ก็คนมันสะใจ
ฟุตบอล : เรื่องของบุญคุณก็ส่วนหนึ่ง เรื่องของหน้าที่ก็ส่วนหนึ่ง ไม่รู้ใครเป็นคนออกกฎว่ายิงประตูทีมเก่าได้ห้ามแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า บางคนมองว่ามันเป็นเรื่องของมารยาท แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับกรณีไป
ก่อนเกม "บิ๊กแมตช์" ของขบวนเรือพรีเมียร์ลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาร์แซน เวนเกอร์ พูดถึงหลายๆ อย่างที่เป็นองค์ประกอบของ แมนฯ ยูไนเต็ด คู่แข่ง
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงเกมที่ พลพรรค "ปีศาจแดง" บรรจงกระแทกประตูอันแสบสันในจ่าฝูง อาร์เซน่อล ให้ "ปืน" กระบอกร้าวไปเบาๆ 1-0 เก็บ 3 แต้มอันล้ำค่ามาไว้ในมือได้ (ไม่นับเรื่องกองที่กองเชียร์ "ผีแดง" ลุ้นจนเกร็งกันเป็นตะคริวกว่าจะครบ 90 นาที) เกมนั้น "คุณเจ้" เขาบอกว่า ในความคิดของเจ้เนี่ย พ่อ "อาร์วีพี" ของเจ้เนี่ย ยังเป็นนักเตะของ อาร์เซน่อล อยู่เลยนะ แม้ว่านางจะดอดไปสวมเสื้อ "อสูรแดง" บรรเลงฝีแข้งไปนานเป็นฤดูกาลแล้วก็ตาม
ด้วยภาพของปีที่แล้วที่ อาร์วีพี ยิงอาร์เซน่อลได้ แต่การกระทำที่เขาแสดงมันอ่อนน้อมจนเจ้ยังอดคิดถึงเด็กเก่าไม่ได้
มันเป็นเรื่องของความผูกพันครับ เวนเกอร์ และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ร่วมงานกันมา 8 ปี ตั้งแต่บุรุษดัตช์แมนยังเป็นดาวรุ่งที่ไม่มีใครรู้จักจนกลายเป็นกองหน้าระดับโลก และการที่ทีมไม่มีแชมป์อะไรติดมือทำให้ตัดสินใจย้ายออกไปหาเกียรติยศประดับบารมี ออกมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคว้าแชมป์ลีกได้ จากนั้นมา 3 ครั้งที่ทั้งคู่เจอกัน (รวมครั้งนี้) ก็มีชื่อเขาบนสกอร์บอร์ดฝั่ง "ปีศาจแดง" มาทุกครั้ง
สองครั้งก่อนหน้านี้ ตอนที่เพิ่งย้ายมาอยู่สังกัดใหม่เป็นฤดูกาลแรก "อาร์วีพี" ยังแสดงมารยาทด้วยการไม่ดีใจ แต่มาครั้งนี้เขาไม่ใช่ "วันเฉลิม" ลูกแม่ "ลำยอง" ที่แสดงความเป็นลูกยอดกตัญญูของบรรดาพลพรรค "ไอ้ปืนใหญ่" อีกต่อไป เพราะหลังทำประตูได้ กลับดีใจแบบปลอดโปร่งประหนึ่งลำไส้อุดตันมา 3 สัปดาห์ได้ระบายแบบหมดไส้หมดพุงก็ไม่ปาน นำมาซึ่งเสียงก่นด่าจากสาวกทีมเก่าที่บอกว่าไม่จงรักภักดี
แหมแต่มองในอีกมุม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นคนจ่ายค่าจ้างนะครับ เป็นหน้าที่ของ "อาร์วีพี" ที่ต้องทำเพื่อทีมให้ดีที่สุด และครั้งนี้ อาร์เซน่อล คือคู่แข่งอย่างเป็นทางการต่อการป้องกันแชมป์ของต้นสังกัด ประกอบกับที่ทีมเปลี่ยนกุนซือใหม่ และผลงานยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นการพังประตูได้ในความกดดันประมาณนี้ จะสะใจเป็นธรรมดาก็ไม่แปลก แต่เชื่อเถอะว่า พี่เขาไม่เจตนาหรอก
ถ้าคิดว่าการกระทำของ ฟาน เพอร์ซี่ ทำให้แฟน "ปืนใหญ่" เจ็บปวดแล้ว จะพาไปดูอาการดีใจของ เอมมานูเอล อเดบายอร์ ที่ย้ายไปอยู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใหม่ แล้วยิงทีมเก่าอย่าง อาร์เซน่อล ได้ ยิงเสร็จปั๊ป พี่แกลงทุนวิ่งแจ้นข้ามไปอีกฟากฝั่งหนึ่งของสนาม ซึ่งเป็นกลุ่มกองเชียร์ "เดอะ กันเนอร์ส" แล้วทำท่าทางสะใจแบบกวนประสาทสุดๆ ซึ่งเหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือน กันยายน ปี 2009
ไปดูการดีใจแบบสะใจแบบ "สุดติ่งกระดิ่งแมว" และ "เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว" มาแล้ว จะพาไปดูแบบช้ำใจสุดๆ กันบ้าง อย่างที่รู้กันว่านักเตะที่จากกับทีมเก่าแบบอาลัยอาวรณ์มักจะไม่ดีใจกันเมื่อยิงประตูอดีตทีมได้ แต่อาจไม่ถึงขั้นร้องไห้ เสียใจแบบ "บาติโกล" กาเบรียล บาติสตูต้า ที่ย้ายจาก ฟิออเรนติน่า มาอยู่กับ โรม่า และแม้เมื่อยิงเข้าจะมีเพื่อนร่วมทีมมาดีใจกันเป็นโรงโขน แต่น้ำตาลูกผู้ชายมันกลั้นไม่อยู่จริงๆ
อีกประตูหนึ่งถือเป็นความเจ็บปวดที่ฝังในซีลีเบลลัมของแฟน "ปีศาจแดง" ทุกคน นั่นคือประตูชัยของ "ราชันสตั๊ดเหินหาว" เดนิส ลอว์ ในเกม "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" ที่ยิงส่งต้นสังกัดเก่า แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ร่วงลงสู่ดิวิชั่นสองเดิมไปเมื่อปี 1974 นอกจาก ลอว์ จะไม่ดีใจแล้ว ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่ลืมความช้ำใจในการทำประตูดังกล่าวจนบัดเดี๋ยวนี้ด้วย
เมื่อซีซั่นก่อน ครั้งที่ "อาร์วีพี" ทำประตูทีมเก่าได้ เขาไม่ดีใจ และให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า เขามีความทรงจำและอดีตที่นั่น 8 ปี มีแฟนบอล และโค้ชที่ดีที่นั่น เขาจึงให้เกียรติด้วยการไม่ดีใจ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ที่เจ้าตัวดีใจเมื่อค่ำคืนนั้น ผมเชื่อว่าภายในใจเขายังเป็น "เดอะ กันเนอร์ส" เสมอ เพียงแต่ตอนนี้ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง
"FIATTA"