44 ปีแห่งการรอคอย
นับตั้งแต่ที่เมียนมาร์ ไม่ได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ถือเป็นเวลาที่ยาวนานถึง 44 ปี เนื่องจากติดปัญหาหลายประการ
ปี 2013 เป็นอีกปีหนึ่งที่ชาวเมียนมาร์ จะต้องจดจำภาพอันน่าประทับใจ ครั้งนี้ไปอีกนาน กับการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาของชาติอาเซียน ซีเกมส์ ครั้งที่ 27
แม้การแข่งขันจะเริ่มชิงชัยเหรียญทองกันไปหลายชนิดกีฬ่า แต่สิ่งหนึ่งที่จะประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า การแข่งขันซีเกมส์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นั่นก็คือพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
"11-12-13" เป็นฤกษ์งามยามดี ที่เมียนมาร์ ได้กำหนดให้เป็นพิธีเปิดการแข่งขัน ท่ามกลางความตื่นตาตื่นใจของประชาชนชาวเมียนมาร์
สังเกตุได้จาก บรรยากาศภายในกรุงเนปิดอว์ คึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า ถนนหนทางคราคร่ำไปด้วยรถยนต์ ที่ส่วนหนึ่งเดินทางมาจากย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของเมียนมาร์ เสียงบีบแตรที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของที่นี่ ดังมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์วิ่งกันขวักไขว่ ต่างมุ่งหน้าไปยังสนามวุนนา ติ๊กดิ สเตเดี้ยม ที่ซึ่งจะใช้เป็นเปิดการแข่งขันครั้งนี้
ต้องยอมรับว่า เจ้าภาพสร้างบรรยากาศให้เรารู้สึกคึกคักไปด้วย ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่อยู่เต็มสองข้างทาง ระหว่างถนนที่จะไปพิธีเปิด ถนนบริเวณสนามถูกปิดการจราจรตั้งแต่ 2 กม.ก่อนเข้าด้านใน ทำให้ทุกคนที่ไม่ใช่แขกวีไอพี ต้องเดินเท้าเข้าสนาม
ส่วนการแต่งกาย การตกแต่งหน้าตาไม่ต้องกล่าวถึง ที่นี่จัดเต็มมาก แฟชั่นชาวไทยต้องอายกันเลยทีเดียว เล่นเอาสื่อมวลชนอย่างเราที่ผ่านศึกซีเกมส์มาแล้ว 5 สมัย อดตื่นเต้นด้วยไม่ได้
แม้พิธีเปิดจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 18.00 น. แต่ผู้คนทะยอยเข้าสนามตั้งแต่ช่วงบ่าย ด้วยเกรงว่าจะไม่มีที่นั่ง แต่ในบัตรเข้าชมจะระบุที่นั่งอย่างชัดเจนก็ตาม
ถึงเวลาแห่งการรอคอย พิธีเปิดเริ่มต้นขึ้นในเวลา 18.00 น. ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม แต่แสงไฟในสนามของพิธีเปิดทำให้ท้องฟัาบริเวณนั้นสว่างสดใส ทุกที่นั่งถูกจับจองอย่างไม่ต้องสงสัย แถมมีตั๋วยืนเพิ่มเติมขึ้นมา
การแสดงเริ่มต้นขึ้นด้วยศิลปินชื่อดังของเมียนมาร์ 5 ศิลปิน ได้แก่ ชาน ชาน, พยู คยอว์ เตียน, เมขลา, ซอว์ วิน ฮตัท มาร่วมร้องเพลงประจำการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง พร้อมการแสดงอีก 7 ชุด
แสง สี เสียง สุดอลังการงานสร้าง เจ้าภาพใช้พื้นที่ในสนามส่วนหนึ่งจัดเป็นเวทีขนาดยักษ์ พร้อมนำเสนอออกมาในรูปแบบที่ตระการตา และบ่งบอกความเป็นพม่าและหลากหลายเชื้อชาติที่มารวมกันเป็นประเทศปัจจุบัน รวมทั้งเน้นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติในอาเซียน ซึ่งได้ทีมงานมืออาชีพจากจีนกว่า 200 คนมาช่วยสร้างความอลังการในครั้งนี้
เรียกได้ว่าการแสดงชุดไหนถูกเปิดขึ้นมาเสียงเฮดังสนั่นทุกครั้ง
ขณะที่ขบวนนักกีฬาไทยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เดินนำหน้านักกีฬาไทย พร้อมด้วย "บิ๊กต้อม" ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทย และ "เจ้าอาร์ม" ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง นักกีฬาฟุตซอลทีมชาติไทย ดีกรีนักฟุตซอลยอดเยี่ยมแห่งเอเชียปี 2013 เป็นตัวแทนนักกีฬาไทยถือธงชาตินำหน้าทัพไทยลงสู่สนาม
ส่วนไฮไลท์อยู่ที่การจุดไฟในกระถางคบเพลิง ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เว ลิน ทอน นักกีฬายิงธนูทีมชาติเมียนมาร์ เป็นนักกีฬาคนสุดท้ายที่ยิงธนูจุดไฟกระถางคบเพลิง โดยได้เล็งธนูไปที่คบเพลิง ซึ่งกระถางคบเพลิงเป็นรูปดอกบัว สร้างความประทับให้แก่ผู้ชมในสนามกว่า 25,000คน เป็นอย่างมาก
เมื่อแสงไฟในกระถางคบเพลิงลุกโชติช่วง นั่นหมายถึงว่าการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ จากนี้ไปการชิงชัยเหรียญรางวัลจะสนุกมากขึ้นตามลำดับ
พิธีเปิดที่สุดแสนจะอลังการ เป็นเครื่องการันตีว่าสมกับการรอคอยที่ยาวนานถึง 44 ปี
โบราณ