สงครามแบรนด์เวิลด์คัพ กับชัยชนะของ"อาดิดาส"

สงครามแบรนด์เวิลด์คัพ กับชัยชนะของ"อาดิดาส"

สงครามแบรนด์เวิลด์คัพ กับชัยชนะของ"อาดิดาส"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศึก "ฟุตบอลโลก 2014" อาจจะยังเหลืออีก 1 นัด กว่าจะได้ข้อสรุปว่า "เยอรมนี" หรือ "อาร์เจนตินา" จะเป็นผู้ครองเกียรติยศสูงสุดของวงการลูกหนัง

แต่แค่เพียงการเข้าชิงกันระหว่าง 2 ทีมนี้ อย่างน้อยๆ สงครามระหว่างผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่ก็ได้ข้อสรุปล่วงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว

ทีมอินทรีเหล็กสนับสนุนโดย "อาดิดาส" แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ ขณะที่ทีมฟ้า-ขาวก็มีอาดิดาส เอจี บริษัทในเครือสนับสนุนชุดแข่งขัน ส่วนฝั่งผู้แพ้อย่าง "บราซิล" และ "เนเธอร์แลนด์" ต่างก็มี "ไนกี้" แบรนด์ดังของสหรัฐอเมริกาเป็นสปอนเซอร์อุปกรณ์


ฟุตบอลโลก 2014 จึงเป็นการตอกย้ำชัยชนะของอาดิดาสเหนือไนกี้ ต่อเนื่องจากที่ "สเปน" (อีกชาติที่พวกเขาสนับสนุน) ได้ชูถ้วยแชมป์โลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว อีกทั้งยังเป็นการล้างอาถรรพ์ว่าฟุตบอลโลกที่ผ่านมา ไม่เคยมีชาติที่ใส่แบรนด์เดียวกันได้แชมป์โลกติดๆ กันเลยแม้แต่ครั้งเดียวอีกด้วย

คำว่า "ชัยชนะ" ในที่นี้ไม่ได้มีความหมายแค่ความรู้สึกหรือในเชิงสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลด้านการตลาดและรายได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

ก่อนเปิดทัวร์นาเมนต์ สื่อประเมินว่าปัจจุบันไนกี้ครองตลาดใหญ่สุดในอุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา คิดเป็น 17 เปอร์เซ็นต์ มีรายได้รวม 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (8 แสนล้านบาท) ตามด้วยอาดิดาส 12 เปอร์เซ็นต์ กับรายได้ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.4 แสนล้านบาท)

แต่ถ้านับเฉพาะตลาดกีฬาฟุตบอล ทั้งชุดแข่งขัน รองเท้า และอุปกรณ์อื่นๆ แล้ว ปรากฏว่า 2 แบรนด์นี้ครองตลาดรวมกันที่ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยอาดิดาสมีรายได้นำหน้าไนกี้อยู่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.6 หมื่นล้านบาท) เมื่อปี 2013 และเฉพาะครึ่งปีแรกของปีนี้ รายได้ในตลาดลูกหนังของทั้ง 2 บริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะเป็นผลจากกระแสเวิลด์คัพ ฟีเวอร์ ที่ประเทศบราซิล

"จอห์น คริสติค" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเอเยนซี่โฆษณา "กรุ๊ปเอ็ม" กล่าวว่า การเป็นสปอนเซอร์ของทีมที่ได้เข้าชิงชนะเลิศรายการกีฬาใดๆ ถือเป็นโบนัสชั้นเลิศของผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาทุกราย เนื่องจากยอดขายชุดของทีมแชมป์จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

นี่ยังไม่รวมบรรดาซุป"ตาร์ซึ่งอาดิดาสให้การสนับสนุนเป็นการส่วนตัว อาทิ "ลิโอเนล เมสซี่, โธมัส มุลเลอร์" และ "มานูเอล นอยเออร์" ซึ่งจะมีส่วนเพิ่มยอดขายอย่างมาก ผิดกับดาวดังที่สุดของไนกี้อย่าง "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ซึ่งเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว

ไม่ต้องอะไรมาก พิสูจน์กันตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยตัวเลขในตลาดหุ้นช่วงเวลาที่อาร์เจนตินาเฉือนอัศวินสีส้มเข้าชิงชนะเลิศ ปรากฏว่าหุ้นของอาดิดาสในตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ต ตกลงเล็กน้อย 0.4 เปอร์เซ็นต์ ปิดตัวที่ 71.81 ยูโร (3,160 บาท) ขณะที่หุ้นไนกี้ตกลง 1.4 เปอร์เซ็นต์ ที่ราคา 77.63 ดอลลาร์สหรัฐ (2,484 บาท) ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก

จบรอบชิงชนะเลิศ ไม่รู้บริษัทเมืองเบียร์จะยิ้มกว้างขนาดไหน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook