จากปากคำของฟีฟ่า "เวิลด์คัพเจ๋งที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว"

ฟุตบอลโลก 2014 ได้รับคำชื่นชมว่าเป็นเวิลด์คัพที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา บางคนอาจจะเร้าใจไปกับจำนวนประตูที่ยิงกันถล่มทลาย หลายคนอาจจะหลงรักเกมที่สุดแสนดราม่า ขโมยซีนกันท้ายเกม หรือเทพนิยายต่างๆ ที่กำลังเดินหน้าบทของตัวเอง ทั้งเทพนิยายกล้วยหอมของ คอสตาริกา หรือเทพนิยาย โคลอมเบีย แต่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มีการรวบรวมข้อมูลและทำวิจัยโดยกลุ่มศึกษาด้านเทคนิค ที่มีนักเตะและกุนซือชั้นนำร่วมอยู่ด้วยหลายคน เพื่อหาคำตอบว่า อะไรที่ทำให้เวิลด์คัพ ฉบับบราซิล ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์

เชราร์ อุลลิเย่ร์ อดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล หนึ่งในทีมงานบอกว่า จากการได้ดูฟุตบอลโลก 9 ครั้งในชีวิต ครั้งนี้ถือว่าเจ๋งที่สุดแล้ว เพราะเต็มไปด้วยคุณภาพ ความบันเทิง บางเกมเหมือนบาสเกตบอล เปิดเกมบุกใส่กันแบบไม่ยั้ง เช่นเกม เยอรมนี กับ กานา หรือ สหรัฐอเมริกา เตะกับ เบลเยียม เหมือนกับคำพูดที่ว่า เพราะเรามาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องเดินหน้าเต็มที่เท่านั้น

นอกจากนั้น ครั้งนี้มีการใช้บริการกองหน้ามากขึ้น บางทีมใช้กองหน้า 2 คน บางทีมใช้ถึง 3 อาร์เจนตินา ส่ง ลิโอเนล เมสซี่, เอเซเกียล ลาเวซซี่, กอนซาโล่ อิกัวอิน ลงสนามพร้อมกันในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ หรือ อังกฤษ มีกองหน้าคนเดียว แต่หลังจากกองหน้ามีแนวรุกยืนอยู่อีก 3 ตัว ฟุตบอลโลกหลายครั้งจะมีกองหน้าซุปเปอร์สตาร์ที่โดดเด่นเพียงคนเดียว เหมือนที่ เปเล่, ดิเอโก้ มาราโดน่า, แกร์ด มุลเลอร์ เก่งกันคนละยุค แต่ครั้งนี้มีทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์, ฮาเมส โรดริเกซ, คาริม เบนเซม่า ลงเล่นพร้อมๆ กัน ต่างคนก็โชว์ความสุดยอดได้ทั้งนั้น

"56 แมตช์ที่ผ่านมา ถล่มประตูกันไป 154 ลูก มีลุ้นทำลายสถิติทัวร์นาเมนต์ที่ทำประตูมากที่สุด 171 ลูก ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส หลายทีมได้ปรับเอาติกี้-ตาก้าของสเปนและบาร์เซโลน่ามาใช้ ทำให้เล่นกันเร็วขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น นี่คือการยกระดับของฟุตบอลอย่างเห็นได้ชัด" อุลลิเย่ร์สรุปได้อย่างน่าสนใจ

ซันเดย์ โอลิเซ่ กองกลางกัปตันทีมชาติไนจีเรียชุดฟุตบอลโลก 1994, 1998 หนึ่งในทีมงานกล่าวว่า ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ปกติทุกทีมจะเล่นระวังตัวกว่ารอบแบ่งกลุ่ม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แบบนั้น หลายทีมพยายามดันเกมรุก วิงแบ๊กลอยสูงขึ้นมากลางสนาม รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงกฎที่เอื้อต่อการเล่นเกมรุกมากขึ้น โดยเฉพาะกองหลังตัวสุดท้ายถ้าจะทำฟาวล์ก็ต้องระวังเป็นพิเศษ

