"กรีก vs โรมัน" อีกครั้งที่ความยิ่งใหญ่...สวนทาง
อิตาลี แชมป์โลกปี 2006 เป็นหนึ่งในทีมเต็งของฟุตบอลโลกครั้งนี้ ขณะที่ กรีซ ถูกคาดหมายว่าจะตกรอบแรก ไม่ต่างกับการที่ จักรวรรดิโรมัน เติบโตอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางการล่มสลายของ อารยธรรมกรีก ในบันทึกของนักโบราณคดี
อย่างไรก็ตาม เหมือนผลลัพธ์ในโลกฟุตบอล ชาติลูกหลานของชาวกรีกและโรมันจะสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เมื่ออิตาลีพลิกล็อกตกรอบแรก วงการฟุตบอลเป็นสุญญากาศ ขณะที่กรีซเริ่มเขียนเทพนิยายบทใหม่ด้วยการกรุยทางเข้ารอบสองได้ ต่อจากเทพนิยายกรีกที่พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ยูโร 2004 ที่โปรตุเกสได้แบบน่าทึ่ง
ทีมอัซซูรี่ตกรอบแรก 2 ครั้งติดต่อกัน ทั้งๆ ที่สามารถคว้าตั๋วมาเล่นรอบสุดท้ายได้แบบไม่แพ้ใครเลย และประเดิมอัด "สิงโตคำราม" อังกฤษ ตั้งแต่นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ขณะที่ทัพเฮลลาสโดน โคลอมเบีย กระทุ้งแบบไม่เหลือซาก 3-0 แต่สองนัดหลังจากนั้นอิตาลีถอยหลังลงคลอง แพ้ทั้ง คอสตาริกา และ อุรุกวัย ส่วนกรีซเสมอ ญี่ปุ่น 0-0 และชนะไอวอรี่ โคสต์ 2-1
ความสำเร็จของวงการฟุตบอลอิตาลีทั้งในระดับชาติและสโมสร ถ้าไม่นับแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ก็ต้องยกให้วันที่ โชเซ่ มูรินโญ่ พา อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกมาครองได้ในปี 2010 หลังจากนั้นไม่เคยมีสโมสรจากอิตาลีที่ผ่านรอบ 8 ทีมสุดท้ายของถ้วยหูโตนี้ได้เลยแม้แต่ทีมเดียว ปี 2012 ทีมจากอิตาลีถูกลดโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกจาก 4 เหลือ 3 และเพิ่มโควต้าให้เยอรมนีเป็น 4 ทีม
ฤดูกาล 2013-2014 เอซี มิลาน เป็นทีมเดียวจาก 3 ทีมที่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้ แต่ก็โดน แอตเลติโก้ มาดริด ขย้ำไป 2 เลก 5-1 ในส่วนของทีมชาติ อิตาลีมาแข่งในรอบนี้ด้วยอันดับ 9 ของโลก ผลงานในฟุตบอลโลกน่าจะทำให้พวกเขาร่วงไปอีก 7 อันดับ เป็นเบอร์ 16 ของโลกซึ่งเป็นอันดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอิตาเลียนเลยทีเดียว
จานคาร์โล อาเบเต้ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี เชซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซือของทีมประกาศลาออกจากตำแหน่งทันทีที่ทีมตกรอบแรก นักเตะแนวรุกตัวความหวังอย่าง มาริโอ บาโลเตลลี่, ชิโร่ อิมโมบิเล่ ถูกวิจารณ์อย่างหนัก
บาโลเตลลี่ไม่ค่อยได้รับเสียงเชียร์ในทีมชาติเท่าไรนัก บ้างเพราะความเกรียน หรือบางครั้งก็เพราะการถูกเหยียดผิว เนื่องจากเป็นแข้งสีผิวรายแรกๆ ของประเทศ ประกอบกับผลงานที่เปรี้ยงปร้างทั้งในลีกและทีมชาติ ทำให้เขาต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้ เช่นเดียวกับอิมโมบิเล่ที่เป็นถึงดาวซัลโวกัลโช่ เซเรียอา แต่กลับได้รับโอกาสเป็นเพียงตัวสำรอง และก็ไม่ได้ช่วยอะไรทีมมากมายนักเมื่อถูกส่งลงสนาม
จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารตัวเก๋า อันเดรีย ปิร์โล่ มิดฟิลด์เชิงสูง อาจจะประกาศลาทีมชาติในไม่กี่วันข้างหน้า ยิ่งทำให้ความมั่นคงของทัพอัซซูรี่ย่ำแย่ลงไปอีก
ในทางกลับกัน กรีซเป็นทีมที่เงียบมาก หลังได้แชมป์ยูโร 2004 พวกเขาไม่สามารถคว้าตั๋วลุยเวิลด์คัพ 2006 และตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2010 อ๊อตโต้ เรห์ฮาเกล กุนซือที่พาทีมสร้างเทพนิยายกรีก ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
เฟร์นานโด ซานโต๊ส เข้ามารับตำแหน่งแทน เหมือนเป็นการปลุกทหารกรีกให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
ซานโต๊สพาทีมกรุยทางเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยูโร 2012 คว้าตั๋วฟุตบอลโลกด้วยการจบอันดับ 2 ของกลุ่ม และชนะเพลย์ออฟ โรมาเนีย ก่อนจะมาสร้างความระทึกใจด้วยจุดโทษประตูชัยของ จอร์จอส ซามาราส ในช่วงทดเจ็บ ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อันโตนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซชื่นชมนักเตะเฮลลาสว่า "เป็นอีกครั้งที่พวกคุณทำให้ประเทศชาติภาคภูมิใจ"
เพราะก่อนหน้านี้กรีซอยู่ในสภาวะวิกฤตการเงินในประเทศอย่างหนัก ความเหลื่อมล้ำของคนจน-คนรวยที่หนักหน่วง แต่ความสำเร็จในฟุตบอลโลก คนทุกชนชั้นมีสิทธิได้รับอย่างเท่าเทียมกัน
ทัพกรีกยังคงเดินหน้าล่าความสำเร็จ ขณะที่ทัพโรมันต้องเร่งสร้างขุมกำลังพลใหม่ เพราะสงครามฟุตบอลโลกยังมีให้ฟาดฟันกันอีกทุกๆ 4 ปี
ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup