ราชาที่ยังไร้บัลลังก์

ราชาที่ยังไร้บัลลังก์

ราชาที่ยังไร้บัลลังก์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้จะพอเข้าใจในที่มา แต่ลึกๆในความรู้สึกนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้ว่าทำไมคณะกรรมการฝ่ายเทคนิคของฟีฟ่า จึงเลือกรางวัล "ลูกฟุตบอลทองคำ" อันหมายถึงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำฟุตบอลโลก 2014 ให้กับลิโอเนล เมสซี่

ใครบ้างที่ไม่รู้ว่ามันเป็น "รางวัลปลอบใจ"

แต่มันไม่สามารถปลอบประโลมความรู้สึกร้าวรานของเมสซี่ได้

ซ้ำร้ายกว่านั้น การได้รับรางวัลแบบค้านสายตายิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของซูเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนติน่า ซึ่งถูก "เพ่งเล็ง" อยู่แล้วในฐานะลูกรักของฟีฟ่า เลวร้ายขึ้นไปอีก สังเกตได้จากเสียงโห่ฮาป่าจากกองเชียร์บนอัฒจันทน์ที่น่าจะมาจากกองเชียร์ชาวบราซิล ที่ผสมกับกองเชียร์ชาวเยอรมัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน

เมสซี่ ไม่สมควรได้รับรางวัลนี้

เมสซี่ ไม่สมควรได้รับอะไรทั้งนั้นจากฟุตบอลโลกครั้งนี้

ความปราชัยต่อเยอรมนี ในเกมนัดชิงชนะเลิศที่มาราคานา ไม่เพียงทำให้ อาร์เจนติน่า พลาดโอกาสในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 บนแผ่นดินของคู่ปรับตลอดกาล ซึ่งเป็นโอกาสที่อาจมีเพียงแค่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์

ตัวของเขาเองยังพลาดโอกาสที่จะก้าวไปยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของโลกลูกหนังอีกด้วย

ได้แค่อยู่ใกล้ๆ ไม่อาจเอามาครอบครอง

อย่าคิดเทียบชั้นกับเปเล่ ขอแค่ดีเอโก้ มาราโดน่า เพราะ ณ เข็มนาฬิกาเดินไป "เอล พูลกา" ยังเป็นรองในเรื่องบารมีอีกหลายขุม

ถึงจะดูรู้ว่า เมสซี่ ได้พยายามอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสภาพร่างกาย สภาพจิตใจ และฟอร์มการเล่นในเวลานี้ ซึ่งต้องบอกว่านำทีมสู้กับ เยอรมนี ได้อย่างดีในระดับหนึ่ง

โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกที่สภาพร่างกายยังสด พอมีพละกำลังเหลือ เมสซี่ สามารถข่มขู่แนวรับของเยอรมัน จนขนลุกได้อยู่บ้าง

จังหวะสปีดที่ฉีกทั้ง เบเนดิคต์ ฮาเวเดส และ มัตต์ ฮุมเมิลส์ เป็นกระดาษ ใครเป็นแฟนอินทรีเหล็กต้องมีหนาวกันบ้าง

เช่นกันกับการครองบอล การเปิดเกม การมีส่วนร่วมกับเกม ที่ถือว่าทำได้ดีแม้จะถูกจำกัดจากเกมรับของคู่ต่อสู้ และแท็คติกส์ของอาร์เจนติน่า เองที่แพ็กเกมแน่นเพื่อรอโอกาสในการสวนกลับมากกว่าจะต่อบอลเพื่อเปิดหน้าแลก

อย่างไรก็ดีมีสิ่งเดียวที่เมสซี่ ไม่แสดงให้เห็นในเกมระดับความสำคัญสูงที่สุดในโลกอย่างนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก

นั่นคือเวทมนต์ของเขาที่ไม่มาตามนัด

และนั่นเป็นเหตุผลบนความแตกต่างระหว่าง เมสซี่ กับมาราโดน่า หรือเปเล่

หรือแม้กระทั่ง ซีเนอดีน ซีดาน ราชายุคก่อนหน้า

เรื่องความอ่อนล้านั้นเข้าใจได้ แต่ในเกมฟุตบอลโลก ในเกมระดับสูงสุดเช่นนี้ระดับความยากนั้นย่อมสูงเสียดฟ้ากว่ารายการไหน แต่นักฟุตบอลระดับ "โคตรบอล" ที่แท้จริงนั้นต้องพยายามที่จะสร้างความแตกต่างเพื่อนำชัยชนะมาสู่ทีมให้ได้

อย่างน้อยที่สุดตราบที่ยังปรากฏกายในสนาม นักฟุตบอลระดับนี้ต่อให้เล่นไม่ออกตลอดทั้งเกม ก็จะทรงอิทธิพลต่อความรู้สึกที่จะกำหนดทิศทางของเกมได้ว่าขอเพียงโอกาสแค่สักครั้ง เขาพร้อมจะบันดาลชัยชนะมาสู่ทีมได้ทันที

นักเตะแบบนี้ถึงจะมองไม่เห็นแต่รู้สึกได้

กับ บาสเตียน ชไวนี่ หลังจบเกม

ขณะที่เมสซี่ ที่มาราคานา ไม่เพียงจะไม่แสดงสิ่งเหล่านี้ออกมาให้เห็น หากแต่ยังค่อยๆหายไปจากการรับรู้ด้วย ซึ่งแม้จะพยายามเร่งเกมขึ้นมาเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ทำนบของอาร์เจนติน่าพัง เมสซี่ พยายามจะกอบกู้ทีมกลับมาให้ได้

นั่นรวมถึงความพยายามในลูกฟรีคิกในช่วงนาทีสุดท้ายของเกมด้วย

แต่ไม่มีปาฏิหารย์ใดๆเกิดขึ้น และทุกอย่างจบลงด้วยความเจ็บปวดของเมสซี่ ที่แม้ไม่หลั่งน้ำตาออกมาในสนาม แต่นัยน์ตานั้นบ่งบอกว่าหัวใจของเขายอมแพ้ต่อโชคชะตาแล้ว

ด้วยวัย 27 ปี ถึงจะมีโอกาสในฟุตบอลโลกสมัยหน้าที่รัสเซีย แต่ไม่มีทางที่เมสซี่ จะพร้อมเท่าครั้งนี้อีกแล้ว นี่คือช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว

จากนี้ เมสซี่ ยังมีโอกาสกอบโกยความสำเร็จในระดับสโมสรกับบาร์เซโลน่า รวมถึงกวาดรางวัลความสำเร็จส่วนตัวอีกมาก เพราะด้วยระดับฝีเท้าแล้ว หากอยู่ในสภาพสมบูรณ์เขายังเหนือกว่าทุกคนไม่ว่าใคร

แต่ต่อให้กวาดความสำเร็จเหล่านั้นมากองรวมกันมากมายเท่าไหร่ - รวมถึงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยม ที่ได้มาแบบไม่ขลังในครั้งนี้

ไม่มีรางวัลใดที่จะทำให้เขาได้รับการยกย่องในฐานะ "ราชา" ที่เทียบเท่ากับ เปเล่ หรือมาราโดน่าได้

เมสซี่ จะถูกจดจำในฐานะ "ราชาที่ไร้บัลลังก์" อย่างน้อยอีก 4 ปี หรืออาจจะตลอดไป คล้าย "นักเตะเทวดา" โยฮัน ครอยฟ์ ในอดีต

มันอาจน่าเสียดาย แต่หากลิขิตฟ้ากำหนดมาให้เช่นนั้น มันก็คงต้องเป็นเช่นนี้ครับ

ลูกแม่กิ่ง

 

ติดตามข่าวบอลโลก 2014 โปรแกรมบอลโลก ผลบอลโลก ได้ที่
http://sport.sanook.com/worldcup

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook