5 เรื่องสำคัญ! แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องแก้ไขหากหวังลุ้นแชมป์เต็มตัว
นับตั้งแต่การจากไปของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทัพปีศาจแดงยังไม่เข้าใกล้กับการลุ้นแชมป์เลยสักครั้ง แม้ว่าอันดับที่สุดที่เคยเกิดขึ้นจะเป็นการคว้าอันดับที่สองในฤดูกาลที่แล้ว แต่พวกเขายังตามหลังจ่าฝูงอยู่มากโขทีเดียว และ แมนฯ ซิตี้ ก็เข้าป้ายตั้งแต่นัดที่ 32 ด้วยซ้ำ
หาก โชเซ มูรินโญ หวังที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกกับ แมนฯ ยู ให้ได้ นี่คือ 5 สิ่งที่เฮดโค้ชปากตะไกรต้องแก้ไขโดยด่วน ก่อนจะโดนเด้งไม่รู้ตัว
5. ผู้นำในแนวรับ
จริงอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้คลีนชีตไปถึง 19 นัด แต่ทั้งหมดมาจาก ดาบิเ เด เคอา ล้วน ๆ โดยไม่ต้องแบ่งความดีความชอบให้ใครในแนวรับแม้แต่น้อย
ปัญหาของกองหลัง ปีศาจแดง เป็นที่กล่วถึงมานานแล้วตั้งแต่สมัยของ เดวิด มอยส์ พวกเขาไม่มีคนที่จะเป็นผู้นำในยามที่ทีมกำลังอ่อนไหว มูรินโญ ขาดนักเตะอย่าง แกรี เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์ หรือ เนมันยา วิดิช แม้แต่ ปาทริซ เอฟรา สมัยรุ่ง ๆ กับ ยูไนเต็ด ยังทำได้ดีกว่ากัปตันชั่วคราวในตอนนี้อย่าง อันโตนิโอ บาเลนเซีย ด้วยซ้ำ
เมื่อมองกลับไปที่เซ็นเตอร์แบ็คของทีม นักเตะอย่าง คริส สมอลลิง ที่ควรจะต้องเติบโตเป็นกัปตันทีมในวัย 28 ปีได้แล้ว แต่ สมอลลิง ยัง 'สมอล' สมชื่อ เข้าปะทะมั่วซั่ว หลุดตำแหน่งบ่อย แข็งไม่พอที่จะปะทะกับกองหน้าตัวใหญ่ หรือนักเตะอย่าง ไบญี ที่น่าจะเป็นตัวหลักให้ทีมได้นาน ๆ ดันกระดูเปราะขึ้นมาเฉย ๆ ไม่ต้องพูดถึง ลินเดอเลิฟ, โจนส์ และ โรโฮ เลย ซึ่ง 2 รายหลังก็ไปโชว์เหวอในบอลโลกมาอีกต่างหาก
เด เคอา อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี และจุดบอดของเขาก็เริ่มหลุดออกมาให้เห็นในบอลโลกครั้งล่าสุด หากทีมของ มูรินโญ ยังหวังจะเพิ่งเขาต่อไปละก็ พวกเขาคงต้องคิดหนักหน่อยละนะ ไม่ต้องนับเรื่องที่เจ้าตัวอาจย้ายออกได้ทุกเมื่อด้วยซ้ำ
4. ประสิทธิภาพของ ป็อกบา
เนมันยา มาติช ขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดในการเข้าตัดบอลให้ ยูไนเต็ด อยู่แล้วในฤดูกาลที่ผ่านมา และเมื่อผสานกำลังเข้ากับ เฟร็ด ที่มาจาก ชัคตาร์ โดเน็ตสก์ เกมแดนกลางของ แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ก็ดูไม่มีอะไรให้กังวลเท่าไหรนัก แต่คำถามเดียวที่ยังคงค้างคาอยู่ก็คือ แล้ว ปอล ป็อกบา จะไปอยู่ตรงไหน
ป็อกบา เป็นจุดศูนย์กลางของปัญาในทีมแบบเต็ม ๆ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เมื่อกองกลางที่เคยขึ้นชื่อว่ามีราคาแพงที่สุดอยู่ 1 ฤดูกาล ไม่สามารถตอบโจทย์ใด ๆ ในทีม ปีศาจแดง ได้เลย
เคยมีคนกล่าวว่าเพราะ ป็อกบา เล่นเกมรับมากเกินไปในทีมของ มูรินโย ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกและเฉิดฉายกับ ยูเวนตุส ได้เพราะแบบนั้น แต่ฟุตบอลโลก 2018 แสดงให้เห็นแล้วว่าต่อให้เขาต้องตามประกบใครสักคนลึกลงไปจนถึงหน้าเส้นประตูทีมตัวเอง เขาก็ทำได้ไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้นเรื่องเล่นเกมรับ-รุกจึงไม่เกี่ยวแต่อย่างใด
ตอนนี้ดูจะเหลืออยู่ไม่กี่ทฤษฏีเท่านั้นที่จะทำให้กระจ่างได้ว่า ป็อกบา เหมาะกับการเล่นแบบไหนมากที่สุด โดยที่เข้าเค้าสุดคงหนีไม่พ้นการให้ ป็อกบา เล่นแบบอิสระ ซึ่งเราเห็นไม่ค่อยบ่อยนักกับทีมของ มูรินโย ต้องรอลุ้นกันว่าเขาจะยอมเปิดใจกับ ป็อกบา บ้างไหมในฤดูกาลที่กำลังจะถึงนี้
3. การจับบอลของ ลูกากู
โรเมลู ลูกากู คือกองหน้าที่คมที่สุดคนหนึ่งของ พรีเมียร์ลีก อย่างไม่ต้องสงสัย แต่การยิงได้เพียง 14 ประตูเท่านั้นในฤดูกาลที่ผ่านมามันออกจะน้อยไปหน่อย เมื่อพิจารณาว่าเขาต้องแบกเกมรุกของทีมไว้มากกว่านั้น
ลูกากู ทำประโยชน์ให้กับทีมได้มากในฐานะตัวพักบอลหรือตัวชง ซึ่งทำให้เห็นมาแล้วในเกมกับ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ปัญหาที่เราเห็นได้ชัดจากกองหน้าร่างยักษ์คนนี้ก็คือ เขาจับบอลจังหวะสุดท้ายได้ไม่ดีเอาซะเลย หลาย ๆ ครั้งที่โอกาสเป็นใจ ลูกากู จะจับบอลลั่นเสมอ ย้ำว่า "เสมอ" หากเขาไม่ได้เลี้ยงทำทางขึ้นมาเองหรือกองหลังกับนายประตูออกมาตัดบอลช้า เขาแทบไม่สามารถเอาบอลไปยิงประตูคู่แข่งได้เลย ไม่อย่างนั้นก็ต้องเบิ้ลบอลต่อให้เพื่อนโดยทันทีแบบไม่ต้องจับจะดูเข้าท่ากว่า
เกมนัดชิงที่ 3 กับ อังกฤษ ในฟุตบอลโลกก็มีมาให้เห็นแล้วถึงสองครั้งเต็ม ๆ ที่เขาจับบอลลั่นอย่างน่าผิดหวัง บางทีถ้าเขาฝึกอีกหน่อย ยูไนเต็ด จะได้ประตูเพิ่มอีกมากอย่างแน่นอน
2. ผู้ช่วยในแดนหน้า
ปัญหาการจับบอลลั่นของ ลูกากู ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่แนวรุกของ ยุไนเต็ด ต้องกังวล เพราะเมื่อตัดเรื่องนั้นออกไปแล้ว ลูกากู คือนักเตะคนเดียวของพวกเขาที่เล่นได้คงเส้นคงวาในทุกนัด
ช่วงต้นฤดูกาลก่อน ฟอร์มการเล่นอันจี๊ดจ๊าดของ มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด และ ลินการ์ด ช่วยสร้างความหึกเหิมให้กับทีมเป็นอย่างดี แต่ทั้งคู่ก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป พวกเขารักษาฟอร์มให้คงที่ไม่ได้ และเสียตำแหน่งตัวจริงอยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่ มาต้า กำลังจะเลยจุดที่พีคที่สุดของเขาไปแล้ว และทำได้แค่เพียงต่อบอลในบางจังหวะเท่านั้น
การมาของ อเล็กซิส ซานเชซ ในตลาดหน้าหนาวทำได้ดีแค่เพียงการเปิดตัวเท่ ๆ กับเปียโน เท่านั้น เพราะหลังจากนั้น ปีกชาวชิลี ทำอะไรไม่ได้มากนัก จังหวะประทับใจเดียวเลยจริง ๆ ก็คือการเปิดบอลยาวให้ ป็อกบา หลุดเข้าไปทำประตูนั่นแหละ นอกนั้นเราจะเห็น อเล็กซิส เป็นเหมือนวิงแบ็คซะมากกว่า
หาก มูรินโญ หวังจะให้ทีมของเขามีแนวหน้าที่ไว้ใจได้แบบ ลูกากู ตามที่เขาเคยบ่นไป อันดับแรกเลยก็คือ เขาจะต้องเรียกความมั่นใจจากนักเตะกลับมาให้ได้ก่อน การบังคับให้นักเตะเล่นตามแท็คติคมากไปส่งผลต่อความมั่นใจของตัวนักเตะย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรชฟรอ์ด กับ อเล็กซิส นี่แหละ
ส่วนเรื่องต่อมาก็คือสไตล์การเล่นที่หวังผลจากการโยนยาวเหลือเกิน หากเขายังเลือกที่จะใช้ไม้ตายเป็นบอลโยนเข้าแดนสุดท้าย ทำไมเขาไม่ขายพวกตัวจี๊ดทิ้งไปแล้วเปลี่ยนเป็นกองหน้าใหญ่ ๆ แต่จับบอลดี ๆ ให้หมดล่ะ อาร์โจม ซยูบา ของ รัสเซีย กับ อันเดรีย เบล็อตติ ของ โตริโน ก็ทำได้ดีอยู่นะ
1. อีโก้ของผู้จัดการทีม
โชเซ มูรินโญ อาจจะพิสูจน์ฝีมือมามากแล้วว่าเขาคือของจริง แต่ถ้าเขาจะยอมรับความจริงมากกว่านี้หน่อย นักเตะและแฟนคลับจะหนุนเขามากกว่านี้อีกเป็นกองเลย
ปีทีผ่านมา มูรินโญ ออกสตาร์ทฤดูกาลได้แบบมีลุ้นสุด ๆ ทีมของเขายิงได้เยอะกว่า แมนฯ ซิตี้ และยังไม่แพ้ใครเท่ากัน มูรินโญ เองก็สงบเสงี่ยมและดูน่ารักขึ้นเป็นกอง จนกระทั่งพวกเขาเริ่มแพ้นั่นแหละ มูรินโญ ปากจัดก็กลับมาอีกครั้ง
สิ่งที่คู่กันมากับการปากจัดก็คือการตีโพยตีโพยของเขานี่แหละ ไม่มีเกมไหนที่พวกเขาไม่ชนะแล้ว มูรินโย จะไม่โทษใครเลย หรือเกิดเขาไม่พูดขึ้นมาในทันทีก็ต้องเป็นวันต่อไปนั่นแหละ ครั้งนึงสังคมฟุตบอลเคยเดือดดาลกันมาแล้วกับเหตุการณ์ที่เขาด่า ลุค ชอว์ ออกสื่อแบบไม่จำเป็นนั่นแหละ หรือแม้กระทั่งการจิกกัด ป็อกบา เรื่องอาการป่วยก็เคยทำมาแล้ว
ฤดูกาลนี้ แฟน ๆ ผีแดง เตรียมรอคำอ้างใหม่ ๆ ได้เลย เพราะแค่พรีซีซั่น เฮียแกก็เริ่มมา 2-3 ประโยคแล้ว เช่น 'ลีกออกสตาร์ทเร็วเกินไป' หรือ 'แฟนบอลต้องทำใจการแพ้ใน ICC แบบยับเยิน เพราะขาดนักเตะตัวหลัก' เป็นต้น