ที่สุด ฟุตบอลโลก

จบไปไม่กี่วัน แต่กระแส "ฟุตบอลโลก" กำลังจางหายไปอย่างรวดเร็วตามเทรนด์ยุคปัจจุบัน ทุกอย่างหมุนไปว่องไวปานสายฟ้าแลบ
และก่อนที่มันจะมลายหายไปอย่างรวดเร็วมากกว่านี้ มานึกย้อนดูกันอีกสักทีว่า เวิลด์ คัพ หนนี้ มีอะไร "ที่สุด" อยู่ในความทรงจำบ้าง
แน่นอนว่าจำพวก "เก่งที่สุด" หรือ "ห่วยแตกที่สุด" มันสามารถชี้วัดได้จากตัวเลขทางสถิติ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ "ใครๆ เขาก็เล่นกันไปหมดแล้ว"
เพราะฉะนั้น "ที่สุด" ณ จุดๆ นี้ จึงสมควรวัดด้วย "อารมณ์" ล้วนๆ ส่วนจะถูกใจใครหรือขัดใจใครหรือไม่นั้น เลื่อนเม้าส์หรือหน้าจอมือถือของท่านเพื่อทัศนาโดยพลัน
ได้รับคำชมมากที่สุด : ทีมชาติเยอรมัน
จะให้ชม หลุยส์ ซัวเรซ ว่า "กัดเก่ง" หรือจะให้ชม มาริโอ บาโลเตลลี่ ว่า "กากเก่ง" มันก็คงจะไม่ใช่ แม้ลึกๆ แล้วคงจะได้ใจคอลูกหนังสายพันธุ์ซาดิสม์ไม่น้อยก็ตาม
แต่กับ ฟุตบอลโลก 2014 เชื่อเหลือเกินว่า "อินทรีเหล็ก" สมควรได้รับคำชมมากที่สุด และต้องชมกันตั้งแต่ผู้บริหารลงมายันถึงคนขับรถรับ-ส่งเลยด้วยซ้ำ หลังการบริหารจัดการของพวกเขาใกล้เคียงกับคำว่า "สมบูรณ์แบบ" มากที่สุด
แคมป์ฟุตบอลเมื่อ 10 ปีที่แล้วผลิดอกออกผลเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกที่พวกเขาต้องการ
ตั้งแต่วันแรกกับการเลือกจุดตั้งแคมป์เก็บตัว, ลงทุนมหาศาล "สร้าง" ศูนย์ฝึกบนแผ่นดินบราซิล และการเดิมพันวางรากฐานนับ 10 ปีเพื่อคว้าแชมป์หนนี้
โดนด่ามากที่สุด: เฟร็ด - ฮัลค์ - โช
(กาก)
เล่นเอาไอ้ 2 คนจากหัวข้อข้างบนอย่าง ซัวเรซ และ บาโลเตลลี่ กลายเป็นประเด็นล้อกันขำๆ ไปเลย เพราะนี่คือบราซิเลียนบอยแบนด์
"เฟร็ด-ฮัลค์-โช" ไตรเทพซึ่งเข้าสู่ทัวร์นาเมนท์ด้วยคำถามว่า "ดีพอ" กับการเป็นแกนนำถล่มตาข่ายให้กับเจ้าภาพจริงๆ อย่างนั้นหรือ
และก็ปรากฏว่าหลายคน หลายสำนัก ตั้งคำถามแม่นยำประดุจหนึ่งมองเห็นอนาคตล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้น เมื่อทั้ง เฟร็ด, ฮัลค์ และ โช ร่ายมนต์ลูกหนังสะกดจิตคนดูให้สามารถ "ด่า" พวกเขาได้ตลอดทั้งเกม
เล่นดีคือฟลุ้ค เล่นสนุกคือคู่แข่งผิดพลาด เล่นดาดๆ คือ ... กูว่าแล้ว
ยืดอกภูมิใจได้มากที่สุด: มาริโอ เกิทเซ่
หากไม่มีประตูสยบ อาร์เจนติน่า ในรอบชิงชนะเลิศ ทัวร์นาเมนท์นี้ของไอ้หนูมหัศจรรย์ก็อาจจะเป็นความทรงจำที่อยากจะลบลืม หลังแทบจะทุกครั้งที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม เกิทเซ่ มักจะไม่เอาอ่าวเอาทะเลอะไรทั้งนั้น
ตั้งแต่แมตช์แรกๆ ในรอบแบ่งกลุ่ม เกิทเซ่ มักจะถูกส่งลงมาในฐานะตัวพลิกเกมเสมอๆ ซึ่งก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะออกแนวทำให้ผิดหวังมากกว่าสมหวัง
จากที่มีไม่กี่คนจะได้เห็นภาพ เกิตเซ่ Judo พอดังคราวนี้ล่ะ Judo ไปทั่วโลกเบย
ประตูทองในคืนวันนั้นทำให้ เกิทเซ่ ยืนเก๊กปล่อยให้กล้องโทรทัศน์ทำหน้าที่ของมันด้วยการฉายภาพเขายืนเด่นเป็นสง่าในฐานะฮีโร่ผู้บันดาลแชมป์ให้กับ เยอรมัน หักล้างผลงานย่ำแย่ก่อนหน้านั้นไปจนหมดสิ้น
อับอายขายหน้ามากที่สุด: ทีมชาติบราซิล
เบาๆ อย่าบอกใครล่ะ 2 นัด 10 ลูก กูอาย
เรียกได้ว่าตั้งแต่นัดแรกยันนัดสุดท้ายจริงๆ สำหรับ "เซเลเซา" หลังเปิดหัวคว้าชัยชนะด้วยเสียงปริศนาจากปลายนกหวีด ก่อนจะอำลาทัวร์นาเมนท์ด้วยสถิติยันเยินที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขา
แรกเริ่มเดิมที ฟุตบอลโลก 2014 เหมือนถูกสร้างมาเป็นบันไดให้ บราซิล เหยียบขึ้นไปสู่บัลลังก์ราชาลูกหนังโลก ไหนจะได้เป็นเจ้าภาพ ไหนจะเพิ่งได้แชมป์ คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ แล้วยังมีนักเตะตัวความหวังอย่าง เนย์มาร์ ผู้ซึ่งผลงานในบ้านไม่เป็นรองใคร
อวสานเนย์มาร์ อวสานบราซิล
ที่ไหนได้ บราซิล มีจุดขายแค่นั้นจริงๆ หากปราศจากองค์ประกอบเหล่านั้นแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เหนือกว่าหรือจะบอกว่าด้อยกว่าเลยยังได้ด้วยซ้ำ ความพ่ายแพ้ 1-7 ในรอบตัดเชือก และ 0-3 ในรอบชิงอันดับ 3 ก็ยิ่งตอกย้ำให้ต้องอับอายขายหน้ามากขึ้นไปอีก
ช็อคใจแฟนบอลมากที่สุด: เนย์มาร์
วินาทีที่ดาวรุ่งตัวความหวังสูงสุดของแฟนๆ เจ้าถิ่นถูกตีเข่าดังพลั่กอัดเข้าไปกลางแผ่นหลัง หัวใจของคอลูกหนังชาวแซมบ้าคงหล่นวูบร่วงตุ้บลงไปกองอยู่ตรงตาตุ่ม
ไม่ใช่แค่สงสารแต่ยังเสียใจกับเจ้าตัวที่ต้องปิดฉากทัวร์นาเมนท์อย่างน่าเสียดาย แต่ เนย์มาร์ หวุดหวิดจะเป็นอัมพาตและต้องปิดฉากจากวงการอย่างถาวรเลยด้วยซ้ำหาก "เข่า" กระแทกกระดูกสันหลังเหนือขึ้นจากตำแหน่งเดิมอีกเพียงนิดเดียว
เป็นอีกครั้งที่อาการบาดเจ็บพรากเอาสีสันสวยงามไปจากการแข่งขัน แต่เคราะห์ดีที่สีสันนั้นยังแค่จางหายไปเฉยๆ และกำลังนับถอยหลังรอวันกลับมาเฉิดฉายอีกคำรบหนึ่ง
เซอร์ไพรส์ที่สุด: ฮาเมส โรดริเกซ และทีมชาติโคลอมเบีย
เป็น "ม้ามืด" ตัวจริงสำหรับทัวร์นาเมนท์คราวนี้ หลังแรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้มีใครชายตาแล โคลอมเบีย แต่กลับกลายเป็นว่าพลพรรคขุนพลลูกหนัง "โคเคน" และโดยเฉพาะ ฮาเมส โรดริเกซ กลับแจ้งเกิดกันอย่างเต็มตัว
ตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมากับ โมนาโก กองกลางดาวรุ่งแทบไม่ได้แสดงทีเด็ดอะไรให้เห็นมากมายสักเท่าไหร่ ประกอบกับ ราดาเมล ฟัลเกา ซุป'ตาร์ตัวจริงก็ดันเดี้ยงจนไม่ได้ติดทีมมาด้วย โคลอมเบีย เลยถูกมองเป็นไม้ประดับ แต่ดันทะลึ่งมีหนาม แถมยังคมกริบอีกต่างหาก
ถือเป็นโชคร้ายที่ โคลอมเบีย ตกรอบด้วยฝีเท้าของทีมน่าผิดหวังอย่าง บราซิล ทั้งที่พวกเขาถือเป็นฝ่ายที่ทำผลงานได้ดีกว่า เพียงแต่โชคและวาสนายังส่งไปไม่ถึงก็เท่านั้น
ฉาวที่สุด: หลุยส์ ซัวเรซ
ฟ.ฟันฉันรักเธอ!! นี่มันครั้งที่ 3 เข้าไปแล้ว แต่ ซัวเรซ ก็ดูจะไม่ได้หลาบจำกับการกระทำสุดดิบเถื่อนของตัวเองสักเท่าไหร่ แม้ว่ามันจะเคยทำให้เขาถูกสังคมประณามและวงการลูกหนังสั่งลงโทษอย่างหนักมาแล้วก็ตาม
หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยกัดไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เอาดื้อๆ แบบไม่มีสาเหตุ แถมยังกล้าๆ แก้ต่างว่าไม่ได้กัด แต่ต้องใช้ปากยันหลักเพราะกำลังเสียการทรงตัวเท่านั้น
โธ่ ถุยยยย... จมเขี้ยวขนาดนั้น และถึงกับว่าต้นสังกัดใหม่อย่าง บาร์เซโลน่า ต้องระบุไว้ในสัญญาเลยว่าจะปรับเงินมหาศาลหลัก 3 ล้านยูโร หาก ซัวเรซ ยังกล้าๆ สติหลุดวิ่งไล่กัดชาวบ้านชาวช่องเข้าอีก
แย่งซีนมากที่สุด: WAGS ทีมชาติเยอรมัน
รวมซูเปอร์โมเดลชัดๆ
หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวบันดาลตำแหน่งแชมป์โลกให้กับ เยอรมัน กล้องทุกตัว สายตาทุกคู่ และความสนใจทั้งหมดต่างก็พุ่งตรงไปยังผองแข้ง "อินทรีเหล็ก" เพื่อร่วมซึมซับอารมณ์ผู้ชนะจากพวกเขา
แฟนแดร็กเลอร์...อืม...ผมรู้คุณก็คิด
แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่บรรดา "แฟนและภรรยา" ปรากฏตัว กล้องทุกตัว สายตาทุกคู่ และความสนใจทั้งหมดทั้งมวลก็ยักย้ายไปจับจ้องกลุ่มแม่บ้านเมืองเบียร์อย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย
พะยี่ห้อเยอรมันจริงๆ นอกจะการเตรียมการทั้งในและนอกสนามจะเป๊ะแล้ว บรรดาสาวๆ ก็ยัง "เป๊ะ" ด้วยเช่นกัน
ชวนฮามากที่สุด: ฮเลฮานโดร ซาเบย่า
ง่วงก็ไปนอน
นับตั้งแต่ถูก เอเซเกล ลาเวซซี่ ฉีดน้ำใส่กลางกบาลขณะกำลังติวแท็กติกอยู่ตรงเส้นข้างสนาม วินาทีนั้น ซาเบย่า ก็เหมือนถูกกำหนดให้เป็น "จ้าวแห่งความฮา" ประจำทัวร์นาเมนท์ไปแล้ว
ดอกแรกถือเป็นตลกอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ลาเวซซี่ เข้ามาช่วยด้วย แต่ดอกที่ 2 กุนซือ "ฟ้า-ขาว" ไม่ต้องพึ่งพาใครทั้งนั้น หลังแสดงท่า "ล้มทั้งยืน" เล่นเอาฮากระจายกันไปทั่วโลก
โดนเอาไปล้อซะขำกันทั่วโลก
แม้กระทั่งเวลาที่เครียดที่สุดอย่างช่วงต่อเวลาพิเศษรอบชิงชนะเลิศ ซาเบย่า เรียกรวมตัวลูกทีม แต่ดันไม่มีใครสนใจและกลับกลายเป็นเจ้าตัวที่ต้องค่อยๆ ไล่บอกแท็กติกให้กับลูกทีมทีละคนๆ ... นี่มันเคารพกันบ้างมั้ยเนี่ย
ชวนซึ้งมากที่สุด: หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่
นี่ก็เป็นอีก 1 กุนซือที่มีโมเมนต์เจ๋งๆ ให้ได้ตราตรึงใน ฟุตบอลโลก 2014 แม้ว่าทีมของแกจะแหลกเป็นจุลจากผลงานและกระแสวิจารณ์ของสังคมก็ตาม
หลังจบแมตช์แพ้กราวรูด 1-7 กุนซือ "เซเลเซา" ตระเวนปลอบใจลูกทีมทุกคนทั้งจากม้านั่งสำรองและที่ค่อยๆ เดินออกจากสนาม ท่าตีอกชกตัวของเทรนเนอร์หนวดหิน และบทสัมภาษณ์ว่า "ขอรับไว้คนเดียว" แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และหัวจิตหัวใจของแกได้ดีจริงๆ
ไม่แปลกที่งานแถลงข่าวครั้งสุดท้ายนักเตะหลายคนจะแห่แหนกันออกมาให้กำลังใจ "เฟลิเปา" และโดยเฉพาะกับ เนย์มาร์ ซึ่งถึงกับแบกสังขารเดี้ยงๆ บุกมาให้กำลังใจเจ้านาย เจ้านายซึ่งเปรียบเสมือนพ่อในวงการลูกหนังของเขา
'นนท์