"ฮอตช็อต"วิพากษ์ บอลโลกกับ"ศูนย์หน้า"ที่หายไป

"ฮอตช็อต"วิพากษ์ บอลโลกกับ"ศูนย์หน้า"ที่หายไป

"ฮอตช็อต"วิพากษ์ บอลโลกกับ"ศูนย์หน้า"ที่หายไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอลโลก 2014 ใกล้ขมวดปมปิดฉาก พร้อมสถิติน่าตื่นตาตื่นใจอย่างการทำประตูเป็นกอบเป็นกำที่ใกล้เคียงกับสถิติสูงสุด 171 ลูก ของเวิลด์คัพเมื่อปี 1998 อย่างยิ่ง (อันที่จริง น่าจะทุบสถิติกันไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้านายทวารแต่ละชาติไม่นัดกันท็อปฟอร์มถึงขนาดนี้)

ในฐานะอดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ อลัน เชียเรอร์ ชื่นใจที่ได้เห็นเกมรุกหลากหลายจากแผนการเล่นอันยอดเยี่ยมของสารพัดทีมในบอลโลกหนนี้ แต่ขณะเดียวกันก็อดขัดใจไม่ได้ที่วิวัฒนาการของสไตล์ลูกหนังยุคปัจจุบันทำให้ "ศูนย์หน้าหมายเลข 9" ตำแหน่งหน้าเป้า ตัวจบสกอร์ แทบจะหมดบทบาท หรือหายไปจากเกมเกือบเกลี้ยง

กลับกลายเป็นว่าตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์เบอร์ 10 กองกลางตัวรุกหรือหน้าต่ำ ที่สมัยก่อนมักเป็นตัวสนับสนุนหรือสร้างสรรค์เกมบุก กลายเป็นผู้ทำประตูเสียเองซะมากกว่า

ยืนยันด้วยสถิติจากบรรดาแข้งที่มีลุ้นครองตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น ฮาเมส โรดริเกซ ของโคลอมเบียที่ทำคนเดียว 6 ประตู หรือ 3 ซุ"ป"ตาร์จาก 3 ประเทศอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนตินา), เนย์มาร์ (บราซิล) หรือ โธมัส มุลเลอร์

(เยอรมนี) ซึ่งทำไปคนละ 4 ประตู ต่างก็เข้าข่ายตัวทำเกมหมายเลข 10 ทั้งสิ้น

ขณะที่ตำแหน่งศูนย์หน้าธรรมชาติจริงๆ จำนวนประตูที่ทำได้กลับน้อยจนน่าตกใจ โดยในหมู่คนที่ลงสนามเท่าๆ กัน มีแค่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ของเนเธอร์แลนด์ ที่ทำไป 3 ประตู จากการลงสนาม 480 นาที ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็ยิงได้เท่ากับเพื่อนร่วมทีม อาร์เยน ร็อบเบน ที่ลงเล่นน้อยกว่า 118 นาที แถม "อาร์วีพี" ยังไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มศูนย์หน้าคลาสสิกแบบเต็มตัวด้วยซ้ำ

ขณะที่ศูนย์หน้าคนอื่นๆ ต่างทำประตูลดหลั่นกันลงไป แจ๊คสัน มาร์ติเนซ (โคลอมเบีย) ทำ 2 ประตู ส่วน กอนซาโล่ อิกัวอิน (อาร์เจนตินา), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ฝรั่งเศส), เฟร็ด (บราซิล) และ มิโรสลาฟ โคลเซ่ (เยอรมนี) ต่างทำได้แค่คนละประตูทั้งสิ้น ในที่นี้เว้นชื่อ เอ็นเนอร์ วาเลนเซีย ของเอกวาดอร์ไว้สักคน เนื่องจากทำได้ 3 ประตูในรอบแบ่งกลุ่มแต่ตกรอบ จึงหมดสิทธิลุ้นรางวัลดาวซัลโวไปเรียบร้อย

เจ้าของฉายา "ฮอตช็อต" เปรียบเปรยว่า สมัยก่อนตนมี เท็ดดี้ เชอริงแฮม เป็นคู่หูในแดนหน้า โดยเชอริงแฮมจะถอยไปยืนลึกเพื่อเปิดพื้นที่ให้ตนหาที่ว่าง แล้วผ่านบอลสวยๆ มาให้ ไม่ค่อยเน้นทำประตูด้วยตัวเองสักเท่าไร

มาทุกวันนี้ ด้วยสไตล์ฟุตบอลที่เปลี่ยนไป เพลย์เมกเกอร์นอกจากจะครองบอลเพื่อสร้างสรรค์เกมแล้ว ยังต้องมีทักษะหาพื้นที่เพื่อทำประตูเองได้ด้วย

เชียเรอร์กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ฟุตบอลโลกยุคนี้ต่างจากเมื่อหลายสิบปีก่อน เพราะศูนย์หน้าเบอร์ 10 ไม่ได้มีมาตรฐานยอดเยี่ยมเหมือนกับสมัยก่อน ขณะเดียวกัน ฟุตบอลสไตล์ "ติกี้-ตาก้า" ที่ส่งสเปนให้ประสบความสำเร็จต่อเนื่องยาวนานถึง 6 ปีในทัวร์นาเมนต์ระดับโลกก็มีอิทธิพลให้รูปเกมเปลี่ยนไป

ทีมกระทิงดุอาศัยการต่อบอลสั้นทำเกมจากกลางสนาม ไม่จำเป็นต้องโยนหรือเปิดบอลยาวให้ศูนย์หน้าเข้าไปจบสกอร์ ซึ่งทีมอินทรีเหล็กก็ประยุกต์แนวทางนี้มาใช้กับเกมของตัวเอง จนมุลเลอร์ครองตำแหน่งดาวซัลโวเมื่อบอลโลกหนที่แล้ว ส่วนคราวนี้ทั้งเนย์มาร์, เมสซี่ และร็อบเบน ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเช่นกัน

กระนั้น แม้ว่าผู้เล่นตำแหน่งหน้าเป้าจะไม่ "จำเป็น" สำหรับบอลทัวร์นาเมนต์ยุคนี้อีกต่อไป แต่ฮอตช็อตก็มองว่า การมีนักเตะสไตล์นี้ไว้ในทีมบ้างก็ไม่เสียหลาย โดยเฉพาะในรอบน็อกเอาต์ซึ่งประตูเดียวอาจชี้ผลแพ้ชนะได้

...ไม่จำเป็นต้องยิงเป็นกอบเป็นกำ ขอให้เข้าเป้าเม็ดเดียวเน้นๆ ก็อาจพาทีมสู่ชัยชนะได้ไม่ยาก!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook