ท่าไม้ตาย เดอะ ซีรี่ส์ (EP2)
ฟุตบอล : หลังผ่าน EP 1 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กันไป หนนี้ถึงคิวเจาะลึก "ท่าไม้ตาย" ของ โรนัลดินโญ่ กันบ้างแล้ว
แม้เจ้าของฉายา "เหยินน้อย" จะมีช่วงพีคสั้นเกินไปนิดนึง เพียงแค่ช่วงที่ค้าแข้งอยู่กับ บาร์เซโลน่า (2003-08) แถมเอาเข้าจริงฤดูกาลสุดท้ายในสีเสื้อ "เจ้าบุญทุ่ม" ไม่ต้องนับรวมเป็นช่วงพีคด้วยก็ยังพอไหว
ในเมื่อ "กล้ามเนื้อ" ที่เคยมีกลายสภาพเป็น "ชั้นหน้าท้อง" ไปเกือบหมด ความพริ้วไหวและลีลาซึ่งเคยเรียกเสียงฮือฮาเหมือนเวลาโอปปาขึ้นเวทีก็พลอยมลายหายไปด้วยเหมือนกัน
ถึงอย่างนั้น โรนัลดินโญ่ กับชีวิตหลัง คัมป์ นู ซึ่งอยู่ในสภาพเหมือนแบกลูกแตงโมขนาดย่อมลงไปวิ่งปุเลงๆ ในสนามด้วยนั้นก็ยังแสดงให้ถึงฝีเท้าและชั้นเชิงซึ่งเหนือกว่าพ่อค้าแข้งรายอื่นๆ อยู่ดี
โดยเฉพาะตอนกลับบ้านเกิดไปค้าแข้งในบ้านเกิดที่ประเทศบราซิล 'ดินโญ่ ซึ่งหลายคนมองว่ากลับมาอย่างคนหมดสภาพ กลับมาเพื่อรอวันแขวนสตั๊ด กลับมาเพื่อโกยเงินเข้ากระเป๋าในช่วงบั้นปลาย
แต่กลับกลายเป็นว่าในวัย 33 กะรัต เจ้าของคลิปหลุดแล้วอ้างว่าเป็นแค่คนหน้าคล้ายนั้นยังคงความเด็ดดวงเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยการนำ แอตเลติโก มิเนยโร่ คว้าแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ไปครองได้อย่างสุดยอด
และที่สำคัญคือ โรนัลดินโญ่ ยังคงสไตล์การเล่นหวือหวา เปี่ยมลีลา ชนิดที่แม้แต่แฟนบอลฝั่งตรงข้ามยังต้องลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับเจ้าตัวในฐานะที่ทำให้รู้สึกคุ้มกับค่าตั๋วราคาแพงหูฉี่ตามสภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้
(EP 2) โรนัลดินโญ่: อีลาสติโก้, บิซิเคลต้า, ซอมเบรโร่ ฟลิค, โน ลุค พาส & เฟค แบ็คพาส
จัดเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ท่ามาก ท่าเยอะ และเลอะจินตนาการมากที่สุดในปฐพี โดยเฉพาะกับท่าประจำตัว "อีลาสติโก้" (Elastico) ซึ่งใช้ข้างเท้าด้านนอกตวัดบอลออกข้างแต่แล้วก็ใช้เท้าข้างเดียวกันนั่นล่ะเกี่ยวบอลกลับมายังทิศทางตรงกันข้าม และทั้งหมดทุกขั้นตอนนั้นต้องทำต่อเนื่องกันในเวลาแค่เสี้ยววินาที!!
เชื่อเหลือเกินว่าคนเล่นฟุตบอลแทบทุกคนต้องเคยลองฝึกฝนท่านี้มาแล้ว ก่อนจะแอ็กอาร์ตเป็นการใหญ่หากทำสำเร็จยามอยู่ข้างสนาม แต่ครั้นถึงเวลาลงเล่นจริงๆ ก็จะค้นพบว่า "มันไม่ง่ายเลยที่จะงัด อีลาสติโก้ ออกมาใช้ในสนามจริง"
แต่ โรนัลดินโญ่ ทำได้ แถมยังทำบ่อย ทำจนสงสัยว่าข้อเท้ามันจะพลิกบ้างหรือเปล่าเวลากลับบ้านไปแล้วหลังแข่งเสร็จ
โดยเจ้าตัวทำบ่อยๆ กับท่านี้ "บิซิเคลต้า" (Bicicleta) หรือก็คือการทำท่าสับขาหลอกแค่ครั้งเดียวและลากบอลฉีกหนีไปอีกทางหนึ่งดื้อๆ ต่อหน้าต่อตาคู่แข่งเลยนั่นเอง
ไม่ต้องสาธยายให้มาก เพราะท่านี้ต้องทำไว อาศัยใจกล้า สับเท้าข้ามหลอกแค่จังหวะเดียวแล้วรีบบึ่งให้ไว บางทีคู่ต่อสู้ยังไม่ทันหลงกลก็ตั้งสติเตะป๊าบเข้าให้จนล้มลงไปกองอยู่แถวนั้น จะใช้ท่านี้ก็ต้องระวังกันนิดนึง
อีกท่าหนึ่งซึ่ง "เหยินน้อย" โปรดปรานเป็นอย่างยิ่งและเราก็มักจะได้เห็นเขางัดออกมาใช้อย่างสม่ำ นั่นคือ "ซอมเบรโร่ ฟลิค" (Sombrero flick) หรือภาษาไทยบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ ก็ "เดาะบอลข้ามหัว" นั่นเอง
ไม่มีอะไรซับซ้อนและแลดูง่ายอย่างไม่ควรจะเป็นท่าไม้ตายหรือเอกลักษณ์ของดาวเตะดีกรีระดับอดีตหมายเลขหนึ่งของโลกเลยแม้แต่น้อย แต่ไอ้ท่าง่ายๆ แบบนี้ล่ะถือเป็นลูกหากินที่ 'ดินโญ่ ใช้เล่นงานกองหลังเก่งๆ จนม่อยกะรอกมานักต่อนักแล้ว
หลายครั้งหลายคราเวลาโดนรุมกินโต๊ะ ซุป'ตาร์นักรักมักจะเอาตัวรอดด้วยท่านี้เสมอๆ แถมยังพลิกแพลงเป็นการผ่านบอลเปิดโอกาสให้เพื่อนทำประตูได้อีกต่างหาก และในบรรดาท่าไม้ตายทั้งหลาย ท่านี้ล่ะ "ง่าย" แต่ "ทรงประสิทธิภาพ" ที่สุด
นอกจาก "เดาะบอลข้ามหัว" ซึ่งดูธรรมดาโคตรๆ แล้ว โรนัลดินโญ่ ยังมีท่าที่ธรรมดายิ่งกว่านั้นแต่ดันทะลึ่งมีชื่อเรียกเลิศหรูอลังการว่า "โน ลุค พาส" (No look pass) หรือเอาง่ายๆ ก็ "ส่งบอลโดยไม่มอง" นั่นล่ะ
แค่ทำหน้าตาเหรอหรามองไปทางหนึ่งแต่จังหวะปล่อยบอลออกจากเท้าก็แค่เตะบอลออกไปอีกทางหนึ่ง... มันก็เท่านั้นเอง จะชำเลืองด้วยหางตาหรือจะแอบเหลือบมองก่อนสะบัดหน้าหนีกลับมาปั้นสายตาหลอกชาวบ้านชาวช่องเขาก่อนก็ไม่มีอย่างไหนผิดกติกา
และในเมื่อมันง่ายนัก ก็เอามาประยุกต์กันให้มันยากขึ้นอีกหน่อย ก่อนจะได้ผลผลิตเป็น "เฟค แบ็คพาส" (Fake back pass) หรือ "หลอกส่งคืนหลัง" แหม่... แค่เปลี่ยนจากส่งไปข้างหน้าหรือข้างๆ เป็นคืนหลังเองนะครัช นี่คิดจะถือว่าสิสาสะอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นท่าใหม่เลยเหรอครัชชชช
จะบอกว่าแค่เปลี่ยนทิศทางอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่ แต่เป็นการหลอกทำท่าจะตอกส้นคืนหลังแล้วดึงจังหวะให้บอลชะงักอยู่แค่ปลายเท้านิดนึงก่อนจะเกี่ยวกลับมาเล่นต่อทันทีต่างหาก แม้ท่านี้ดาวเตะเลือดแซมบ้าจะไม่ได้งัดมาใช้บ่อยๆ แต่หากมาทีนึงก็เรียกเสียงกรี๊ดได้เยอะอยู่นะจ้ะ
นนท์
ท่าไม้ตาย เดอะ ซีรี่ส์ (EP1) คริสเตียโน่ โรนัลโด้ >> http://sport.sanook.com/1460616