กองหน้า "ขี้เหร่" ที่สุด
ฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ผ่านไปแล้ว 2 วัน (เสาร์-อาทิตย์ 28-29 มิ.ย.) ทีมตัวเต็งแชมป์ในระดับต้น ๆ อย่าง บราซิล และ เนเธอร์แลนด์ ก็สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ตามความคาดหมาย
กังหันลม "เนเธอร์แลนด์" ของกุนซือหลุยส์ ฟาน ฮัล ไล่จากตามหลัง แซงทีม "จังโก้" เม็กซิโก เข้าป้ายด้วยสกอร์ 2-1 ประตู ในเกมที่พวกเขา "ตาย" ไปแล้ว "ครึ่งตัว" เลยก็ว่าได้
หลังการยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ของ จิโอวานนี่ ดอส ซานโต้ส ในนาทีที่ 48 ทีมจังโก้ ต้องตกเป็นฝ่ายถอยร่นไปตั้งรับ เมื่อถูกทีมแดนกังหันลม เดินหน้ากดดันอย่างหนัก แต่ด้วยฟอร์มอันเหนียวหนึบของนายทวาร กีเยร์โม่ โอชัว ที่เซฟอุตลุตจนทีมกังหันลมแทบจะท้อ ทำให้ โอกาสเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของ เม็กซิโก ลอยอยู่แค่เอื้อม
ทว่า! "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" เนเธอร์แลนด์ ที่บุกแบบไม่ลดละ สามารถตีเสมอได้จากการประสานงานอันยอดเยี่ยมระหว่าง คลาส ยาน ฮุนเตลาร์ กับ เวสลีย์ สไนเดอร์ โดย ฮันเตอร์ ที่ถูกเปลี่ยนลงมาแทน โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ พักบอลคืนให้ สไนเดอร์ วางเท้ายิงอย่างเหมาะเหม็ง เข้าประตูอย่างสวยงาม
แม้ว่าประตูชัยของทีมกังหันลม ในช่วงทดเวลา จะมาจากความ "ฉ้อฉล" ของอาร์เย็น ร็อบเบน ที่ "พุ่งล้ม" เรียกจุดโทษได้ (ก่อนหน้านั้น ก็พยายามจะทำ 2-3 ครั้ง) แต่! หากจะมองในภาพรวมทั้งหมด การผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของทีมแดนกังหันลม ก็ยังดู "ดี" กว่าทีมเจ้าภาพ
"แซมบา" บราซิล ของหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ เริ่มต้นรอบ 16 ทีมด้วยการขึ้นนำ ชิลี อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นาทีที่ 18 จากการยิงแบบไม่รู้ว่าใช้ส่วนไหนโดนบอลของ ดาวิด หลุยส์
ทว่า! หลังจากความผิดพลาดในแนวรับ ที่ปล่อยให้ ชิลี ได้ประตูตีเสมอจากลูกยิงของ อเล็กซิส ซานเชส ในนาทีที่ 32 แล้ว หลังจากนั้น ทีมเจ้าภาพ ไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่า พวกเขา "เหนือกว่า" หรือ "มีดีกว่า" ในการผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายแต่อย่างใด
นอกจากลูกยิง ของ ฮัล์ค ที่ถูกปฏิเสธโดย ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ตัดสินชาวเมืองผู้ดีแล้ว ที่เหลือจากนั้น กลับเป็น ชิลี ที่ทำได้ "ดีกว่า" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะสุดท้าย ที่ทำให้ บราซิล ต้อง "บล็อก" บวกกับ "เซฟ" ลูกยิงของชิลี รวมถึง 12 หน ในขณะที่ ชิลี ต้อง บล็อก+เซฟ แค่ 4 หน หรือเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้นเอง
