ไทยปะทะลอดช่อง ศึกที่ทุกคนห้ามพลาด
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะรู้แล้วว่า ทีมชาติไทย จะสามารถผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ได้หรือไม่
เพราะในช่วงหัวค่ำวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคมนี้ ทัพช้างศึกไทย มีโปรแกรมต้องหวดแข้งในรอบรองชนะเลิศกับ สิงคโปร์ ที่สนามเซย่าร์ ทริรี เวลา 20.00 น.
ทีมชาติไทย กลายเป็นตัวเต็งในทัวร์นาเมนท์นี้ทันที หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแรก โดยสามารถคว้าแชมป์กลุ่มบีมาครองได้ ด้วยผลงานการคว้าชนะ 2 นัดจาก ติมอร์ เลสเต้ 3-1 และ อินโดนีเซีย 4-1 กับผลเสมอ 2 นัดจาก พม่า 1-1 และ กัมพูชา 0-0 ทำให้ ทีมชาติไทย เก็บได้ 8 คะแนน
จากฟอร์มอันเยี่ยมยอด ทำให้สื่อต่างชาติหลายสำนักต่างยกให้ ทีมชาติไทย เป็นต่อ สิงคโปร์ อยู่ 1 ช่วงตัว (ไทยชนะ 1 ลูกอาจเสมอตัว) แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ทีมชาติไทย จะไม่มีโอกาสแพ้ตกรอบ เพราะคู่แข่งของเราในรอบตัดเชือกอย่าง สิงคโปร์ ก็ทำผลงานใช่ย่อยในรอบแรก เพราะพวกเขาก็ชนะ 2 นัด(ชนะเวียดนาม 1-0, ชนะบรูไน 2-0) เสมอ 2 นัด(เสมอลาว 1-1, เสมอมาเลเซีย 1-1) เก็บได้ 8 แต้มเหมือนกัน
จุดเด่นของ สิงคโปร์ ชุดนี้อยู่ที่เกมรับอันแข็งแกร่ง เพราะในรอบแรกพวกเขาเสียประตูไปเพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ ทีมชาติไทย จะเจาะแนวรับพวกเขาเข้าไปยิงประตูได้
ส่วนในแนวรุก สิงคโปร์ ชุดนี้มีดาราประจำทีมคือ ชาฮิล ซูไฮมี่ (Sahil Suhaimi) กองกลางตัวรุกร่างเล็กเป็นตัวชูโรง หรือที่แฟนบอลเมืองลอดช่องเรียกเขาว่า "เมสซี่สิงคโปร์" เนื่องจากมีส่วนสูงเพียง 160 เซ็นติเมตรเท่านั้น แต่กลับมีฝีเท้าที่จัดจ้าน และมีจังหวะไปกับบอลที่อันตราย ทำให้แนวรับ ทีมชาติไทย จำเป็นต้องประกบให้ติดอย่าปล่อยให้คลาดสายตา
"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับเกมนัดนี้ โดยดร็อปผู้เล่นตัวหลักจากเกมนัดที่แล้วไว้หลายคนเพื่อรักษาสภาพความฟิตและสภาพร่างกายให้สมบูรณ์เต็มที่
แต่อย่างไรก็ตามนักเตะตัวหลักจากรอบแรกอย่าง ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ปีกขวาตัวเก่งจากทีมอินทรีเพื่อนตำรวจ ต้องพบกับอาการบาดเจ็บและมีแนวโน้มว่าจะลงสนามไม่ได้ แต่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะทีมชาติไทยชุดนี้มีตัวตายตัวแทนกันแทบจะทุกตำแหน่ง โดยตำแหน่งปีกขวาก็ยังมี ศราวุฒิ มาสุข ดาวเตะจาก เอสซีจี เมืองทองฯ ที่สามารถลงเล่นทดแทนได้
โดย 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าน่าจะลงสนามของ ทีมชาติไทย ในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, แบ็คขวา อาทิตย์ ดาวสว่าง, แบ็คซ้าย ธีราทร บุญมาทัน, คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ สกลวัชร์ สกลหล้า กับ ประวีณวัช บุญยงค์, กองกลาง ชาริล ชัปปุยส์, ปกเกล้า อนันต์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ริมเส้นขวา ศราวุฒิ มาสุข, ริมเส้นซ้าย เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และกองหน้า อดิศักดิ์ ไกรษร
สำหรับสถิติการพบกันของ ทีมชาติไทย กับ สิงคโปร์ ในการแข่งขันซีเกมส์ ปรากฏทั้ง 2 ทีมเคยเจอกันทั้งหมด 14 ครั้ง ทีมชาติไทย ชนะได้ 8 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง และแพ้ไป 2 ครั้ง ยิงได้ 21 ประตู เสีย 11 ประตู
นับว่าจากสถิติเก่าๆ ทีมชาติไทยยังดูจะมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย แต่กระนั้นคงจะเอามาใช้วัดกับศึกในวันพฤหัสบดีนี้ไม่ได้ เพราะทั้ง 2 ทีมเปลี่ยนแปลงผู้เล่นและเปลี่ยนแปลงระบบการทำทีมกันไปหมดแล้ว
ดังนั้นคงต้องไปลุ้นกันว่า ทีมชาติไทย ที่กลายเป็นตัวเต็งในซีเกมส์ครั้งนี้ จะสามารถเอาชนะ สิงคโปร์ ทีมที่มีเกมรับสุดเหนียวแน่นได้หรือไม่ วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม เวลา 20.00 น. เชื่อว่าสาวกบอลไทยทุกคน คงนั่งเชียร์ไทยกันที่หน้าจอช่อง 11 และ SMMTV
นัทนัลโด้