แฉฉาว"บอลโลก" "ชน-กัด-ถุย-โหม่ง"

แฉฉาว"บอลโลก" "ชน-กัด-ถุย-โหม่ง"

แฉฉาว"บอลโลก" "ชน-กัด-ถุย-โหม่ง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลุยซ์ ซัวเรซ ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 2 ครั้ง ล้วนทิ้งผลงานแสบทรวงชนิดโดนประนามไปทั่วโลกไว้ทั้ง 2 ครั้ง

โดยบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ กองหน้าลิเวอร์พูลกระโดดชกบอลในเขตโทษช่วยให้อุรุกวัยรอดจากการเสียประตูให้กานา ก่อนไปชนะดวลจุดโทษจนผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

ครั้งนั้นแม้จะโดนด่าว่าไม่มีน้ำใจนักกีฬา แต่อย่างน้อยบางส่วนก็ยังมองว่าเป็นการทำเพื่อชาติในสถานการณ์คับขัน

แต่กรณีล่าสุดกับ "กัดบันลือโลก" ที่เจ้าตัวไปงับไหล่ของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี ในเกมเตะนัดสุดท้ายของกลุ่มดี คงยากจะแก้ตัว เพราะเป็นความผิดพลาดซ้ำซากหนที่ 3 เข้าไปแล้ว!

ซัวเรซเคยก่อเรื่องกัดคู่แข่งมาแล้ว 2 ครั้ง ในระดับสโมสร คือ สมัยอยู่กับ อายแอ็กซ์ เมื่อปี 2010 ไปกัดไหล่ของ อ๊อตมัน บัคคาล ผู้เล่นพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น จนโดนแบน 7 นัด

อีกครั้งเมื่อปี 2013 กับต้นสังกัดหงส์แดง ดันเกิดมันเขี้ยวงับแขน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังเชลซี จนโดนลงโทษพักแข้งยาวถึง 10 นัด

พฤติกรรมล่าสุดของซัวเรซทำให้คนในแวดวงลูกหนังทั่วโลกจับตาดูว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จะมีบทลงโทษออกมาหรือไม่ อย่างไร เพราะต่อให้ไม่ได้มองที่ตัวบุคคล การปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เสื่อมเสียในลักษณะนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการแข่งขันฟุตบอลโลกโดยตรง

ในอดีตเคยมีเรื่องวุ่นวายชนิดที่ทำให้ประวัติศาสตร์เวิลด์คัพด่างพร้อยมาแล้วหลายครั้ง ย้อนไปตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1954 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เกมรอบก่อนรองชนะเลิศระหว่าง บราซิลกับฮังการี

นัดนั้น ผู้เล่น 2 ฝ่ายก่อเหตุตะลุมบอนกันหลายครั้งจนถูกไล่ออก 3 คน

ขณะที่สต๊าฟกับสื่อแซมบ้าซึ่งไม่พอใจคำตัดสินของกรรมการก็วิ่งเข้าไปก่อกวนในสนาม จนเกมชะงักอยู่เป็นระยะๆ สุดท้าย เกมลงเอยที่ชัยชนะของฮังการี 4-2 แต่หลายคนยกให้เป็นแมตช์ที่ "สกปรก" ที่สุดในประวัติศาสตร์บอลโลกไปแล้ว

หลังจากนั้นมีเหตุการณ์ทำฟาวล์สนั่นโลกเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในทัวร์นาเมนต์นี้ เหตุรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 1982 ในรอบรองชนะเลิศระหว่าง ฝรั่งเศสกับเยอรมันตะวันตก

เหตุเกิดในนาทีที่ 58 ขณะสองฝ่ายเสมอกันอยู่ 1-1 จังหวะนั้น ปาทริก บาติสตง ตัวสำรองของทีมตราไก่ วิ่งควบไปรับบอลโยนยาวบริเวณกรอบเขตโทษ และแตะบอลหลบ ฮารัลด์ "โทนี่" ชูมัคเกอร์ นายทวารอินทรีเหล็กที่เข้ามาบังทาง

แม้บอลจะหลุดจากเท้าบาติสตงไปแล้ว แต่ชูมัคเกอร์ไม่ยอมยั้งตัวเอาไว้ ยังกระโดดเอาสะโพกและศอกอัดเข้าเต็มศีรษะของคู่ต่อสู้จนแข้งน้ำหอมถึงกับนอนสลบตรงกรอบเขตโทษของเยอรมนี แพทย์สนามต้องใช้เวลาปฐมพยาบาลนานหลายนาทีก่อนหามแข้งผู้โชคร้ายขึ้นเปล ในเวลาต่อมาจึงทราบว่าบาติสตงฟันหัก 3 ซี่ และกระดูกสันหลังได้รับความเสียหาย

ขณะที่ชูมัคเกอร์ไม่โดนแม้แต่ใบเหลือง!

หลังจากนั้นอีก 8 ปี ในฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี แมตช์รอบ 16 ทีมสุดท้าย การโคจรมาพบกันระหว่างคู่ปรับ "ดอยต์ช-ดัตช์" เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ก็ทำให้บรรยากาศในเกมเดือดกันพอสมควรอยู่แล้ว ยังมาเกิดเหตุเสื่อมเสียเมื่อ แฟรงก์ ไรจ์การ์ด กองกลางทีมกังหันลม ทำฟาวล์ รูดี้ โฟลเลอร์ กองหน้าเยอรมนี จนโดนใบเหลือง

ไรจ์การ์ดซึ่งอารมณ์ยังขุ่นมัว แอบถุยน้ำลายใส่โฟลเลอร์ขณะวิ่งผ่าน ทำเอาเจ้าเป็ดน้อยตบะแตกเข้าไปโวยวาย จนตัวเองโดนใบเหลืองไปด้วย

ซุปเปอร์สตาร์อีกคนที่ก่อเรื่องอื้อฉาวจนชื่อเสียงของตัวเองต้องด่างพร้อย คือ ซีเนอดีน ซีดาน อดีตจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งช็อกโลกหลังใช้หัวโหม่งยอดอกของ มาร์โก้ มาเตราซซี่ กองหลังทีมอัซซูรี่ ในท้ายเกมนัดชิงชนะเลิศปี 2006 จนโดนใบแดงออกจากสนาม

ซีดานอธิบายพฤติกรรมที่ขัดกับบุคลิกของตัวเองภายหลังว่า เป็นเพราะโดนมาเตราซซี่ดูถูกแม่และน้องสาวตัวเองว่าเป็น "โสเภณี" จึงทำให้ฟิวส์ขาด จนลืมตัวทำฟาวล์

อาจจะเป็นการฟาวล์ที่ทำให้พวกเขาพลาดตำแหน่งแชมป์โลก เพราะสุดท้ายฝรั่งเศสก็ไปแพ้ดวลจุดโทษอิตาลีแบบเจ็บปวดสุดสุด!

ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook