"อาซาร์" ซูเปอร์ซับ ! ยิงไส้แตกสุดสวย สิงห์บุกเด็ดปีกหงส์ เข้ารอบ 4 คาราบาวคัพ (คลิป)
ผลบอล คาราบาวคัพ รอบที่ 3
ลิเวอร์พูล 1-2 เชลซี
คืนวันพุธที่ 26 กันยายน 2561
สนาม : แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล เป็นทีมเดียวใน พรีเมียร์ลีก ในตอนนี้ที่ชนะในทุกเกมการแข่งขัน ซึ่งในเกมนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ทิ้งนักเตะตัวหลักไว้เพียง 2 คน ได้แก่ ซาดิโอ มาเน และ นาบี้ เกอิต้า ที่เหลืออีก 9 คนเป็นนักเตะที่เคยอยู่บนม้านั่งสำรองทั้งหมด นำโดย เซอร์ดาน ชากิรี และ ฟาบินโญ ที่รายหลังออกสตาร์ทตัวจริงนัดแรก
ด้าน เชลซี มาในชุดผสมเช่นกัน โดยมีกัปตันทีมอย่าง แกรี เคฮิลล์ ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในฤดูกาลนี้ร่วมกับ เอเมร์ซอน พัลมิเอรี และ วิคเตอร์ โมเสส โดยมี เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า และ มาเตโอ โควาซิช ช่วยกันคุมเกม
เริ่มมานาทีที่ 4 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสทักทายจาก นาบี้ เกอิต้า ได้ยิงจากนอกเขตโทษ แต่ กาบาเยโร ยังปัดออกไปได้
นาทีที่ 8 วิลเลียน ยิงฟรีคิกให้ทีมเยือน บอลข้ามคานออกไป
นาทีที่ 10 เกอิต้า เอาบอลลงได้ในเขตโทษก่อนพยายามเกี่ยวหนี เคฮิลล์ บอลกระดอนไปโดนแขน ฟาเบรกัส แต่ผู้ตัดสินมองว่าไม่ได้มีเจตนาใช้มือ เชลซี รอดจากการเสียจุดโทษ
นาทีที่ 11 เซสก์ ไหลให้ บาร์คลีย์ ได้ลองยิงไกล บอลไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 13 วิลเลียน ลองยิงไกลอีกคน แต่บอลข้ามคานออกไป
นาทีีที่ 17 เซสก์ วางบอลยาวแม่นให้ โมราต้า เอาบอลลงในเขตโทษก่อนพยายามชิพกะให้ข้ามตัวนายทวาร แต่ มินโญเลต์ ยังปัดได้ โมราต้าตามไปซ้ำ แต่บอลผ่านหน้าปากประตูไปแบบน่าเสียดาย
PAUL ELLIS/GettyImagesนาทีที่ 19 โมราต้า ทำชิ่งกับ วิลเลียน ก่อนหลุดเข้าไปยิงทางซ้ายของประตู มินโญเลต์ ปัดออกไปได้
นาทีที่ 44 ชากิรี ลองยิงไกลแต่เอาบอลไม่ลง บอลเหินข้ามคาน จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังเริ่มมาไม่ถึงนาที ลิเวอร์พูล โยนโอกาสขึ้นนำทิ้งแบบไม่น่าเชื่อ จากจังหวะที่ คริสเตนเซน จ่ายบอลคืนหลังเบาเกินไป สเตอร์ริดจ์ ฉกเอาบอลไปได้ก่อนจี้เข้าเขตโทษ กาบาเยโร ปัดบอลได้ปลายมือ แต่บอลไม่ห่างเท้า สเตอร์ริดจ์ มากนัก แต่กลายเป็นว่า สเตอร์ริดจ์ ร้อนรนจนยิงออกไปเอง
Jan Kruger/GettyImagesนาทีที่ 47 โมราต้า ขึ้นโขกเหน่ง ๆ แต่กดบอลไม่ลง เหินข้ามคานออกไป
นาทีที่ 52 บาร์คลีย์ โหม่งคืนหลังพลาดเข้าทาง มาเน ได้ล้มตัวยิง แต่ กาบาเยโร ยังใช้ขาบล็อกลูกยิงได้
นาทีที่ 56 เอเด็น อาซาร์ ลงมาแทน วิลเลียน
GOAL!!! นาทีที่ 58 อัซปิลิกูเอต้า จ่ายบอลพลาด มาเน ฉกบอลไปได้ก่อนจ่ายให้ เกอิต้า ได้ยิงในเขตโทษ กาบาเยโร ปัดออกมาได้ แต่เข้าทาง สเตอร์ริดจ์ จักรยานอากาศไม่เหลือ
Jan Kruger/GettyImages
นาทีที่ 61 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาแทน เจมส์ มิลเนอร์
นาทีที่ 64 เอ็นโกโล ก็องเต้ ลงมาแทน มาเตโอ โควาชิช
นาทีที่ 77 ชากิรี สปีดไปเอาบอลในเขตโทษได้ก่อนล้มลงจังหวะล็อคหลบ เอเมร์ซอน ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร
GOAL!!! นาทีที่ 79 เชลซี ตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะฟรีคิก บาร์คลีย์ โฉบขึ้นมาโหม่งไม่ล้ำหน้า มินโญเลต์ เซฟได้จังหวะแรก แต่ เอเมร์ซอน ไวกว่าแนวรับ หงส์แดง ตามมาซ้ำจ่อ ๆ ไม่เหลือ
PAUL ELLIS/GettyImages
Jan Kruger/GettyImages
นาทีที่ 84 สเตอร์ริดจ์ ได้โอกาสปั่น บอลโค้งชนคานออกหลังแบบได้เสียว
GOAL!!! นาทีที่ 85 เอเด็น อาซาร์ พาบอลลุยเข้าเขตโทษผ่าน เกอิต้า และ โมเรโน ก่อนซัดเต็มข้อ บอลตุงตาข่ายสุดสวย
Jan Kruger/GettyImages
Jan Kruger/GettyImages
นาทีที่ 87 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงมาแทน ฟาบินโญ
หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล พยายามที่จะเอาประตูคืนแต่ไม่สำเร็จ จบเกม เชลซี บุกมาชนะ ลิเวอร์พูล ถึงถื่น ยัดเยียดความปราชัยนัดแรกให้กับทัพ หงส์แดง ในฤดูกาลนี้ ในขณะที่ เชลซี กลายเป็นทีม พรีเมียร์ลีก ทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ใครในทุกรายการ
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : มินโญเลต์ - ลอฟเรน, มาติป, โมเนโน, ไคลน์ - ฟาบินโญ, เกอิต้า, มิลเนอร์ - มาเน, สเตอร์ริดจ์, ชากิรี
ตัวสำรอง : กราบารา, โกเมซ, โจนส์, เฮนเดอร์สัน, ฟีร์มิโน, ซาลาห์, โซลันกี้
เชลซี : กาบาเยโร - เคฮิลล์, คริสเตนเซน, เอเมร์ซอน, อัซปิลิกูเอต้า - ฟาเบรกัส, บาร์คลีย์, โควาชิช - โมเสส, โมราต้า, วิลเลียน
ตัวสำรอง : บูวก้า, ซัปปาคอสต้า, ลุยซ์, จอร์จินโญ, ก็องเต้, อาซาร์, ฮัดสัน-โอดอย
