เช็กผลงานแข้งบอลโลก ลีกไหนตีนคมสุด!
จบรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2014 แล้ว ยอดรวมประตูทั้งหมดอยู่ที่ 154 ประตู เป็นการทำเข้าประตูตัวเอง 5 ลูก เฉลี่ย 2.8 ประตูต่อ 1 แมตช์ มากกว่าฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ที่ค่าเฉลี่ย 2.3 ประตู ที่สำคัญจำนวน 154 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ถือเป็นสถิติที่เยอะกว่าทั้งทัวร์นาเมนต์ของฟุตบอลโลก 2006, 2010 และมีโอกาสสูงที่จะทำลายสถิติฟุตบอลโลกที่มีการยิงประตูกันถล่มทลายที่สุด คือ ""ฟร้องซ์ 98"" ที่จำนวนรวม 171 ประตู เพราะตอนนี้ยังเหลืออีก 8 แมตช์ให้แข่งขันกัน
ถ้าแยกออกมาในส่วนของทีมชาติที่ยิงประตูได้มากที่สุดหลังจบรอบ 8 ทีมสุดท้าย เนเธอร์แลนด์ ยิงประตูมากที่สุด 4 นัด 12 ประตู รองลงมาเป็น โคลอมเบีย 4 นัด 11 ประตู ช่วยทีมที่เสียประตูมากที่สุด 9 ลูก ใน 3 แมตช์ คือ ออสเตรเลีย และ แคเมอรูน
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น เมื่อแยกออกมาเป็นลีกแล้ว สถิติลีกที่ยิงประตูได้มากที่สุด คือ อังกฤษ และ เยอรมนี ครองดาวซัลโวร่วมกันอยู่ที่ 30 ประตู (นับทุกลีกในประเทศรวมกัน) รองลงมาเป็น สเปน ที่ 23 ลูก ขณะที่ อิตาลี และ ฝรั่งเศส รั้งเบอร์ 3 เพียง 11 ประตูเท่านั้น แต่ถ้านับเพียงลีกสูงสุด บุนเดสลีก้า เยอรมนี เป็นลีกที่มีนักเตะยิงประตูสูงสุดที่ 30 ประตู แต่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มี 28 ประตู เพราะมีนักเตะชาร์ลตันและวีแกนทำประตูได้ด้วย
สรุปอันดับลีกสูงสุดที่มีนักเตะที่เล่นอยู่ทำประตูในฟุตบอลโลก 2014 มากที่สุด ดังนี้ 1.บุนเดสลีก้า เยอรมนี 30 ประตู 2.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 28 ประตู 3.ลาลีก้า สเปน 23 ประตู 4.กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี และลีก เอิง ฝรั่งเศส 11 ประตู 6.พรีเมร่า ลีก้า โปรตุเกส 8 ประตู 7.พรีเมียร์ดัตช์ เนเธอร์แลนด์, รัสเซีย พรีเมียร์ลีก รัสเซีย, ลีก้า เอ็มเอ๊กซ์ เม็กซิโก 5 ประตู 10.คัมเปโอนาโต้ ซีรีอา บราซิล 3 ประตู 11.เตอร์กิช ซุปเปอร์ลีก ตุรกี, ลีก เอิง ตูนิเซีย, อาระเบียน กัลฟ์ลีก ยูเออี, กรีก ซุปเปอร์ลีก กรีซ 2 ประตู นอกจากนั้นมีสกอตติช พรีเมียร์ลีก สกอตแลนด์, ลีก้า นาซิอองนาล ฮอนดูรัส, อาร์เจนตินา พรีเมร่า, เบลเยียม โปรลีก, พราวา ลีก้า โครเอเชีย, เค-ลีก เกาหลีใต้ที่มีผลงานลีกละ 1 ประตู
ด้านสถิติของสโมสรที่ยิงประตูมากที่สุดใน 56 แมตช์ที่จบไปแล้วของฟุตบอลโลก 2014 บาเยิร์น มิวนิก ที่มีนักเตะซัดรวมกันไปแล้ว 14 ประตู เพราะมีตัวความหวังของหลายชาติอย่าง โธมัส มุลเลอร์ ดาวยิงเยอรมนี อาร์เยน ร็อบเบน ปีกตัวเก่งของเนเธอร์แลนด์ รวมทั้ง เซอร์ดาน ชากิรี่ ตัวความหวังของ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ซัดแฮตทริกคนแรกของทัวร์นาเมนต์นี้ได้ แค่ 3 คนนี้ก็ซัดรวมกัน 10 ลูกแล้ว ยังไม่นับรวม มาริโอ มานซูคิช กองหน้า โครเอเชีย ที่ยิง 2 เม็ด จูเลียน กรีน กองกลางดาวรุ่ง สหรัฐอเมริกา มาริโอ เกิตเซ่ แข้งอินทรีเหล็ก รองลงมาเป็น บาร์เซโลน่า รองแชมป์ลาลีก้า สเปน รวม 10 ประตู 4 ลูกจาก ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีม อาร์เจนตินา 4 เม็ดจาก เนย์มาร์ ซุปเปอร์สตาร์ บราซิล อเล็กซิส ซานเชซ ตัวรุก ชิลี 2 ประตู อันดับ 3 เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยิงได้ 8 ประตูจาก 6 คน คือ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กัปตันทีมเนเธอร์แลนด์ที่ยิงคนเดียว 3 ประตู นอกนั้น 5 คนยิงคนละ 1 ประตู มารูยาน เฟลไลนี่(เบลเยียม) นานี่(โปรตุเกส) ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ(เม็กซิโก) เวย์น รูนี่ย์(อังกฤษ) ฆวน มาต้า (สเปน)
ขณะที่อันดับ 4 เป็นของรีล มาดริด แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกทีมล่าสุด ที่มีผลงาน 6 ประตูจาก คาริม เบนเซม่า กองหน้าฝรั่งเศสคนเดียว 3 ประตู คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) อังเคล ดิ มาเรีย (อาร์เจนตินา) ชาบี้ อลอนโซ่ (สเปน) คนละประตู ด้าน โมนาโก จาก ลีกเอิง มาเป็นอันดับ 5 แต่เป็น ฮาเมส โรดริเกซ นักเตะโคลอมเบียที่ยิงคนเดียวทั้ง 5 ลูก
ทีมบิ๊กเนมของยุโรปอีกหลายทีมกลับมีนักเตะที่ทำประตูได้ไม่เยอะนัก เชลซี, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 4 ประตู ลิเวอร์พูล 3 ประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ดอร์ทมุนด์, อาร์เซน่อล, เปแอสเช, นิวยอร์ก เร้ดบูล 2 ประตู
เยอรมนี, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, โคลอมเบีย, คอสตาริกา, เนเธอร์แลนด์, อาร์เจนตินา, บราซิลเป็น 8 ทีมสุดท้ายที่เหลือในตอนนี้ และเหลืออีก 8 นัดที่เหลือ นอกจากการลุ้นแชมป์โลกแล้ว ทีมอย่างอินทรีเหล็กและตราไก่ฝรั่งเศสยังมีลุ้นว่าลีกตัวเองจะเป็นดาวซัลโวด้วยหรือไม่ อีกไม่กี่วันก็รู้แล้ว