"เฮียฮ้อ" เปิดใจ "อาร์เอส" ทำถูกต้องแต่อาจไม่ถูกใจ - ยัน 427 ล้านไม่พอเยียวยา
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ อาร์เอสฮอลล์ บมจ.อาร์เอส "เฮียฮ้อ" นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เพื่อชี้แจง และทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลชิงแชมป์โลก 2014 ที่ประเทศบราซิล
นายสุรชัย เปิดใจว่า สถานการณ์ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 จำเป็นต้องออกมาชี้แจงและทำความเข้าใจประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลชิงแชมป์โลก 2014 อีกครั้ง
ก่อนอื่นขอเรียนชี้แจงว่า อาร์เอสเสียหายและเสียเวลาต่อสู้คดีความมามากกว่า 1 ปี จนเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 57 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดเพิ่งพิพากษาตัดสินให้ “อาร์เอส” เป็น “ผู้ชนะคดี” โดยมีมติไม่ให้บังคับใช้ ประกาศของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 หรือกฎมัสต์ แฮฟ (Must Have) ข้อ 3 ลำดับที่ 7 การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เพราะอาร์เอสเป็นผู้ได้รับสิทธิในการแพร่ภาพและเสียง การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี ค.ศ. 2014 อยู่แล้ว ในขณะที่ออกประกาศดังกล่าว จึงไม่เป็นธรรมกับ อาร์เอสฯ และเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่อาจนำประกาศดังกล่าว มาใช้บังคับกับอาร์เอสได้
หลังจากนั้นทาง “อาร์เอส” ได้รับการประสานจาก กสทช. ว่าต้องการหารือเร่งด่วน เพื่อนำการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2014 มาถ่ายทอดสดให้คนไทยดูผ่านทางฟรีทีวีครบทั้ง 64 แมตซ์ โดยพร้อมจะให้เงินสนับสนุนเพื่อชดเชยความเสียหาย และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแผนธุรกิจอย่างกะทันหันทั้งที่ได้วางแผนไว้เดิมมานานกว่า 1 ปี ซึ่งเมื่อบริษัทฯ นำข้อหารือดังกล่าวกลับมาพิจารณาทบทวนกันภายในอย่างเร่งด่วน เราก็ได้เล็งเห็นถึงเจตนาอันดี รวมถึงความตั้งใจของ กสทช ที่จะสร้างบรรยากาศที่ดีและมีความสุขกันในหมู่ประชาชนชาวไทย ที่สำคัญเรามองว่าในวันนั้นเรื่องธุรกิจเป็นเรื่องรอง เงินชดเชย 427 ล้านบาท ไม่เพียงพอที่จะเยียวยาความเสียหาย เป็นสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสีย
แต่ อาร์เอส ก็ยินดีให้ความร่วมมือ และเร่งประสานผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้ง พล.ท ชาติอุดม ติตกะสิริ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และคุณ พลากร สมสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้ง 2 สถานี จนเป็นข้อสรุปที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
จากวันนั้นที่บรรลุข้อตกลงร่วมกัน “อาร์เอส” ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์โลก 2014 จนจบรอบ16 ทีมสุดท้ายเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่บริษัทยังไม่ได้รับเงินครบถ้วนตามจำนวนเงิน 427 ล้านบาทที่ได้ตกลงไว้แต่อย่างใด ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้เพราะทาง กสทช จำเป็นต้องมีคณะอนุกรรมการเพื่อมาพิจารณา และขอรับข้อมูลในรายละเอียดจากทางบริษัทอีกครั้ง แต่บริษัทต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจบางส่วนจากการเปลี่ยนแผนธุรกิจทั้งจำนวน อีกทั้งบริษัทได้ตกเป็นเป้าโจมตีจากสังคมอันเนื่องมาจากความเข้าใจผิดจากการให้สัมภาษณ์ของหลายๆฝ่าย ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนบิดเบือนจากข้อเท็จจริง
ประการแรก เรื่องแผนการถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ดูฟรีครบทั้ง 64 คู่นั้น เราได้ส่งแผนให้ กสทช ได้รับทราบในวันที่ 11มิ.ย. และได้ทำตามแผนดังกล่าวทุกประการ เพราะในข้อตกลงของเราที่ได้หารือกันในวันนั้นคือทุกคู่ต้องดูฟรีผ่านฟรีทีวี ซึ่งในประเด็นนี้คิดว่าอาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในนิยามของคำว่า "ฟรีทีวี" โดย อาร์เอส หมายถึงช่องฟรีทีวีที่รับชมฟรีในทุกแพล็ตฟอร์มการรับชม ซึ่งปัจจุบันนี้มี 24 ช่องฟรีทีวี แต่ทาง กสทช อาจหมายรวมถึงเพียงแค่ฟรีทีวีในระบบอะนาล็อคเดิมเท่านั้น
แต่ อาร์เอส ได้แจ้งกับ กสทช. อย่างชัดเจนว่า ช่อง 8 เป็นหนึ่งในฟรีทีวีของเมืองไทย ซึ่งทาง กสทช. ก็รับทราบและไม่ได้มีข้อโต้แย้ง ดังนั้น อาร์เอส ขอยืนยันว่าทำถูกต้องตามข้อตกลงทุกประการ ไม่ได้มีเจตนาบิดพริ้วตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีประชาชนจากหลายพื้นที่แจ้งว่า ไม่สามารถรับชมการแข่งขันระหว่างคู่ บราซิล-ชิลี ในคืนวันที่ 28 มิ.ย. และ เนเธอร์แลนด์-เม็กซิโก ในคืนวันที่ 29 มิ.ย. ผ่านทางช่อง 8 ได้ ในหลายพื้นที่ ทางอาร์เอส ได้เร่งประสานขอเช่าเวลาเพิ่มเติมจากสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที และก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อให้แฟนบอลสามารถรับชมการแข่งขันอีก 2 คู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เดิมวางแผนถ่ายทอดสดที่ช่อง 8 เท่านั้น ให้รับชมผ่านช่อง เอ็นบีที ได้ด้วย
ประการต่อมา บริษัทขอเรียนว่าการเข้ามาเจรจาของ กสทช. เพื่อให้คนไทยได้รับชมฟุตบอลโลกครั้งนี้ฟรีทั้ง 64 คู่ ไม่ได้เกิดจากการบังคับหรือใช้อำนาจตามกฎหมาย หากแต่เกิดจากความสมัครใจของอาร์เอสที่ยอมตกลงร่วมกันบนพื้นฐานที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ โดยในส่วนของอาร์เอส ยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขแผนธุรกิจและรับผิดชอบกับความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามมา
โดยมีค่าชดเชยความเสียหาย 427 ล้านบาทจาก กสทช เป็นเครื่องเยียวยา เงินจำนวนนี้ไม่ใช่การซื้อสิทธิที่จะมาบังคับให้อาร์เอสทำหรือไม่ทำอะไรในภายหลังจากที่ได้ตกลงกันเมื่อวันที่11 มิ.ย.ได้ การแก้ปัญหาระหว่างทางตั้งแต่เริ่มการแข่งขันเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเยียวยา รับคืนกล่องจากผู้บริโภค หรือรับคืนสมาชิกช่องบอลโลก รวมถึงการจัดหาเวลาเพิ่มเติมที่ช่อง เอ็นบีที นั้น เกิดจากความสมัครใจในการแก้ปัญหา เพราะเรามองประชาชน ผู้บริโภค ลูกค้าของเราเป็นที่ตั้ง อาร์เอส ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว ทำดีที่สุด แต่อาจไม่ถูกใจทุกคนได้แต่เรายืนยันว่าทำสิ่งที่ถูกต้องมีหลักการรองรับ มีเหตุผลอธิบายได้
สุดท้ายนี้ อาร์เอส ตระหนักดีว่าทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ได้พยายามปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดแล้ว อาร์เอส ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็จะทำหน้าที่ส่งมอบความสุขจากการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์โลก 2014 ให้ดีที่สุดเช่นกัน โดยขอยืนยันว่าคนไทยจะได้รับชมพิธีปิดสุดยิ่งใหญ่อลังการผ่านทางช่อง 5 หรือ ช่อง 7 ตามที่ได้กำหนดไว้ในตารางการถ่ายทอดสดอย่างแน่นอน