เก็บตกหลังเกม ! 5 ประเด็นสำคัญ หลังแซมบ้า ควง สวิตฯ ทะลุรอบ 16 ทีม
5. บราซิล ผู้ไร้เทียมทานในวันเดียวกับที่ เยอรมนี พลิกล็อกพ่ายให้กับ เกาหลีใต้ 2-0 กระเด็นตกรอบแรกไปอย่างเซอร์ไพรส์ ทุกสายตาจึงจับจ้องไปยัง ทัพเซเลเซา ในคู่หลังว่าจะมีอะไรให้ประหลาดใจเกิดขึ้นอีกหรือไม่กับการแข่งขันในกลุ่มอี
ทว่าเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดยาว แซมบ้า ยังคงรักษาสถิติอันยอดเยี่ยมของพวกเขาไว้ได้โดยยังคงชาติเดียวที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ทุกครั้งที่เล่นใน ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายทั้งหมด 13 ครั้ง!
4. ทัพนาฬิกาเล็งสร้างประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก ครั้งที่ สวิตเซอร์แลนด์ สามารถไปได้ไกลที่สุดต้องย้อนกลับไปถึงปี 1954 ในรอบควอเตอร์ไฟนอลที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ นอกจากนั้น 3 ใน 7 ครั้งที่ผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายพวกเขาไปหยุดอยู่ที่รอบ 16 ทีม
และการที่ได้ไปดวลกับ สวีเดน ที่ชื่อชั้นดูจะเทียบไม่ได้กับ เยอรมนี ก็ดูจะเป็นภารกิจที่มีสิทธิ์เป็นไปได้ของ สวิตเซอร์แลนด์ ในการจะย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่พวกเขาทำไว้เมื่อ 64 ปีก่อนอีกครั้ง
3. ชัยชนะที่ต้องแลกมาด้วยการบาดเจ็บของ มาร์เซโล แบ็คซ้ายจาก เรอัล มาดริด ได้รับบาดเจ็บโดยที่ไม่ได้เกิดจากการเข้าปะทะกับผู้เล่นคนใดของ เซอร์เบีย ก่อนที่จะเดินออกจากสนามไปตั้งแต่ในช่วง 10 นาทีแรก
ทว่าหลังจากนั้นมันดูจะร้ายแรงกว่าที่คาดเมื่อเจ้าตัวถูกจับภาพได้ว่าต้องใช้ทีมงานคอยพยุงเพื่อไปรับการปฐมพยาบาลหลังถูกเปลี่ยนตัวออก
เฟลิเป้ หลุยส์ สามารถลงมาทดแทนการขาดหายของ มาร์เซโล อย่างไม่ขี้เหร่นักในเกมนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าความดุดันในการเติมขึ้นมาเล่นฝั่งซ้ายนั้นลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด เหลือไว้แต่การประสานงานของตัวรุกที่ประจำการอยู่ในแดนหน้า และน่าสนใจว่าทัพ เซเลเซา ของ ติเต้ จะมีไอเดียในการทำเกมรุกที่ฝั่งนี้อย่างไรเมื่อไม่มี มาร์เซโล ให้ใช้งาน
2. ผิดหวัง แต่ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า คอสตาริกา ได้รับการจับตามองใน ฟุตบอลโลก ครั้งนี้ว่าจะสามารถสร้าง เซอร์ไพรส์อย่างที่พวกเขาทำได้เมื่อปี 2014 ที่ บราซิล ได้หรือไม่หลังจากที่เคยเข้าป้ายเป็นแชมป์กลุ่มที่มี อิตาลี และ อังกฤษ อยู่ในสาย
แต่ความฝันของพวกเขาก็จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อผ่านการแข่งขันไปเพียงแค่ 2 นัด คอสตาริกา แพ้รวดทั้งสองเกม ยิงประตูไม่ได้เลย กระทั่งมาถึงเกมสุดท้ายกับ สวิตเซอร์แลนด์
พวกเขาตกเป็นฝ่ายตามหลังสองครั้งแต่ก็สามารถตามตีเสมอได้ทั้งสองครั้ง ที่พิเศษคือมันเป็นการตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 90+3 แม้มันจะเป็นการทำเข้าประตูตัวเองก็เถอะ แต่ก็นับได้ว่าพวกเขาทำให้แฟนบอลทั้งชาติได้เฉลิมฉลองส่งท้าย ฟุตบอลโลก ที่ รัสเซีย อย่างน่าประทับใจ
1. ดูโอ้มหาประลัย ถ้าฟุตบอลโลก 2002 บราซิล มีแกงค์ 3R ริวัลโด้, โรนัลดินโญ และ โรนัลโด้ ที่เป็นคีย์แมนพาพวกเขาไปถึงฝั่งฝัน บราซิล ชุดนี้ก็มีคู่ดูโอ้ เนย์มาร์ กับ คูตินโญ ที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ชุดเยาวชนที่เป็นกล่องดวงใจของทีม
ทั้งสองมีส่วนผสมที่เข้ากันได้อย่างลงตัว สามารถไปกับบอลได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งคู่ ครองบอลได้เหนียวแน่น มีสปีดต้นกับเทคนิคที่พร้อมจะฉีกคู่แข่งเป็นริ้วๆ ของ เนย์มาร์ และวิสัยทัศน์ในการผ่านบอลรวมกับทีเด็ดจากนอกกรอบของ คูตินโญ ก็ยากที่เมื่อเข้าฝักพร้อมกันจะมีทีมใดทัดทานได้
ฝั่งซ้ายของพวกเขายังอันตรายยิ่งขึ้นไปอีกหากมี มาร์เซโล คอยเติมเกมรุกวิ่งห้อเป็นม้าไม่มีหมดตลอดทั้งเกมแต่ต้องคอยลุ้นว่าจะสามารถกลับมาลงสนามในทัวร์นาเมนต์นี้ได้อีกหรือไม่จากอาการบาดเจ็บที่ได้รับในเกมกับ เซอร์เบีย
อย่างไรก็ตาม ฝั่งซ้ายที่เฉียบขาดและดุดันอาจกลายเป็นดาบสองคมเมื่อที่อีกฝั่งหนึ่งมีเพียง วิลเลียน ที่ยังเล่นไม่เข้าตา กับ ดักลาส คอสต้า ที่ดูจะไม่ค่อยถูกใจ ติเต้ เท่าไหร่นักพอจะทำอันตรายได้บ้างแต่ก็ไม่มากเท่า ส่วนแบ็คขวาอย่าง ฟากเนอร์ เรียกได้ว่าแทบจะเติมเกมไม่เป็นเลยทีเดียว