ก็องโต้ของมอยส์
ฟุตบอล : อเล็กซ์ เฟอร์กูสันใช้เวลากว่า 5 ปี จึงจะพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกได้สำเร็จในฤดูกาล 1991/92
หลังจากได้รับแต่งตั้งมาคุมทีมในเดือนพฤศจิกายนปี 1986 และประคับประคองทีมจบเพียงอันดับ 11 ในดิวิชั่น 1 เดิม เฟอร์กี้ก็สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจในฤดูกาลแรกที่ได้คุมทีมแบบเต็มตัว แต่ผีแดงก็ยังเข้าป้ายเพียงแค่อันดับ 2 โดยแชมป์ตกเป็นของลิเวอร์พูล
แต่เก้าอี้ของกุนซือผู้กลายมาเป็นตำนานของสโมสรในภายหลัง ก็สั่นคลอนอย่างรวดเร็ว เมื่อฤดูกาลถัดไปเขานำทีมกลับไปอยู่ในอันดับ 11 ของตารางอีกครั้ง
ผลงานที่ยังคงย่ำแย่ในลีกฤดูกาลต่อมา ทำให้เฟอร์กูสันร่ำๆ จะถูกปลด แต่แล้วการคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้แบบที่ต้องลุ้นกันเหงื่อตกกีบ ก็ทำให้เขายังรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้
ในปีถัดไปเฟอร์กี้ยังไม่สามารถนำทีมเบียดลุ้นแชมป์ลีกได้ และจบเพียงอันดับ 6 แต่เขาก็พาผีแดงไปประกาศศักดาบนเวทียุโรป ด้วยการคว้าแชมป์คัพวินเนอร์ส คัพไปครองแทน
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ฤดูกาล 1991/92 ทำท่าว่าจะถึงคราวของแมนฯ ยูไนเต็ดเสียที เมื่อผีแดงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ในฤดูกาล แต่ลีดส์ก็ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนบดบี้ลุ้นแชมป์มาจนถึงช่วงท้ายซีซั่น
การพลาดท่าแพ้ติดต่อกัน 3 นัดก่อนถึงเกมสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้ผีแดงถูกยูงทองแซงขึ้นมาได้ และก็ต้องน้ำตาตกในเมื่อจบเพียงตำแหน่งรองแชมป์ โดยถูกทำแต้มแซงไปถึง 5 คะแนน
ลีดส์ที่เพิ่งเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 2 ขึ้นได้แค่สองปีก่อนหน้านั้น ก้าวมาเป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้แบบพลิกความคาดหมาย โดยหนึ่งในนักเตะที่มีส่วนร่วมในการพาทีมคว้าแชมป์ครั้งนั้นก็มีนามว่า เอริก คันโตน่า กองหน้าสุดติสต์ชาวฝรั่งเศส นั่นเอง
คันโตน่าในเวลานั้นก็มีชื่อเสียงในเรื่องของความเป็นนักเตะแบดบอยอยู่บ้างแล้ว ในช่วงที่ค้าแข้งอยู่ในลีกบ้านเกิด รวมถึงการเล่นให้ทีมชาติด้วย ทำให้นีมส์ ต้นสังกัดที่เขาเพิ่งย้ายไปอยู่ด้วยในฤดูกาลนั้น ต้องการปล่อยเจ้าตัวออกจากทีมไป
การได้คันโตน่ามาร่วมทีม ทำให้ปีศาจแดงประสบความสำเร็จมากมาย
มีเกร็ดว่ากันว่าลิเวอร์พูลเคยมีโอกาสจะคว้าตัวคันโตน่าไปร่วมทีมด้วยซ้ำ เมื่อ แกรม ซูเนสส์ ผู้จัดการทีมในตอนนั้น พาทีมไปเตะยูฟ่าคัพกับโอแซร์ที่ฝรั่งเศสในเดือนพฤศจิกายน และมีโอกาสได้พบกับ มิเชล พลาตินี่ อดีตยอดนักเตะในยุคเดียวกัน
พลาตินี่ได้แนะนำยูเนสส์ว่าก็องโต้ว่างอยู่ แต่กุนซือหงส์แดงปฏิเสธไปว่าไม่สนใจซื้อ เพราะมีกองหน้าอยู่มากพอแล้ว และไม่อยากให้บรรยากาศภายในห้องแต่งตัวต้องปั่นป่วนด้วย หากได้นักเตะสุดติสต์อย่างเขามาร่วมทีม