ก็ถือว่า "โชคดี" อย่างยิ่ง ที่ ลูกยิงของ เมาริซิโอ ปินิย่า ในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษพุ่งไปชนคานอย่างจัง ทำให้ทีมแซมบา รอดตายอย่างหวุดหวิด
เมื่อต้องตัดสินกันด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษ ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิตแล้ว และในเมื่อ "เทพีแห่งโชค" เลือกอยู่ข้างเจ้าภาพ ผู้ผิดหวังย่อมเป็น ชิลี
บราซิล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างทุลักทุเล ด้วยฟอร์มการเล่นที่ผมมองว่า "แย่ที่สุด" เท่าที่ได้เห็นในทัวร์นาเมนท์นี้ของพวกเขาเลยทีเดียว
3 นัดในรอบแรก พวกเขาอาจจะเล่นไม่ได้ดู "เข้าตา" แต่ก็ไม่ถึงกับ "ย่ำแย่" เหมือนกับที่ได้แสดงออกมาในนัดเจอกับ ชิลี เลยสักนิดเดียว
จะว่าไปแล้ว ขุมกำลังของบราซิล โดยรวมก็ถือว่า "ไม่ขี้เหร่" แต่อย่างใด ไล่ตั้งแต่ ผู้รักษาประตู , กองหลัง และ แผงมิดฟิลด์
แต่ที่ "ขี้ริ้ว" สุด ๆ อยู่ที่ "กองหน้าตัวเป้า" ซะมากกว่า
ผู้เล่นอย่าง "เฟร็ด" หรือแม้กระทั่งตัวสำรองของเขาอย่าง "โช" ในมุมมองของผม ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับเลือกให้เป็นตัว "ทีมชาติ" บราซิล เลยแม้แต่นิดเดียว
บราซิล ในยุคแชมป์โลกสมัยแรก (1958) มาพร้อมกับการแจ้งเกิดของกองหน้าระดับตำนานอย่าง "เปเล่" ที่พาบราซิล ครองแชมป์ต่อเนื่องอีก 2 สมัย ในปี 1962 และปี 1970 (แม้ปี 1962 เปเล่ แทบจะไม่มีส่วมร่วมสักเท่าไหร่ก็เถอะ)
บราซิล ชุดคว้าแชมป์โลก สมัยที่ 4 (1994) ก็มี โรมาริโอ เป็นตัวชูโรง ส่วนปี 2002 "โล้นทองคำ" โรนัลโด้ คือพระเอก ของแซมบา ในหนดังกล่าว
แม้แต่ปีที่พวกเขาไม่ได้แชมป์โลก พวกเขาก็ยังมี "หัวหอก" ที่คู่ควรต่อการเป็นทีมชาติ ไม่ใช่เป็นกองหน้าประเภท "ตัวแถม" เหมือนอย่างที่ เฟร็ด กับ โช แสดงให้เห็นในครั้งนี้
ปกติแล้ว เรามักจะได้เห็นกองหน้าสไตล์บราซิลที่ สมบูรณ์แบบ ครบเครื่อง ทั้งเรื่องระดับฝีเท้า และความมหัศจรรย์
แต่! สำหรับ 2 กองหน้าทีมแซมบาชุดนี้ หากจะเอาแค่ "คุณสมบัติ" ของผู้เล่นกองหน้าแบบพื้น ๆ ก็คือ กองหน้าต้อง พักบอลได้ , พาบอลไปเองได้ และ ยิงประตูได้ดี
ผมว่า ทั้ง เฟร็ด และ โช มีคุณสมบัติเหล่านี้ไม่ครบ หรือ "ไม่มีเลย" ด้วยซ้ำไป
เทียบกับ โคลอมเบีย , เนเธอร์แลนด์ และ คอสตา ริก้า ที่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแล้ว และอีก 4 ทีมที่จะผ่านเข้ารอบตามมาอีก
ไม่มีชาติไหน มีผู้เล่นตำแหน่งหัวหอก "อ่อน" เหมือนอย่างบราซิล ก็แล้วกัน
ใคร? เห็นด้วยกับผม โปรดยกมือขึ้นครับ
เฮียนอส
ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup