ใจรักกีฬา! "วีรศักดิ์ นิลกลัด" โดดร่วมงาน "พีพีทีวี"
หลังจากพิธีกรและนักพากย์กีฬาชื่อดัง "วีรศักดิ์ นิลกลัด" ออกมายอมรับผ่านสื่อว่าได้โบกมือลาวิกหมอชิตและกำลังจะมาร่วมงานกับทาง "พีพีทีวี เอชดี ช่อง36" อย่างเป็นทางการ ล่าสุด ทีมนิวมีเดีย มีโอกาสได้พูดคุยแบบหมดเปลือกถึงสาเหตุการตัดสินใจครั้งนี้
จุดเริ่มต้นที่มาร่วมวานกับ พีพีทีวี?
"ก่อนหน้านี้พี่มาทำเอเชียนเกมส์ตอนกลางปี แล้วก็พากย์มวยถ่ายทอดสดที่นี่ในแง่ของกีฬา หลังจากนั้นมีน้องที่นี่ชวนมาทำรายการ Monday Night Café เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่ว่าเอเชียนเกมส์มีช่วงกลางปี แล้วก็มีมวยปาเกียว แต่ถ้าเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆก็คือมาบันทึกเทป Monday Night Café กับ "อินดี้" ( อินทัช เหลียวรักวงศ์ ) และ "กิ๊ฟจัง" (วริยา นาวีปัญญาธรรม ) วันจันทร์หลังรายการ "เดอะวอยซ์" แล้วพอหลังจากนั้นพอมีกรณีที่รายการ "กิ๊กดู๋ฯ" จะต้องย้ายช่องมาที่ "พีพีทีวี" พี่ก็ต้องมาด้วย เพราะว่าพี่อยู่ในรายการ คือพี่ต้องเลือก และสุดท้ายพี่ก็เลือกที่นี่เพราะว่าที่นี่มีกีฬา ซึ่งจริงๆแล้วพี่เป็นคนกีฬา ที่นี่มีกีฬาเยอะ พี่ตัดสินใจเมื่อตอนปีใหม่นี้เอง คือคิดไว้แล้วแต่แจ้งทางที่เดิมเมื่อปีใหม่ ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ใช้เวลานานพอสมควร ก็เพราะว่าทำงานที่เดิมมาเกือบ 30 ปี
อยู่ที่เดิมเป็นการเซ็นสัญญาไหม?
"ไม่ๆ ตั้งแต่สมัย "พี่โย่ง" (เอกชัย นพจินดา), "พี่ณุ" (พิษณุ นิลกลัด) มาถึงพี่ ไม่มีเซ็นสัญญา แต่ว่ามีสัญญาใจ เราก็อยู่กับเขามานานเพราะว่าเขาก็ดูแลดี แล้วก็เราจะไม่ไปช่องใหญ่ที่เป็นคู่แข่งสมัยอยู่ที่เดิม แต่ว่าตอนหลังการอ่านข่าวมันก็น้อยลง กีฬาเขาก็ไม่ค่อยซื้อและไม่ค่อยมีจัดถ่ายทอดกีฬา พี่คนกีฬาและพี่ฟรีแลนซ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พี่เป็นอาชีพรับจ้างอิสระร้อยเปอร์เซ็นต์ พี่ก็เลยต้องเลือก แล้วมันเป็นจังหวะพอเหมาะ "กิ๊กดู๋ฯ" มานี่พอดี พี่อยู่กับ "กิ๊กดู๋ฯ" มาเป็น 10 ปี แต่ว่ากับทางที่เดิมถามว่าผูกพันไหม เสียดายไหม คือเสียดาย เพราะเกือบ 30 ปี เด็กรุ่นใหม่ๆก็รู้จักพี่มากขึ้น ก็เป็นโลโก้ของที่นั่น อะไรอย่างนี้ แต่ว่ามันก็ถึงเวลาแล้วต้องมา"
ความผูกพันกับ "กิ๊กดู๋ฯ" เป็นอย่างไรบ้าง?
"พี่อยู่ตั้งแต่เทปแรก แรกเริ่มคอมเม้นท์เตเตอร์มีอยู่ 3 คน ที่เป็นเทปแรกตอนนี้นะ มีพี่, "พี่ชมพู" (สุทธิพงษ์ วัฒนจัง) แล้วก็ "ตั๊ก" (ศิริพร อยู่ยอด) ถามว่าทำไมพี่ไม่รู้เรื่องเพลง รู้เรื่องกีฬาอย่างเดียว แต่ว่าผู้ใหญ่เขาบอกว่าใหม่ๆนั้นมันเป็นการแข่งขันระหว่างชุมชน ตอนนั้นรายการเพลงมันมีมากขึ้น แต่ว่ายังไม่มากขนาดนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักแต่งเพลง นักร้อง เป็นคอมเม้นท์เตเตอร์ เพราะฉะนั้นพี่เอาไปพูดเปรียบเทียบแข่งขันเป็นกีฬา ภาษากีฬา ใช้ภาษากีฬาที่เราใช้อยู่เอามาปรับเอาปรุงแต่ง เปรียบเทียบนักร้องคนนี้ๆ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของพี่ ซึ่งจริงๆพี่ร้องเพลงไม่เป็น ฟังได้ แต่ว่าร้องไม่ได้ (หัวเราะ)"
10 ปีกับ "กิ๊กดู๋ฯ" ?
"มีความสุขครับ มันเหมือนเราได้เปิดโลกกว้างขึ้นไม่ใช่กีฬาอย่างเดียว เราได้คุยกับทีมงาน คุยกับ "กิ๊ก" กับ "ดู๋" และทุกคนที่เป็นคอมเม้นท์เตเตอร์เรื่องนู้นเรื่องนี้เราก็ เห้ย! เราก็ได้รู้อะไรมากขึ้น ไม่ใช่กีฬาอย่างเดียว เราก็เอากีฬาไปให้เขาคือไปคุยกับเขา ส่วนใหญ่ทุกคนชอบกีฬา"
เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว?
"ใช่ครับ ก็หลายครั้งทีมงานก็บอกว่าไม่อยากให้พี่ขาด ซึ่งที่ผ่านมาเนี่ย มันมีงานชนกับงานที่ช่องเดิมบ้าง พี่ก็ต้องเลือกช่อง เพราะว่าเราเติบโตจากที่นั่น เขาให้โอกาสเรา เราก็ต้องคืนคิววันไหนที่เราตรงงานช่อง แต่ตอนหลังก็ไม่ค่อยมี ก็เลยไม่ค่อยตรง พี่ก็เลยไม่ค่อยขาด สุดท้ายก็มาถึงตรงนี้ตัดสินใจก็พูดคุยกับน้องๆฝ่ายข่าว ทางทีมงานกีฬา อะไรต่างๆ เขาบอกว่าพี่ไม่เป็นไร ยังเจอกันเหมือนเดิม เป็นพี่เป็นน้องเหมือนเดิม แต่ว่างานเราก็ต้องแยกกัน เพราะพี่ไม่มีสัญญา ทางผู้ใหญ่เขาก็บอกว่าเคารพกับการตัดสินใจของพี่นะ"
สำหรับงานทาง "พีพีทีวี" มีอะไรบ้าง?
"ก็มีรายการ "กิ๊กดู๋ฯ" รายการ Monday Night Café แล้วก็มีพากย์ฟุตบอล พี่บอกทุกคนว่าพี่มาทำที่นี่อย่าให้ลดงานของคนที่อยู่ประจำอยู่แล้ว พี่ไม่ยอม ไม่ยอมหมายถึงว่าเรามาปุ๊บคนอื่นงานหายไปอะ พี่ไม่ยอม ทุกคนต้องมีงานทำ ส่วนอนาคตก็อาจจะมีโปรเจคต์ใหม่ๆอยู่ระหว่างการพูดคุย"
มีอะไรบอกแฟนๆไหม?
"เราก็เก่าแล้วอะนะ (หัวเราะ) ก็รุ่นเก่าหน่อย แต่ว่ารุ่นใหม่ก็ขึ้นมา แต่ว่าเราก็ต้องยืนอยู่ให้ได้นะ แล้วก็สร้างความสุขให้กับคนดูทางช่อง 36 นี่แหละครับ"