10 ผลงานน่าผิดหวังนักกีฬาไทย ตลอดปี 2018
ตลอดปี 2018 นักกีฬาสมัครเล่น และนักกีฬาอาชีพของไทย ร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง นั่นก็เป็นเรื่องเกมกีฬา แต่วันนี้เราจะมาดูกันว่า นักกีฬาจากสยามประเทศรายไหนกันบ้างที่ทำผลงานไม่ได้ตามเป้า และต้องรีบปรับปรุง เพื่อสู้ต่อในปี 2019
1. ฟุตบอลไทยผลงานย่ำแย่แทบทุกรายการ
ต้องบอกว่าหากไม่นับการได้ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกของทีมสาวไทย ผลงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลในแต่ละรายการไม่เป็นไปตามเป้าเลย ไม่ว่าจะเป็น
- ฟุตบอลในเอเชียนเกมส์
- ฟุตบอล U23 ชิงแชมป์เอเชีย
- ฟุตบอล U19 ชิงแชมป์เอเชีย
และล่าสุดกับผลงานภารกิจป้องกันแชมป์อาเซียน อย่าง ซูซูกิคัพ ก็ดันตกรอบไปแบบเจ็บปวด แฟนบอลผิดหวัง, นักฟุตบอลก็ผิดหวัง
และโจทย์สำคัญที่สมาคมฟุตบอล ต้องเร่งกู้สถานการณ์ คือทำยังไงให้ศรัทธาคืนกลับมาสู่ทีมชาติอีกครั้ง แน่นอนว่า ทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง เอเชียนคัพ ในต้นเดือนมกราคมปีหน้า ที่ยูเออี คือตัวชี้วัดว่า ทีมชาติไทยอยู่ในระดับไหนกันแน่ของเอเชีย
2. เมย์ รัชนก ผลงานแผ่ว
น้องเมย์ รัชนก ความหวังสูงสุดในทุกรายการของไทย โชว์ฟอร์มตลอดปี 2018 ได้ไม่ดีเอาซะเลย เธอผ่านเข้ารอบลึกๆ สลับกับตกรอบแรกอยู่บ่อยครั้ง ความแน่นอนในการเล่นยังไม่สามารถดึงฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้ นอกเหนือไปกว่านั้นคือ ปัญหาของสภาพร่างกายที่ยังฟิตไม่พอ ในยามที่เจอคู่ต่อกรที่ลากยาวทีไร มีอันปราชัยทุกที และโจทย์นี้น้องเมย์ต้องรีบคัมแบ็ก และกลับมาเป็นผู้เล่นที่แกร่งให้ได้ในปี 2019
3. กำปั้นไทย ต้องรีบยกระดับนักมวย
วงการมวยสากลสมัครเล่นของไทย ยังคงวนเวียนอยู่ในที่เดิม ขาดความต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น นักมวยรุ่นเก่าเริ่มโรยรา นักมวยใหม่ๆ ก็ขึ้นมาทดแทนไม่ได้ ความล้มเหลวแบบไร้เหรียญทองติดมือ ผลงานในเอเชียนเกมส์กลางปีที่ผ่านมา ทำได้ 1 เงิน 5 ทองแดง นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี ที่มวยชายไม่ได้เข้าชิง ซึ่งนั่นเอง สร้างความเจ็บปวดให้กับแฟนมวยเป็นอย่างยิ่ง
อย่าลืมนะว่ามวยสากลสมัครเล่น คือกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับไทยมาตลอดไม่ว่าจะเป็นรายการแข่งขันใดก็ตาม แต่มาทุกวันนี้ กติกาใหม่แบบนี้ บอกเลยว่าผู้บริหารสมาคมมวยฯ ต้องรีบสะสางปัญหาและสร้างนักมวยใหม่ๆ เพื่ออนาคตในวันข้างหน้า ไม่เช่นนั้นกีฬาความหวังของไทยอย่างมวยสากล จะเป็นที่เบือนหน้าหนีของแฟนกีฬา
4. ยกน้ำหนักไทยต้องแกร่งกว่านี้
อีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ต้องบอกว่า เป็นความหวังสูงสุดในการลงสู้ศึกในมหกรรมกีฬาใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ แต่ปัจจุบันการก้าวกระโดดของคู่แข่งของชาติมหาอำนาจของวงการยกน้ำหนักโลก ทำให้สมาคมยกน้ำหนัก มีการบ้านกองโต หากยังปรารถนาเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ที่ ญี่ปุ่น ในปี 2020
5. ว่ายน้ำไทย นับวันยิ่งลุ้นยาก
วงการว่ายน้ำไทยเวลานี้ ช่างซบเซาเหลือเกิน ผลงานแบบไร้เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ คือผลลัพธ์ที่มาจากปัญหาในสมาคม ที่สะสมมานาน ฉลามหนุ่ม เงือกสาว นับวันยิ่งหายอดฝีมือมาช่วยกู้วิกฤติยากเต็มที อย่าลืมนะว่า กีฬาว่ายน้ำ มีชิงชัยมากที่สุดเป็นอันดับสองในมหกรรมกีฬาโลก ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือซีเกมส์ ที่เราโดนทั้ง สิงคโปร์, มาเลย์, ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ทิ้งไปไกลจนแทบไม่เห็นฝุ่น
6. วงการเทนนิสไทย ยังคงไร้ซึ่งคนสานต่อ
หากจะบอกว่า กีฬาเทนนิส คืออีกหนึ่งชนิดกีฬาที่คนไทยเคยติดตามเป็นอันดับต้นๆ แต่หลังจากการแขวนแร็กเกตของ "ซูเปอร์บอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ และ "แทมมี่" แทมมารีน ธนสุกาญจน์ ประเทศไทยก็หานักเทนนิสระดับเดียวกันได้ยากเหลือเกิน แม้โดยรวมจะมีทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชน เพื่อเฟ้นหาดาวโรจน์ขึ้นมาทดแทน แต่จนถึงป่านนี้เกือบ 10 ปีเต็มๆ ที่เราไม่เห็นวี่แววว่าจะมีนักเทนนิสคนไหนขึ้นมาโดดเด่นระดับโลกได้เลยสักคน
7. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง วลีเด็ดทิ่มแทงตัวเอง
"ใครไม่อาย...ผมอาย" ยังคงเป็นวลีที่ตามมาหลอกหลอนทุกครั้งที่ผลงานของทีมชาติไทยไม่ดี หรือไม่ได้ดั่งใจแฟนบอล ซึ่งบิ๊กอ๊อดก็รู้ดีว่าตอนนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลกำลังเผชิญกับวิกฤติศรัทธา ทีมชาติไทยภายใต้การบริหารงานของท่านนายกสมยศ
ในแง่บริหารองค์กรไม่มีใครติดใจอะไร ทำงานเป็นระบบ สร้างโน่นนี่นั่นตามแบบแผนมาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่อย่าลืมว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือผลงานของทีมชาติไทย เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผลงานทีมชาติไทยไม่เป็นไปตามเป้าแบบนี้ บอกได้คำเดียว อยู่ยากครับ!!!
8. โค้ชโย่ง กับเสียงวิจารณ์
"โค้ชโย่ง" วรวุฒิ ศรีมะฆะ กับผลงานการคุมทัพทีมชาติไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ต้องบอกว่าไม่เป็นไปตามเป้า ทีมลูกหนังรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีของไทยผลงานสุดห่วย เสมอ กาตาร์ ตามมาด้วย บังกลาเทศ และนัดสุดท้าย แพ้ อุซเบกิสถาน ตกรอบไปแบบเละเทะ พร้อมทั้งมีเสียงวิจารณ์ตามมาถล่มผู้คุมทัพอย่างโค้ชโย่งชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทำไงได้ครับ ภาพที่ออกมา ผลงานที่จบลงไป มันยากที่จะหาคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเราทำได้ไม่ดีพอจริงๆ
9. ภาพรวมของกีฬาไทยในเวทีโลก
การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 จาการ์ตา-ปาเล็มบังเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นประเทศจีน ที่ครองเจ้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 10 ติดต่อกัน ได้ 132 เหรียญทอง ตามมาด้วย ญี่ปุ่น 75 เหรียญทอง และอันดับ 3 เกาหลีใต้ 49 เหรียญทอง
ขณะที่ไทยอยู่อันดับ 12 มี 11 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน และ 46 เหรียญทองแดง ซึ่งจากผลงานดังกล่าวถือว่านักกีฬาไทยทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 20 เหรียญทอง โดยสมาคมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือเซปักตะกร้อ 4 เหรียญทอง ขณะที่มีอีกกว่าครึ่งที่ต้องบอกว่าสอบตก และต้องรีบแก้ไขโดยด่วน มิเช่นนั้นเราจะยิ่งโดนประเทศต่างๆ ฉีกหนีด้วยระยะห่างที่ไกลออกไปเรื่อยๆ
10. คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ปัญหาเพียบ
การบ้านของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย หลังจากจบเอเชียนเกมส์ ที่อินโดนีเซีย ดูจะเพียบเหลือเกิน การส่งนักกีฬาไปมากเป็นอันดับ 3 แต่ไม่ติดท็อป 10 ได้เหรียญน้อยกว่าครั้งที่แล้วอีก แพ้ไต้หวัน เกาหลีเหนือ บาห์เรน คาซัคสถาน
แบบนี้ต้องบอกว่าสอบตก และคำว่า "ต่ำกว่ามาตรฐาน" ก็น่าจะชัดเจนว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว บางชนิดกีฬาถึงกับต้องส่ายหัวให้กับผลงานแบบสุดล้มเหลว แล้วใครล่ะที่ต้องรับผิดชอบในเมื่อสิ่งที่เป็นอยู่มันเหมือนย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่ชาติอื่นกลับพัฒนาไปเรื่อยๆ