ในเดือนมกราคมปี 1992 ก็องโต้ก็ไปทดสอบฝีเท้ากับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ซึ่งกำลังเบียดลุ้นแชมป์อยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ดและลีดส์ แต่หลังจากผ่านหนึ่งสัปดาห์แรกไปโดยไม่ได้รับสัญญา แต่กลับเป็นการขอให้อยู่ทดสอบฝีเท้าต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ก็องโตก็สะบัดก้นจากไป
สุดท้ายเขาได้รับสัญญาจากลีดส์แทน และได้ย้ายไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 9 แสนปอนด์ โดยได้ลงเล่นในลีก 15 นัด และทำไป 3 ประตู แต่ก็มีบทบาทในการช่วยให้ยูงทองประสบความสำเร็จในปีนั้น
ก็องโต้เริ่มต้นฤดูกาล 1992/93 ซึ่งเป็นปีแรกที่ดิวิชั่น 1 ถูกเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก ด้วยทำแฮตทริกในเกมแชริตี้ ชิลด์นัดที่ชนะลิเวอร์พูล 4-3 ตามด้วยอีกหนึ่งแฮตทริกในเกมลีกนัดที่ชนะสเปอร์ส 5-0 ซึ่งนับเป็นแฮตทริกแรกในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกด้วย
เฟลไลนี่จ่ายแพง เล่นไม่คุ้มค่าตัว
ย้อนกลับมาที่แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งออกสตาร์ตฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีกได้ไม่ดีนัก เมื่อแพ้ 2 เกมติดและเสมอในเกมที่ 3 แต่หลังจากนั้นก็กลับมาชนะ 5 นัดรวด ก่อนจะแผ่วไปอีกโดยเจ๊า 5 นัดรวดเช่นกัน
หลังจากแพ้อีก 2 นัดติด เฟอร์กูสันก็เริ่มมองหาหนทางที่จะทำให้ทีมกลับมามีผลงานดีขึ้น เพื่อโอกาสที่จะกลับมามีลุ้นแชมป์ให้ได้ หลังจากทีมยังอยู่ในอันดับกลางๆ ตารางในตอนนั้น
และแล้วโอกาสที่จะคว้าตัวก็องโตน่ามาร่วมทีมก็มาถึงแบบไม่คาดฝัน โดยเริ่มจากการที่บิล ฟอร์ทเธอร์บี้ ประธานสโมสรลีดส์ได้โทรไปหามาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อทาบทามขอซื้อ เดนิส เออร์วิน ฟูลแบ็กตัวเก่งของผีแดง
ตอนนั้นเอ็ดเวิร์ดส์กำลังประชุมอยู่กับเฟอร์กูสันพอดี และหลังจากคุยกันแล้วทั้งคู่ก็เห็นตรงกันว่าควรจะตอบปฏิเสธไป แต่เฟอร์กี้ได้เสนอไปว่าตอนนี้ทีมยังขาดกองหน้าอยู่ หลังจากพยายามซื้อใครก็แห้วไปหมด และให้ลองถามดูว่าฟอร์ทเธอร์บี้จะยอมขายก็องโตน่าหรือไม่
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน แมนฯ ยูไนเต็ดก็ได้ข่าวดี เมื่อลีดส์ยอมขายก็องโต้ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ ในเดือนพฤศจิกายนปี 1992 และอาจจะพูดได้ว่านี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้ผีแดงกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
ฆวน มาต้า ประเดิมสนามนัดแรกกับปีศาจแดงอย่างสวยงาม
แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้คันโตน่าเข้ามาเสริมทีมทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อีกครั้ง หลังจากว่างเว้นมานาน 26 ปีเต็ม และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครหยุดผีแดงได้อยู่อีกแล้ว
แต่หลังจากการวางมือไปของเซอร์อเล็กซ์หลังจบฤดูกาลที่แล้ว วัฏจักรแห่งความสำเร็จของแมนฯ ยูไนเต็ดก็ดูจะถึงจุดสิ้นสุด เมื่อเดวิด มอยส์ที่เข้ามารับตำแหน่งแทน ไม่สามารถพาทีมชุดเดียวกับที่คว้าแชมป์ได้ในปีก่อน ทำผลงานได้ดีพอที่จะมีโอกาสในการลุ้นแชมป์ปีนี้
ทั้งฟอร์มที่น่าผิดหวังในลีก การตกรอบเอฟเอคัพตั้งแต่นัดแรกที่ลงแข่ง และการพลาดหวังในการเข้าชิงลีกคัพ ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากต้องมองหานักเตะที่จะมาพลิกสถานการณ์ให้กับทีมได้
และ ฆวน มาต้า คือคนที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นนักเตะคนนั้น เขาคือคนที่แฟนผีหวังว่าจะมาเป็นคันโตน่าของมอยส์ คนที่จะช่วยให้กุนซือคนใหม่รายนี้พาทีมไปสู่ความสำเร็จได้
การซื้อนักเตะในช่วงหน้าหนาว ถ้าต้องจ่ายแพงๆ ก็แปลว่าทีมที่ยอมจ่ายไม่มีทางเลือกอื่น หรือรอไม่ได้อีกแล้ว และต้องยอมจ่ายเพื่อจะให้ได้นักเตะที่ต้องการมาร่วมทีม ด้วยความจำเป็นในด้านใดด้านหนึ่ง อาจจะเพราะอยากได้จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายมาเติมเต็ม หรือเพราะสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตจนต้องหาทางแก้ไขให้ได้ก็ตาม
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หายเจ็บกลับมา ก็ทำประตูได้เลย
นั่นคือเหตุผลที่แมนฯ ยูไนเต็ดยอมทุบสถิติสโมสร ด้วยการจ่ายค่าตัวมาตาไป 37 ล้านปอนด์ หลังจากในช่วงซัมเมอร์ก็จ่ายไป 27 ล้านปอนด์ ซื้อ มารูยาน เฟลไลนี่ มาเสริมแดนกลางแค่คนเดียว แต่ก็ดูจะแป้กไปแล้ว
มาต้าถูกส่งลงประเดิมสนามทันทีในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด ซึ่งแมนฯ ยูไนเต็ดก็เอาชนะคาร์ดิฟฟ์ 2-0 ในบ้าน และผลงานของเขาก็ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ ในการลงมารับบทบาทเป็นเพลย์เมกเกอร์คอยปั้นเกม
แต่เกมนี้ผีแดงได้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่หายเจ็บกลับมาพอดี และลงมาล่าตาข่ายให้ทีมได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ ก็ฟิตกลับมาลงเล่นเป็นตัวสำรองได้แล้วเช่นกัน และนั่นอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทีมกลับมาชนะได้อีกครั้ง หลังจากแพ้ซะเป็นส่วนใหญ่ในหลายนัดหลัง
มาต้ายังต้องรอพิสูจน์ผลงานไปอีกยาวๆ เพราะเกมที่ได้เล่นในโอลด์ แทรฟฟอร์ดเจอกับทีมบ๊วยแบบนี้ อาจจะยังวัดอะไรไม่ได้มากนัก
มาต้าพิสูจน์ผลงานมาแล้วกับเชลซี และคราวนี้เขาจะต้องมาแสดงให้เห็นอีกครั้งว่ามีดีพอที่จะช่วยพาแมนฯ ยูไนเต็ดให้กลับมาอยู่ในจุดเดิมที่ทีมควรจะอยู่ให้ได้
และคงไม่มีใครหวังให้มันเป็นอย่างนั้นมากไปกว่ามอยส์อีกแล้ว
เบบี้แบร์