อุลลิเย่ร์เสริมว่า การเล่นในอเมริกาใต้ ทำให้ทีมละตินทั้งหลายดุขึ้นมาก ต่างจากฟุตบอลโลกที่เตะในทวีปอื่น ถึงแม้ ชิลี จะตกรอบสอง แต่ก็มีทุกอย่างครบถ้วน เทคนิค สปิริต พลัง ความกระหายในชัยชนะ

หรือแม้กระทั่งการจะจับนักเตะขั้นเทพสักคนให้อยู่หมด โอลิเซ่กล่าวว่า เราไม่สามารถให้กองหลังกรูกันเข้าไปวิ่งไล่นักเตะอย่างเมสซี่

ได้เหมือนที่เมื่อก่อนทำได้แล้ว เพราะถ้าทุกคนไปรุมเมสซี่หมด เขาก็จ่ายบอลให้ อังเคล ดิ มาเรีย ยิงเหมือนแมตช์ที่ทีมฟ้า-ขาวชนะสวิตเซอร์แลนด์นั่นเอง

"ความฟิตก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ดูทีมอย่างอิหร่าน พวกเขาไม่ต้องซ้อมมาก แต่ซ้อมกันแบบเน้นๆ ทำให้ไม่ต้องมีกรดแลกติกในร่างกายที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้ามากเกินไป ส่วนเยอรมนีก็เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการอยู่แล้ว ถือว่าครั้งนี้นักเตะเตรียมตัวได้ดีมากๆ" อดีตกัปตันทีมไนจีเรียกล่าว

โอลิเซ่เสริมอีกว่า ดราม่าในนาทีท้ายๆ ของเกมเกิดขึ้นมากมายในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย 8 แมตช์ มีถึง 5 แมตช์ที่ต้องต่อเวลาพิเศษหรือยิงจุดโทษ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1938 เกือบ 1 ใน 4 ของประตูทั้งหมดเกิดขึ้นใน 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งหลัง แถม 29 ประตูทำได้โดยตัวสำรองเสียด้วย

อุลลิเย่ร์กล่าวว่า การมีนายทวารที่ยอดเยี่ยมหลายคนในทัวร์นาเมนต์ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลโลกเจ๋งขึ้น แต่สถิติผลงานของผู้รักษาประตูก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีอดีตผู้รักษาประตูและโค้ชเก่งๆ ที่ไปเทรนโกลในหลายๆ ชาติ

"สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เทคนิคหรือแทคติคอะไรหรอก มันคือความรู้สึกที่อยากจะสร้างความสำเร็จให้ชาติบ้านเกิดของตัวเอง การได้เล่นเพื่อชาติเหมือนการทำสงครามเพื่อปกป้องดูแลคนทั้งประเทศ เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกผมว่า ถ้าคุณเป็นนักฟุตบอลแล้วไม่ได้มาแข่งฟุตบอลโลก ก็ไม่ต่างจากการไปโรงเรียนแล้วเรียนไม่จบนั่นแหละ ผมเคยตกรอบฟุตบอลโลก และต้องรอให้ผ่านคริสต์มาสอีกตั้ง 4 ครั้งกว่าจะได้ไปเตะอีก" อดีตกัปตันทีมอินทรีมรกตกล่าวได้อย่างสุดซึ้ง

ก่อนจะปิดท้ายว่า "เมื่อนักเตะร้องไห้ นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาอินกับฟุตบอลขนาดไหน คุณลองดูกุนซือแอลจีเรียสิ เขาไม่ใช่คนแอลจีเรียด้วยซ้ำ แต่ยังเสียน้ำตาให้กับความพ่ายแพ้ของทีม นั่นเป็นตัวอย่างของความรักในฟุตบอลและเสน่ห์ของฟุตบอลโลกแท้ๆ เชียวล่ะ"

ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup