้าย วันที่ 1 ก.ค) , เกมรอบรองชนะเลิศ (วันที่ 9 ก.ค.)
══════════════════════════════
อารีนา ดา ไบชาด้า
อารีนา ดา ไบชาด้า
เมือง "คูริทีบา" เป็นเมืองที่มีทีมลูกหนังชื่อดังของประเทศ บราซิล อยู่ถึง 2 ทีม คือ "คูริทีบา" ทีมที่ใช้ชื่อเมืองเป็นชื่อสโมสร ส่วนอีกสโมสรหนึ่งนั่นคือ แอตเลติโก พาราเนนเซ่ เจ้าของสนาม "อารีน่า เด ไบซาด้า" สังเวียนฟาดแข้ง ที่จะถูกนำมาใช้ร่วมจัดการแข่งขัน "ฟุตบอลโลก" ครั้งนี้นี่เอง
สำหรับ สนาม "อารีน่า เด ไบซาด้า" เป็นสนามใหม่ที่ แอตเลติโก พาราเนนเซ่ สร้างขึ้นในปี 1999 เพื่อใช้แทนรังเหย้าเดิมที่ปิดตัวลงในปี 1997 ซึ่งในปี 2005 ได้มีการเปลี่ยนชื่อสนามไปเป็น "เคียวเซร่า อารีน่า" ตามข้อตกลงที่บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ได้ทุ่มเงินซื้อลิขสิทธิ์เอาไว้ แต่ใช้ได้ไม่กี่ปีก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ชื่อเดิม หลังบริษัทจากแดน "ปลาดิบ" ไม่สนใจจะต่อสัญญาครอบครองสิทธิ์ตั้งชื่อสนามต่อ
ซึ่งหลังจากที่สังเวียน "อารีน่า เด ไบซาด้า" ได้รับคัดเลือกให้มีส่วนร่วมกับเกมฟาดแข้งระดับโลก ช่วงกลางปีนี้ ทางเมือง "คูริทีบา" ได้ทำการปรับปรุงสนามครั้งใหญ่ โดยเป้าหมายหลักอยู่ที่การบรรจุที่นั่งเพิ่ม จากเดิมแค่ 28,413 ที่นั่ง เพิ่มให้เป็น 43,900 ที่นั่ง ตามมาตรฐานของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ "ฟีฟ่า" แต่การก่อสร้าง เกิดปัญหาขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะในปี 2013 ที่ผ่านมา เมื่อบรรดากลุ่มผู้ใช้แรงงานนัดรวมตัวประท้วง เรียกร้องขอมาตรฐานการทำงานที่มีความปลอดภัยมากขึ้น หลังมีเพื่อนร่วมงานเสียชีวิตไปหลายคน ระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง
การประท้วงหยุดงานลากยาวไปหลายวัน ก่อนการเจรจาจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ทำให้ตัวสนามเสร็จไม่ทันตามกำหนดที่ระบุเอาไว้ จน "ฟีฟ่า" ยื่นคำขู่อาจตัดสิทธิ์เมือง คูริทีบา ออกจากการแข่งขัน "เวิลด์ คัพ" แต่หลังจากที่ เฌอโรม วัล์คเก้ เลขาธิการทั่วไปของฟีฟ่าได้เดินทางมาดูการก่อสร้างด้วยตัวเอง ทำให้ "ฟีฟ่า" ใจอ่อน ยอมเลื่อนเส้นตายของการส่งมอบสนามออกไป โดยคาดว่า ณ เวลานี้ ตัวสนามมีความพร้อมสำหรับการจัดการแข่งขันแล้ว เหลือแค่การติดตั้งที่นั่งให้ครบตามจำนวนที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น
สำหรับ "อารีน่า เด ไบซาด้า" จะถูกใช้จัดการแข่งขันในศึก ฟุตบอลโลก หนนี้ จำนวน 4 นัดด้วยกัน ประกอบด้วย เกมระหว่าง อิหร่าน กับ ไนจีเรีย (กลุ่ม จี วันที่ 16 มิ.ย.) , ฮอนดูรัส กับ เอกวาดอร์ (กลุ่ม อี 20 มิ.ย.) , ออสเตรเลีย กับ สเปน (กลุ่ม บี 23 มิ.ย.) และ แอลจีเรีย กับ รัสเซีย (กลุ่ม เอช วันที่ 26 มิ.ย.)
══════════════════════════════
อารีนา เด อเมโซเนีย
อารีนา เด อเมโซเนีย
สำหรับ สังเวียนประจำเมือง "มาเนาส์" ที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของศึก "เวิลด์ คัพ" ในครั้งนี้ คือสนาม อารีน่า ดา อามาโซเนีย เป็นสนามที่ได้รับการบรูณะขึ้นมาใหม่ทันที หลังจากที่เมือง มาเนาส์ ถูกเลือกให้เป็น 1 ในสังเวียนที่จะใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2014 ซึ่งตัวสนามถูกบูรณะจากสนามเดิมที่ชื่อ "วิวาดัล" เริ่มทำการก่อสร้างใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2010 โดยตามกำหนดเดิมแล้ว จะต้องแล้วเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปี 2013
แต่ระหว่างการก่อสร้างเกิดปัญหายิบย่อยต่างๆ นาๆ จนต้องใช้เวลาทำการซ่อมแซมเพิ่มเติม ก่อนจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา โดยสนามแห่งนี้มีรัฐ มาเนาส์ เป็นเจ้าของ และเป็นสนามเหย้าของทีม "นาซิอองเนา" มีความจุ 42,374 ที่นั่ง ซึ่งสนามแห่งนี้ถูกออกแบบโดยบริษัทสัญชาติ เยอรมัน ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับผู้สร้างสนาม "คอมเมิร์ซแบงค์ อารีน่า" สนามของทีม ไอนทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ทีมในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน
ตัวสนาม "อารีน่า ดา อามาโซเนีย" มีโครงสร้างลักษณะเหมือนตาข่ายสานไขว้กันไปมา ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสินค้าส่งออกสำคัญ แต่เนื่องจากตัวเมือง มาเนาส์ ตั้งอยู่ใจกลางของ ป่า "อเมซอน" ทำให้สนามแห่งนี้ มีปัญหาที่ไม่เหมือนกับสนามฟุตบอลที่อื่นๆ โดย รอย ฮอจด์สัน กุนซือทีมชาติ อังกฤษ ที่เคยเดินทางมาเยี่ยมชมเมือง มาเนาส์ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ทัพ "สิงโตคำราม" ยังออกมายอมรับว่าทั้งเรื่องของ อุณภูมิและสภาพความชื้นที่สูงถึง 95 เปอร์เซนต์ อาจทำให้นักฟุตบอลที่ไม่เคยชิน ปรับสภาพร่างกายไม่ทัน ซึ่งถ้าเลือกได้ตัวเขาอยากจะไปเตะที่เมืองอื่น ไม่ใช่ มาเนาส์ แห่งนี้ แต่ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ เขาก็พร้อมจะยกทัพ "ทรี ไลออนส์" เดินทางมาเก็บตัวที่นี่เร็วกว่ากำหนด เพื่อทำให้ลูกทีมมีความเคยชินกับสภาพแวดล้อมในเมืองนี้
สำหรับ สนาม "อารีน่า ดา อามาโซเนีย" แห่งนี้จะใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้งในการแข่งขันฟุตบอลโลก จำนวน 4 นัด ได้แก่ เกมกลุ่ม ดี คู่ระหว่าง อังกฤษ กับ อิตาลี (14 มิ.ย.) , กลุ่ม เอ คู่ระหว่าง แคเมอรูน กับ โครเอเชีย (18 มิ.ย) , กลุ่ม จี คู่ระหว่าง อเมริกา กับ โปรตุเกส (22 มิ.ย.) และ เกมกลุ่ม อี คู่ระหว่าง ฮอนดูรัส กับ สวิตเซอร์แลนด์ (25 มิ.ย.)
══════════════════════════════
อารีน่า พานตานาล
อารีน่า พานตานาล
สนาม มีความจุประมาณ 43,000 ที่นั่ง ถูกปรับปรุงขึ้นจากสนามเดิมที่มีชื่อว่า "เวอร์เดา" ในปี 2010 โดยสนามแห่งนี้เป็นสนามเหย้าของทีม "คูยาบา" และ "มิกซ์โต้" 2 สโมสรลูกหนังชื่อดังประจำเมือง ตัวสนามได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ภายใต้แนวคิด เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด โครงสร้างสนามถูกสร้างขึ้นโดยใช้วัสดุรีไซเคิ่ล นอกจากนี้บริเวณโดยรวมยังมีการปลูกต้นไม้และพืชพันธุ์ต่างๆ ไว้ที่ 4 มุมของสนาม จนตัวสนามได้สมยานามจากแฟนบอลว่า "O Verdio หรือ "The Big Green" เพื่อให้เข้ากับการที่ตัวสนามตั้งอยู่บนศูนย์กลางของทวีปอเมริกาใต้ที่ล้อมรอบด้วยป่าไม้และสัตว์นานาชนิด
นอกจากนี้การปลูกต้นไม้ไว้ที่ 4 มุมของสังเวียนฟาดแข้ง มีจุดประสงค์เพื่อจะลดความร้อน จากปัญหาที่ "คูยาบา" เป็นเมืองที่มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าวที่สุดเมืองหนึ่งในประเทศบราซิล นอกจากนี้สนามยังถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กีฬาอเนกประสงค์ โดยอัฒจันทร์สามารถปรับลดขนาดความจุลงได้ เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ทั้งการจัดแสดงสินค้า , จัดนิทรรศการ และจัดคอนเสิร์ต เพื่อให้ตัวสนามสร้างประโยชน์ให้กับตัวเมืองได้เต็มที่ ยามที่ไม่มีโปรแกรมการแข่งขันต้องลงเล่น โดยปัจจุบันสนามแห่งนี้ ได้ก่อสร้างสำเร็จไปแล้วประมาณ 90% แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องของการติดตั้งที่นั่งชมในสนามฟุตบอลอีกเล็กน้อย แต่คาดว่าน่าจะเสร็จทันกำหนดใช้งานครั้งแรกในเกม ฟุตบอลโลก วันที่ 13 มิถุนายนนี้
ซึ่งสนามแห่งนี้จะถูกใช้จัดการแข่งขัน "ฟุตบอลโลก 2014" ในรอบแบ่งกลุ่ม จำนวน 4 เกมโดยเป็นเกมคู่ระหว่าง ชิลี กับ ออสเตรเลีย (กลุ่ม บี วันที่ 13 มิ.ย) , รัสเซีย กับ เกาหลีใต้ (กลุ่ม เฮช วันที่ 17 มิ.ย.) , ไนจีเรีย กับ บอสเนีย (กลุ่ม เอฟ วันที่ 21 มิ.ย.) และ ญี่ปุ่น กับ โคลัมเบีย (กลุ่ม ซี วันที่ 24 มิ.ย.)
══════════════════════════════
เอสตาดิโอ ไบร่า-ริโอ
เอสตาดิโอ ไบร่า-ริโอ
ผู้คนในเมือง ปอร์โต อัลเลเกร มีความคลั่งไคล้ในเกมลูกหนัง ติดลำดับต้นๆ ของประเทศ บราซิล ซึ่งที่เมืองแห่งนี้ มีทีมลูกหนังชั้นนำที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกถึง 2 แห่งด้วยกัน ทีมแรกคือทีม เกรมิโอ และอีกหนึ่งสโมสรนั่นคือ อินเตอร์นาซิอองนาล เจ้าของสนาม "เอสตาดิโอ ไบร่า-ริโอ" ที่จะถูกใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ โดยสนาม "เอสตาดิโอ ไบร่า-ริโอ" มีชื่อเต็มๆ ว่า "เอสตาดิโอ โชเซ่ ปินเฮย์โร่ บอร์ด้า" ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อให้เกียรติกับ "โชเซ่ ปินเฮย์โร่ บอร์ด้า" วิศวกรชาวโปรตุเกส ผู้ออกแบบ และควบคุมการสร้างสนามแห่งนี้ ที่เสียชีวิตไปก่อนที่ตัวสนามจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ส่วนชื่อ "เอสตาดิโอ ไบร่า-ริโอ" เป็นชื่อที่แฟนบอลตั้งกันขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกขาน ซึ่งชื่อใหม่นี้มีที่มาจากสถานที่ตั้งของตัวสนาม ที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำ "กูยาบา" เลยได้ฉายาใหม่เป็น "สนามริมน้ำ" โดยคำว่า ไบร่า ในภาษาโปรตุเกส แปลว่า ติดกับ,ใกล้กับ ส่วน ริโอ แปลว่า แม่น้ำ
สำหรับ สนาม "ไบร่า-ริโอ" ถือเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดลำดับสองในแถบภาคใต้ของประเทศ บราซิล โดยมีความจุทั้งหมด 51,300 ที่นั่ง (เป็นรองแค่สนาม อารีน่า โด เกรมิโอ ของ เกรมิโอ คู่ปรับร่วมเมืองที่มีความจุ 60,540 ที่นั่ง) ซึ่งหลังจากผ่านการคัดเลือกให้เป็นสนามที่จะใช้ทำการแข่งขันฟุตบอลโลกช่วงกลางปี ตัวสนาม "ไบร่า-ริโอ" ได้ทำการปรับปรุงสถานที่โดยรวมให้กลายเป็นสนามกีฬาอเนกประสงค์ นอกจากจะมีลานจอดรถที่สามารถจุรถได้กว่า 3,000 คันแล้ว บริเวณโดยรอบ ยังมีทั้งสระว่ายน้ำ , โรงยิมเนเซี่ยม และสนามเทนนิสอยู่ข้างๆ รวมถึงมีโบสถ์ , บาร์ และร้านค้าต่างๆ อีกด้วย
ซึ่งสนามแห่งนี้ จะถูกใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลในศึก "เวิลด์ คัพ" จำนวน 5 นัดด้วยกัน ได้แก่ เกมระหว่าง ฝรั่งเศส กับ ฮอนดูรัส (กลุ่ม อี วันที่ 15 มิ.ย.) , ออสเตรเลีย กับ เนเธอร์แลนด์ (กลุ่ม บี วันที่ 18 มิ.ย.) , เกาหลีใต้ กับ แอลจีเรีย (กลุ่ม เอช วันที่ 22 มิ.ย.) , ไนจีเรีย กับ อาร์เจนติน่า (กลุ่ม เอฟ วันที่ 25 มิ.ย.) และ เกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่ระหว่าง แชมป์กลุ่ม จี กับ รองแชมป์ กลุ่ม เอช (วันที่ 30 มิ.ย.)
