"1-7" เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ

"1-7" เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ

"1-7" เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หน้าแหกหมอไม่รับเย็บไปตามๆกัน สำหรับกองเชียร์แซมบ้า "บราซิล" เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2014 กับเกมเมื่อคืนนี้ เมื่อแชมป์โลก 5 สมัย เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนแชมป์โลก 3 สมัยจากฝั่งยุโรป "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน แต่สุดท้ายกลับโดนถลุงไปแบบไม่ไว้หน้า แพ้เละเทะ 1-7 ซึ่งจริงๆจะพูดว่า ตกรอบตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมไปแล้วก็ว่าได้..

แฟนบอลจำนวนหลักพันที่เดินออกจากสนาม กลับบ้านหลังจากจบแค่ 45 นาทีแรก บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าน่าผิดหวังขนาดไหนกับฟอร์มของขุนพลเซเลเซา ที่เหมือนกับว่าลงสนามไปเล่นตลกให้ชาวโลกดู หาใช่เล่นฟุตบอลไม่ สกอร์ตามหลัง 0-5 เป็นอะไรที่ชาวแซมบ้าไม่ว่าจะผู้ใหญ่ วัยรุ่น คนเฒ่าคนแก่ หรือแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดงไม่สามารถรับได้ น้ำตาพรั่งพรูไปตามๆกัน เพราะฟุตบอลโลกครั้งนี้การเดิมพันมันสูงเหลือเกิน เอาง่ายๆแค่ได้รองแชมป์ก็ถือว่าล้มเหลวแล้ว..

ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น เจ้าถิ่นนำหน้ากาก "เนย์มาร์" สตาร์ลูกหนังอันดับ 1 ของประเทศ ที่เจ็บยาวจากกระดูกสันหลังร้าวในเกมรอบ 8 ทีมกับโคลอมเบีย จำนวนทั้งสิ้น 1.2 แสนอัน มาแจกจ่ายให้แฟนบอล หวังปลุกสปิริตรวมใจคนในชาติอย่างเต็มที่ แต่ก็เหมือนจะสูญเปล่า ทางที่ดีหลังจบเกมน่าแจกปี๊บให้แฟนๆอีกรอบ เพื่อปกปิดน้ำตาและความอับอายด้วยนะ..

"เนย์มาร์" แบกทีมจนหลังหัก?

ฝั่งเยอรมันเองก็เตรียมทีมวางแผนกันมาดีเหลือเกิน คงจะใจร้ายเกินไปถ้าจะไม่ให้เครดิตพวกเขาเลย กองกลางอินทรีเหล็กเล่นแย่กว่าบราซิลแค่ 5 นาทีแรกของเกมเท่านั้น! ใช่ครับ บราซิลต่อบอลทำเกมรุกได้แค่ช่วงเวลานั้น ที่เหลือกลายเป็นทัพนักเตะเมืองเบียร์โชว์ทั้งหมด! โดยเฉพาะครึ่งชั่วโมงแรกที่ดาหน้าใส่สกอร์ได้รัวๆ มีวินัยในการบุกอย่างชัดเจน และฉวยโอกาสในขณะที่นักเตะแซมบ้าตั้งตัวไม่ติดจนนำขาดถึง 5-0!..

ตั้งแต่รอบน็อคเอาท์เป็นต้นมา การขยับ ฟิลิปป์ ลาห์ม กัปตันทีมร่างเล็กไปเล่นแบ็กขวาตามตำแหน่งถนัด ถือเป็นหมากที่ โยกี้ เลิฟ วางได้อย่างถูกต้อง หลังจากในรอบแรกถูกใช้ให้ยืนเป็นกลางรับคอยปัดกวาดคู่แข่งก่อนถึงแนวหลัง เพราะเลิฟเองก็ออกอาการรักพี่เสียดายน้อง รวมถึงอาจจะเน้นความแน่นอนในเกมรับเป็นหลัก ถึงกับใช้แผงแบ็กโฟร์ทั้งสี่เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอาชีพซะเลย (โฮเวเดส-แมร์เตซัคเกอร์-ฮุมเมิ่ลส์-บัวเต็ง) ซึ่งจากผลงานการยืนมิดฟิลด์ของลาห์มก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่ง ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไร อาจจะมีบ้างที่เสียเปรียบเรื่องแรงปะทะเมื่อเจอคู่แข่งที่ถึกและเร็ว (เกมเสมอกาน่า 2-2 เป็นตัวอย่างได้ดี) แต่สิ่งสำคัญที่ต้องแลกกับการที่ลาห์มมาเล่นกลางนั้นก็คือ "การเติมเกมจากแบ็กนั่นเอง"..

เมื่อลาห์มได้กลับมาเล่นแบ็กตามถนัด มิติในการทำเกมบุกก็ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้น แถมเกมนี้กองกลางทั้ง 3 อย่าง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี่ เคดิร่า และโทนี่ โครส ก็ดันท็อปฟอร์มพร้อมๆกันซะอีก ชไวนี่ทุ่มเท จังหวะออกบอลให้เพื่อนได้เปรียบตลอด, เคดิร่า นัดนี้ถึงจะเติมเกมขึ้นสูงบ่อย แต่จังหวะตั้งรับก็ไม่เคยหลุดตำแหน่ง, โครส ก็ยิงทำประตูได้คมกริบและหาพื้นที่ได้ดีเหลือเกิน..

ส่วนสามประสานในแนวรุกไม่ต้องพูดถึง เมซุต โอซิล ปกติไม่วิ่งขนาดนี้ แต่เกมนี้ขยันจริงๆ ดึงแนวรับบราซิลเพื่อเปิดช่องให้เพื่อนได้ดีในหลายๆจังหวะ, โทมัส มุลเลอร์ เล่นได้เยี่ยมตามมาตรฐาน คอยวิ่งหลอกตัดแนวรับสนับสนุนจน "มิโรสลาฟ โคลเซ่" กลายเป็นกองหน้าประวัติศาสตร์ซัดประตูที่ 16 ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ..

ที่สุดของความผิดหวัง "เฟร็ด"

แล้วบราซิลล่ะมีอะไร?..

พูดตามตรง ถ้าดูฟอร์มโดยรวมตั้งแต่รอบแรกจนถึงนัดนี้แล้ว บราซิลมีแค่ "เนย์มาร์" ครับ ที่คอยแบกทีมมาตลอด และนัดนี้เขาไม่ได้ลงสนาม! เพราะฉะนั้น เกมนี้ขุนพลแซมบ้าแทบจะหาข้อดีไม่ได้เลย กองหลังห่วยเละเทะยกชุด ดาวิด หลุยซ์ ที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทนคู่หู ติอาโก้ ซิลวา ที่ติดโทษแบน น่าจะเป็นหัวใจในการบัญชาเกมรับ แต่กลับลอยขึ้นสูงหลุดตำแหน่งบ่อยมาก, ดันเต้ นี่ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่รู้ว่าตื่นสนามหรือเข้าใจผิดว่าเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค อยู่หรือยังไง ปล่อยแนวรุกเยอรมันเพื่อนร่วมสโมสรผ่านตลอด แบ็กสองข้าง ไมคอน เชื่องช้าตามวัยวุฒิ ส่วน มาร์เซโล่ เกมบุกช่าง(ไม่)มันส์ เกมรับช่างแม่_! ก็ไม่แน่ใจว่าบิ๊กฟิลวางให้เขาเล่นตำแหน่งไหนกันแน่? แบ็กซ้ายหรือปีกซ้ายกันแน่พ่อคุณ?!..

คู่กลางตัวทำลายเกมอย่าง หลุยซ์ กุสตาโว่ กับ แฟร์นันดินโญ่ เขาให้ลงมาทำลายเกมคู่แข่งนะครับ แต่นี่ลงมาทำลายเกมทีมตัวเองซะงั้น! เบอร์นาร์ ตัวรุกดาวรุ่งที่ได้โอกาสลงเล่นแทนเนย์มาร์ เกมนี้ก็น่าเห็นใจ ได้ลงนัดสำคัญที่ความกดดันสูง และตามตำแหน่งก็ดันต้องมาป๊ะกันแหมกับ "ฟิลิปป์ ลาห์ม" ด้วย เลี้ยงบอลผ่านแทบจะนับครั้งได้มั้ง ส่วน ออสการ์ จอมทัพของทีม โดดเดี่ยวเหลือเกินยามได้บอล เพราะตามแท็กติกบิ๊กฟิลแล้วดูเหมือนว่าเขาต้องเล่นเกมรับมากกว่าตอนเล่นกับเชลซีในสโมสรเยอะ ทำให้โชว์ฟอร์มไม่ออกจริงๆ และสุดท้าย..

"กองหน้า" ครับ จุดอ่อนที่สุดของทีม ฮัล์ค ใหญ่ แข็ง หนัก (อย่าคิดไปเรื่องอื่นนะครับ) แต่จินตนาการในการเล่นและความเฉียบคมไม่มีตั้งแต่รอบแรกยันรอบรองฯ ส่วน "เฟร็ด" นี่ผมไม่อยากพูดถึงเลย หน้าเป้าธรรมชาติแท้ๆ แต่สถิติก่อนลงสนามนัดนี้ ลงเล่นไป 5 นัด ยิงตรงกรอบ 1 ครั้งครับท่านผู้ชมมมมม!! เห้ย! นี่เอ็งระดับกองหน้าทีมชาติบราซิลเลยนะโว้ย! แล้วยิ่งต้องมาเจอผู้รักษาประตู มานูเอล นอยเออร์ ที่ฟอร์มในทัวร์นาเม้นต์นี้ ลุ้นตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมได้เลย ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าจะไปมีปัญญาทำระคายเคืองอะไรพี่เขาได้!..

ยังไม่นับตัวสำรองที่แตกต่างกันเหลือเกินอีกนะครับ อังเดร เชือร์เล่ ถูกเปลี่ยนลงมาแทนน้ามิโร ซัด 2 ประตูสุดสวย ส่วนบราซิลเป็น เปาลินโญ่, รามิเรส และวิลเลี่ยน เอ่อออ.. หมดคำจะพูดครับ..

"ออสการ์" ทั้งอาย ทั้งเจ็บ กับผลการแข่งขัน

ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมา ถ้าจะหาคนรับผิดชอบก็คงต้องเป็น "บิ๊กฟิล" หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือใหญ่นั่นแหละครับที่ต้องทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์แบบนี้ ทั้งเรื่องตัวนักเตะที่เลือกมาติดทีมอย่างค้านสายตาหลายๆคน (และก็ฟอร์มห่วยอย่างที่สื่อคาด) การให้เนย์มาร์แบกทีมไว้คนเดียวมากเกินไปนับตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเม้นต์ รวมถึงแท็กติกในการแก้เกมด้วย โอเคครับ จะเถียงว่า เยอรมันเขาก็มาดีจริง แข็งแกร่งทุกขุมกำลัง ดวงเขาดี ดวงเราไม่มี บลาๆๆๆ แต่ถามว่ามันใช่เรื่องหรือที่ลูกทีมตัวเองในสนามย่ำแย่ขนาดถูกถล่มคาบ้านต่อหน้าคนทั่วโลกถึง 1-7?..

สถิติที่บราซิลเคยแพ้คู่แข่งยับเยินที่สุดก็คือ พ่ายอุรุกวัย 0-6 ในปี 1920 (ครับ 94 ปีที่แล้ว!) สถิติถูกทำลายโดย บิ๊กฟิล..
ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกไม่เคยมีเกมไหนสกอร์ห่างชั้นขนาดนี้มาก่อนในรอบรองชนะเลิศ บิ๊กฟิลทำได้..
บราซิลไม่แพ้ในการลงเล่นเกมที่มีความหมายในบ้านของพวกเขามากว่า 38 ปีแล้ว หนสุดท้ายที่พวกเขาปราชัยบนผืนแผ่นดินของตัวเองคือการพ่าย เปรู 1-3 ในรอบรองชนะเลิศของศึก โคปา อเมริกา เมื่อปี 1975 บิ๊กฟิลทำลายมันลง..

และสุดท้าย ทรงบอลที่สวยงาม ลูกเล่นแพรวพราวฉบับแซมบ้า เกมรับมั่นคง เกมบุกเร้าใจ การปลุกเร้าลูกทีมที่ได้ผลชะงัด อย่างชุด 3R (Ronaldo, Rivaldo, Ronaldinho) ที่เขาเคยสร้างไว้อย่างบรรลือโลก เมื่อครั้งที่พาทีมชูถ้วยเวิลด์คัพฉบับเอเชียปี 2002 (ชนะเยอรมันรอบชิงฯ 2-0)..

อันนี้คือสิ่งที่ "บิ๊กฟิล" ควรจะทำให้ได้บนแผ่นดินเกิดตัวเอง แต่เขาทำมันไม่ได้ครับ...

"น้องเพชร"

ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook