"10 เหตุผล" ที่ "สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง" ไม่ควรถูกไล่ออกเวลาบอลไทยแพ้!
ประเทศไทย คือประเทศหนึ่งที่คนในชาติรักและนิยมชมชอบกีฬาฟุตบอลมากเป็นอันดับหนึ่งไม่แพ้ชาติใดในโลก
ทุกครั้งที่ฟุตบอลทีมชาติไทยลงแข่งขัน ปรากฏการณ์ "ฟุตบอลไทยอยู่ในสายเลือด" มันจะพลุ่งพล่านจนไม่เป็นอันทำอะไรนั้นจึงไม่แปลกที่ทุกครั้งเมื่อต้องเห็นทีมรักประสบกับความพ่ายแพ้
ไม่ว่ายุคไหนๆ "แฟนบอลไทย" มักจะเกิดอาการหัวร้อน ต้องลากไส้เอาความผิดพลาดออกมาระบายตามช่องทางต่างๆ
อย่างที่เห็นปรากฏการณ์หลังบอลแพ้ แฟนบอลไล่โค้ช ด่านักเตะ ไปกระทั่งไล่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพื่อสนองความโกรธที่ทำให้ฟุตบอลไทยต้องพบกับความพ่ายแพ้
จริงอยู่ความคิดเห็นของแฟนบอลไม่มีใครผิดหรือถูก แต่ปรากฏการณ์ที่ทั่วโลกได้เห็นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สั่งปลด โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุเกสออกจากตำแหน่ง
หลังทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี นำทีมลงสนามในลีก 17 นัด มีแค่ 26 แต้ม และแต่งตั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นผู้จัดการทีมขัดตาทัพพาทีมชนะ 5 เกมรวด ในรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไป แต่ใช้นักเตะชุดเดียวกัน
แต่ "ปรากฏการณ์แมนฯ ยูฯ" อาจใช้ไม่ได้กับทีมฟุตบอลอื่นๆในโลกนี้ แต่การทำฟุตบอลบางครั้งแฟนบอลต้องเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของแต่ละบุคคล ไม่ใช่นึกอะไรไม่ออกก็ไล่ไว้ก่อน
ดังนั้น ขอยก 10 เหตุผลที่แฟนบอลไทยควรรู้ก่อน "บันดาลโทสะ" ไล่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ เวลาบอลแพ้
ข้อ 1. "บิ๊กอ๊อด" เนรมิตที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จนมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาบริหารงาน ณ อาคาร 40 ปี ในการกีฬาแห่งประเทศไทยฯ ว่างๆ เชิญแฟนบอลมาเยี่ยมชมกันได้
ข้อ 2. "บิ๊กอ๊อด" สร้างความน่าเชื่อถือต่อฟีฟ่า, เอเอฟซี จนนำงบสนับสนุนมาสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ที่มีความสะดวกสบายทันสมัยและครบวงจร ณ ศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล ภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และเปิดใช้อย่างเป็นทางการให้ทีมชาติไทย ทุกรุ่นทุกอายุเก็บตัวฝึกซ้อมภายในระยะเวลา 2 ปี
ข้อ 3. "บิ๊กอ๊อด" สร้างผู้ฝึกสอนในระดับต่างๆ มากกว่า 1,800 คน โดยเฉพาะโค้ชในระดับ "โปร ไลเซนส์" จากที่มีแค่ "โค้ชง้วน" สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ คนเดียว ตอนนี้ประเทศไทยมีโค้ช "โปร ไลเซนส์" เพิ่มขึ้นอีก 16 คน และจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2562
ข้อ 4. "บิ๊กอ๊อด" ใช้เวลา 2 ปี ปลดหนี้กว่า 300 ล้านบาท ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทั้งหนี้สรรพากร และหนี้อื่นๆ ที่เกิดก่อนหน้าที่จะเข้ามาบริหาร
ข้อ 5. "บิ๊กอ๊อด" สร้างระบบการเงินที่มั่นคงให้แก่ฟุตบอลลีกอาชีพได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการมอบเงินสนับสนุนแก่สโมสรสมาชิกในทุกระดับ ตรงเวลาตามกำหนดไม่ต้องทวง แถมให้เงินสนับสนุนพิเศษในการนำไปพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตามข้อกำหนดเอเอฟซี "คลับไลเซนซิ่ง"
ข้อ 6. "บิ๊กอ๊อด" ไม่เคยอมเงินนักเตะทีมชาติไทย ทุกชุดได้เงิน "รางวัล" ตามที่สัญญาทุกบาทอย่างรวดเร็ว นักกีฬาไม่ต้องโวยวายออกสื่อให้เสียเวลา แถมปฏิวัติเรื่องการกิน อยู่ หลับนอน การเดินทาง นักกีฬาทุกชุดกินดี อยู่ดี ไม่ตกเครื่อง
ข้อ 7. "บิ๊กอ๊อด" เป็นสมาคมฯยุคแรกที่มีบัญชีรายรับ-รายจ่าย ชัดเจน แยกประเภทต่างๆ อาทิ บัญชีเงินจากฟีฟ่า, บัญชีเงินจากเอเอฟซี, บัญชีเงินจากเอเอฟเอฟ, บัญชีเงินจากค่าปรับไทยลีก และอื่นๆ แถมชี้แจงเงินเข้า-ออกได้อย่างโปร่งใสตรวจสอบได้
ข้อ 8. "บิ๊กอ๊อด" เป็นยุคแรกที่สามารถปราบปรามการทุจริต การล็อคผลบอล มีการจับกุมขบวนการล้มบอล จนได้รับการยกย่องจากสหพันธ์ฟุตบอนานาชาติ และได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ไปให้คำแนะนำในงานสัมมนาที่ฝรั่งเศส
ข้อ 9. "บิ๊กอ๊อด" ติดตามคดีความ เพื่อทวงความยุติธรรม และเงินสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลฯ ชุดเก่ากว่า 1 พันล้านบาท
ข้อ 10. "บิ๊กอ๊อด" มีการวางรากฐานพัฒนาผู้ตัดสิน ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับ AFC ในโครงการ AFC Expert Pool พร้อมทั้งดึง ฟาฮัด อับดุลลาเยฟ ที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสินจากฟีฟ่า และ เอเอฟซี มาเป็นวิทยากรประจำ จนล่าสุดสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ประกาศรายชื่อ ผู้ตัดสินระดับนานาชาติ (ผู้ตัดสินฟีฟ่า) ประจำปี 2019 เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 62 ปรากฏว่า มีผู้ตัดสินฟุตซอล และฟุตบอลชายหาด ชาวไทย ทั้งหมด 7 คน ขณะที่ "ปนัดดา โคตรเสนาภัทร" ได้เป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าหญิงคนแรกของไทย