══════════════════════════════
สนามอารีนา ดาส ดูนาส
สนามอารีนา ดาส ดูนาส
ก่อนหน้านี้ นาตาลเคยมีสนามฟุตบอลประจำเมืองชื่อว่า มาชาเดา หรือชื่อเต็มๆ คือ เอสตาดิโอ เจา เคลาดิอู เด วาสคอนเซโลส มาชาดู สถานที่ซึ่งสโมสรฟุตบอลระดับทอป 3 ทีมของเมืองได้แก่ เอบีซี นาตาล, อเลกริม และ อเมริกา เคยใช้เป็นสนามเหย้ามาก่อน
แต่เพื่อให้นาตาลเป็นเมืองหนึ่งที่ถูกเลือกให้จัดแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 สภารัฐริโอ กรันเด โด นอร์เต้ ได้มีมติ ให้รื้อถอนสนามฟุตบอล มาชาเดา รวมถึงศูนย์อำนวยความสะดวกด้านกีฬารอบๆทิ้งทั้งหมด และสร้างสนามดัส ดูนัส ที่มีความจุ 42,086 ที่นั่งขึ้นมาแทน พร้อมกับสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ในอาณาบริเวณสนาม, อาคารพานิชย์ โรงแรมระดับ 5 ดาว รวมทั้งเนรมิตทะเลสาบด้วย
สนามอารีนา ดาส ดูนาส ได้แรงบันดาลใจจากภูเขาทรายอันงดงามชื่อว่า "มอโรโดกาเรกา" ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ทางภูมิศาสตร์ของเมืองนาตาล และชื่อสนาม ดาส ดูนาส (Das Dunas) ก็มาจากภาษาอังกฤษว่า "เดอะ ดูเนส" ซึ่งแปลว่าเนินทรายหรือภูเขาทรายนั่นเอง
สนามอารีนา ดาส ดูนาส จะถูกใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ทั้งสิ้น 4 นัด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการโม่แข้งในรอบแรกทั้งสิ้น ประกอบด้วย เม็กซิโก พบ แคเมอรูน กลุ่มเอ วันที่ 13 มิถุนายน, กานา พบ สหรัฐอเมริกา กลุ่มจี วันที่ 16 มิถุนายน, ญี่ปุ่น พบ กรีซ กลุ่มซี วันที่ 19 มิ.ย. และแมทช์ชี้ชะตากลุ่มดี ระหว่าง อิตาลี พบ อุรุกวัย วันที่ 24 มิถุนายน
══════════════════════════════
เอสตาดิโอ คาสเตเลา
เอสตาดิโอ คาสเตเลา
สนามกีฬาปลาซีดู อาเดรัลดู กัสเตลู หรือรู้จักกันในชื่อ กัสเตเลา (Castel?o) เป็นสนามฟุตบอลที่เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1973 ตั้งอยู่ในเมืองฟอร์ตาเลซา รัฐเซอารา ประเทศบราซิล สามารถจุผู้ชมได้ 67,037 ที่นั่ง โดยสนามนี้ รัฐเซอาราเป็นเจ้าของและผู้รับผิดชอบ และเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเซอารา, ฟอร์ตาเลซา เอสปอร์ชีกลูบี และ เฟอร์รูวีอาเรียว แอตเลตีกลูเบ สนามตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ปลาซีดู อาเดรัลดู กัสเตลู ผู้ว่าการรัฐเซอาราตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 1966 ถึง 15 มีนาคม 1971 และเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันให้มีการก่อสร้างสนามแห่งนี้
ในปี 2000 สภารัฐเซอารา มีมติให้ปรับปรุงสนามใหม่ โดยปรับให้มีอัฒจันทร์ 3 ชั้นและเป็นเก้าอี้นั่งทั้งหมด ก่อนจะแล้วเสร็จ&a