'เอ็ด' วิ่งสิ....วิ่งเข้าไป
ความก้าวหน้าของสโมสร ไม่ใช่แค่ผลงานในสนาม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่การคว้าโทรฟี่มาประดับตู้โชว์ สิ่งสำคัญที่จะทำให้องค์กรเคลื่อนไปข้างหน้าได้คือแนวทาง วิธีคิด และการดำเนินการของผู้บริหาร ความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ไม่ใช่ก้าวเล็กๆ ที่ใครคนหนึ่งจะเดินไปได้ด้วยตัวคนเดียว หากแต่เป็นก้าวใหญ่ที่ต้องขยับไปพร้อมๆ กัน
ฤดูกาลที่ผ่านมา หากต้องย้อนกลับไปคงไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอล “ปีศาจแดง” อยากพูดถึงสักเท่าไหร่ เพราะความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดในหลายๆ ด้าน ทำให้ทีมต้องเสียศูนย์จนยืนแทบไม่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการวางมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ทำทีมมานาน 26 ปี ตลอดจนการก้าวลงจากเก้าอี้ประธานสโมสรของ เดวิด กิลล์ ทั้งสองสิ่งเกิดพร้อมๆ กัน แถมยังวางช้อยส์ผิดด้วยการเลือก เดวิด มอยส์ ที่ยังสร้างความสำเร็จติดมือไม่ได้ขึ้นมารับช่วงต่อจาก “เฟอร์กี้” ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ทีมต้องคว่ำไม่เป็นท่า ด้วยการจบฤดูกาลที่อันดับ 7 ไม่มีแชมป์ใดๆ ติดมือ ตลอดจนไม่สามารถคว้าโควต้าไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปได้
ผลงานเอก 1 เดียวของ เอ็ด จากฤดูกาลที่ผ่านมาก็คือการนำเข้า ฆวน มาต้า จากคู่แข่งอย่างเชลซี
ตำแหน่งกุนซือ มอยส์ โดนปลดไป ได้ หลุยส์ ฟาน กัล ที่มีประสบการณ์เข้ามาแทนที่ ถือว่าเป็นการเริ่มใหม่ ที่ไม่มีใครรู้อนาคต แต่ในตำแหน่งผู้บริหาร ได้สองพี่น้อง เกลเซอร์ อย่าง อาฟราม และ โจเอล ลงมานั่งเก้าอี้ประธานร่วมกัน เอ็ด วู้ดเวิร์ด เข้ามาทำหน้าที่แทน เดวิด กิลล์ ที่จริงก็รับมาตั้งแต่ซีซั่นก่อน โดยตำแหน่งแล้วเขาเป็นรองประธาน แต่ก็ทำหน้าที่เหมือน กิลล์ เคยทำทั้งหมด ที่จริงก็รับหน้าที่มาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว แต่การทำงานยังนับว่าช้าและย่ำแย่ในหลายจุด ข้อดีที่ เอ็ด มีคือการดึงเอาสปอร์นเซอร์ มากหน้าหลายตาเข้ามาสนับสนุนเงินทุนของทีมได้แบบไม่หยุดหย่อน ซึ่งถือว่าพอจะชดเชยสิ่งที่ทีมอาจต้องเสียไปเพราะการไม่ได้ไปเล่นในเวทียุโรปได้บ้าง
แม้เรื่องการคว้าบิ๊กเนมดูจะเป็นเรื่องยาก แต่ข้อดีของ เอ็ด ก็คือเขาหาเงินเก่ง
เอ็ดเวิร์ด เป็นที่ปรึกษาให้กับครอบครัว เกลเซอร์ ระหว่างที่พยายามเข้าเทคโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเมื่อทำสำเร็จ เกลเซอร์ ก็นำเอ็ดเข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้กับสโมสร แต่เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กเส้นของเจ้าของทีมรายใหม่เท่านั้น เพราะ วู้ดเวิร์ด ใช้ความสามารถของตัวเอง เดินหน้าเพิ่มมูลค่าของสโมสร เขาทำให้มูลค่ากำไรเชิงพาณิชย์ของทีมจากที่มีอยู่ 48.7 ล้านปอนด์ ในปี 2005 ก้าวกระโดดมาเป็น 117.6 ล้านปอนด์ในปี 2012
ผลงานของเอ็ดช่วงฟุตบอลโลกถือว่าบีบวก
จากนั้นเมื่อ เดวิด กิลล์ วางมือไป เอ็ด ก็ถูกดันขึ้นมาทำหน้าที่แทน โดยมอบหมายให้ลูกน้อยตัวเองอย่าง ริชาร์ด อาร์โนลด์ ทำหน้าที่แทนในตำแหน่งเก่าของตัวเอง แต่ต้องบอกว่าหากไม่นับเรื่องเดิมๆ ทีเคยทำได้ดีแล้ว การนั่งเก้าอี้รองประธานของ เอ็ด สอบไม่ผ่านอย่างแท้จริงในซีซั่นแรก ไม่ว่าจะเป็นตลาดซื้อขายแรก ที่ได้เพียง มารูยาน เฟลไลนี่ มาจาก เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัวแพงเกินความจำเป็น รวมถึง ฆวน มาต้า ในช่วงกลางซีซั่น ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร ซึ่งหากหักลบกลับหนี้กันแล้วยังต้องบอกว่าไม่คุ้มอยู่นิดๆ ได้แต่หวังว่าการลงทุนจะออกดอกออกผลในซีซั่นถัดๆ มาได้
เอ็ด เอ่ยปากยอมรับเหมือนกันว่าการทำงานนี้ไม่ง่าย และกดดันมาก แต่เขายืนยันว่าจะพยายามอย่างยิ่งที่จะพาสโมสรผ่านพ้นวิกฤตินี้ พร้อมๆ กับที่ตัวเอง ก็จะก้าวผ่านความอึดอัดที่ถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง โดยมองถึงการประสบความสำเร็จของทีมเป็นที่ตั้ง
แน่นอนว่าการไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปของทีมทำให้มูลค่าโดยรวมตกลง ยิ่งถ้านับเรื่องการไม่ประสบความสำเร็จในลีกไปด้วยแล้ว ทีมยิ่งเสียหายเป็นเท่าทวี แต่ด้วยบรรดาสปอนเซอร์ หลายรายที่ เอ็ด “วิ่ง” ไปดึงมาอุดรอยรั่วทำให้ทีมไม่ได้เสียหายมากเท่าที่ควรจะเป็น มูลค่าของทีมอาจตกลงมาบ้าง จากเดิม 3.165 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลงมาเป็น 2.81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ไม่ต้องห่วง ปีหน้าได้รายได้จาก อาดิดาส มาจุนเจือเพิ่มแน่ จากการเซ็นสัญญาชุดแข่งมูลค่าเป็นสถิติโลก 750 ล้านปอนด์ ซึ่งนั่นเป็นฝีมือของ เอ็ด ทั้งสิ้น
มีคนว่า เอ็ด บ้าที่ปฏิเสธเงิน 600 ล้านจากไนกี้ แต่เขาเลือกที่จะเซ็นกับ อาดิดาส ผู้ที่เห้นความสำคัญของแบรนด์ที่ชื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด
เอ็ด ให้สัมภาษณ์กับ เอ็มยูทีวี บอกว่ามีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ แต่สิ่งที่แน่นอนคือทีมบริหารของเขาและ ริชาร์ด อาร์โนลด์ วางรากฐานด้านการเงินให้ทีมไว้แล้ว รากฐานอันแข็งแกร่งที่สำคัญอย่างยิ่ง และพร้อมจะเติบโตก้าวหน้าไปตามความสำเร็จในอนาคตภายใต้การคุมทีมของ ฟาน กัล นอกจากนี้รองประธาน “ปีศาจแดง” ยังยืนยันว่าด้วยสภาพการเงินที่แข็งแกร่งในตอนนี้ ทำให้สามารถทำหลายอย่างในตลาดซื้อขายที่ทีมอื่นทำไม่ได้ ถึงขั้นที่ว่าถ้าผู้จัดการทีมเกิดเปลี่ยนใจเรื่องคว้านักเตะกระทันหัน จากอยากได้คนนั้น ไปอยากได้คนนี้แทน เอ็ด บอกว่าทัพ “อสูรแดง” ตอนนี้ ก็มีเงินพอจะตอบสนองตรงจุดนั้นได้
1 ใน 3 คนนี้หาก เอ็ด คว้าได้คนใดคน 1 ก็ถือว่าฤดูกาลนี้ เอ็ด หล่อล่ะ
ด้านการบริหาร หรือการตลาด เชื่อว่าสาวกของทีมคงหมดข้อกังขาในตัวรองประธานคนนี้แล้ว เชื่อว่าจะนำเอาเงินไหลมาเทมาให้กับทีมได้อย่างไม่ยากเย็น แต่สิ่งที่หลายคนห่วง และอยากให้ เอ็ด “วิ่ง” ต่อไปคือการคว้านักเตะเสริมทีม จุดอ่อนสำคัญคือการที่ทีมไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป ทำให้บรรดาสตาร์ดังหลายคนเลือกที่จะปฏิเสธการย้ายมาอยู่ในรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ในเมื่อผู้บริหารยืนยันว่ามีการดำเนินการหลังม่านอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เงินมี กำลังคนก็มี อย่าให้พลาดแบบไม่น่าให้อภัยแบบเมื่อซีซั่นที่แล้วก็แล้วกันนะ เอ็ด ถ้าลูกทีมวิ่งช้าไป ก็วิ่งเองเลยแล้วกัน
“สุกรโลกันต์”