5 ประเด็นร้อนหลังเกม เรือใบ เปิดบ้านอัด ปืนโต 3-1 จี้หงส์เหลือ 2 แต้ม
เป็นของหวานสำหรับ แมนฯ ซิตี้ จริง ๆ เมื่อพวกเขาต้องเจอกับ อาร์เซนอล และสามารถเอาชนะไปแบบสบาย ๆ อีกครั้ง 3-1 กลับขึ้นไปอยู่อันดับ 2 อีกครั้ง และจี้จ่าฝูงเหลือ 2 แต้มชั่วคราว ด้าน อาร์เซนอล พ่ายแบบสู้ไม่ได้ และทำให้พวกเขาร่วงไปอยู่ที่ 6 ในสัปดาห์นี้
ไปดูกันว่าในเกมนี้มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง
5. อเกวโร ระเบิดฟอร์ม
หลังจากใช้เวลาเพียง 47 วินาทีก็สามารถทำประตูได้ในเกมที่แล้วกับ นิวคาสเซิล คราวนี้ อเกวโร ใช้เวลามากกว่าเดิมเพียง 2 วินาทีในการยิงประตู อาร์เซนอล เมื่อ ลาปอร์ต ไปฉกบอลมาจากเท้าของ อิโวบี้ ได้ ก่อนจะโยนเข้นเขตโทษให้ อเกวโร โหม่งพังประตู
หลังจากนั้น อเกวโร ยังสามารถกดดันแนวรับ อาร์เซนอล ได้อย่างต่อเนื่อง และมายิงได้อีก 2 ประตูจากการเข้าชาร์จการจ่ายของ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ได้น้ำหนักพอดี กลายเป็นแฮตทริกที่ 2 ของเขาในฤดูกาลนี้
4. อาร์เซนอล แพ้ภัยตัวเอง
อูไน เอเมรี ทำการบ้านมาเหมือนกัน เมื่อแนวรับของ อาร์เซนอล พยายามอย่างหนักที่จะดักล้ำหน้าการจ่ายบอลเร็วของฝั่ง แมนฯ ซิตี้ ให้ได้ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ และแผนดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญที่ำทให้พวกเขาต้องตามหลังในครึ่งแรกเสียด้วย
4 กองหลังอย่าง นาโช มอนเรอัล, สเตฟาน ลิชท์ชไตเนอร์, โลร็องต์ กอสเซียลน และ ชโคดราน มุสตาฟี พยายามที่จะไม่รั้งอยู่ในเขตโทษตัวเองนาน ๆ และเมื่อ ซิตี้ จ่ายบอลคืนหลัง พวกเขาจะขยับไลน์ขึ้นสูงทันทีเพื่อให้แนวรุกของเจ้าบ้านล้ำหน้า แต่การเล่นแบบนี้กลับทำให้ อเกวโร หลุดโล่งอยู่คนเดียวในนาทีแรก และเมื่อ ลาปอร์ต ฉกบอลไปจากเท้าของ อิโวบี้ ได้ กว่าแนวรับ อาร์เซนอล คนอื่่นจะไหวตัวทัน บอลก็ตุงตาข่ายไปแล้ว
ในท้ายครึ่งแรกก็เป็นเหมือนเดิม คราวนี้ต้องชม อิลคาย กุนโดกัน ที่ชิปข้ามไลน์ให้ ราฮีม สเตอร์ลิง อย่างยอดเยี่ยม และความผิดพลาดของ ลิชท์ชไตเนอร์ ที่ไม่ได้ระวัง สเตอร์ลิง ที่วิ่งมาจากข้างหลังของเขา ทำให้จังหวะนี้ สเตอร์ลิง ไม่ล้ำนห้าอย่างชัดเจน และเมื่อเขาตบบอลเข้ากลางให้ อเกวโร เจ้าตัวก็ไม่มีใครประกบอีกตามเคยเพราะแนวรับที่หนุนสูงขึ้นไปแล้วนั่นเอง
หากไม่นับ 2 ประตูดังกล่าว จริง ๆ ต้องถือว่ากับดักล้ำหน้า อาร์เซนอล ทำงานได้ดีอยู่พอตัวเหมือนกัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังตามหลัง ซิตี้ 2-3 ก้าวอยู่ดี
3. วิกฤติกองหลังดำเนินต่อไป
เพิ่งจะได้ โลร็องต์ กอสเซียลนี กับ คอนสตันตินอส มาฟโรปานอส กลับมาลงสนามได้แล้ว แต่ อาร์เซนอล ก็ดันมาเสีย ชโคดราน มุสตาฟี ไปในเกมนี้ ทำให้วิกฤติในแผงกองหลังของพวกเขายังดำเนินต่อไป
มุสตาฟี ได้ับบาดเจ็บในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกม ก่อนที่เขาจะถูกเปลี่ยนตัวกับ มาฟโรปานอส ในนาทีที่ 79 ทำให้ อาร์เซนอล เหลือเซ็นเตอร์แบ็คแค่ 2 คนตามเดิม คือ กอสเซียลนี กับ มาฟโรปานอส ทำให้พวกเขาจะไม่มีทางเลือกอะไรให้ใช้มากนัก และเมื่อพวกเขาไม่ได้ครมาเพิ่มในตลาดซื้อขายรอบที่ผ่านมา แฟนบอลก็คงได้แต่ทำใจเท่านั้น หากทีมของพวกเขาจะยังมีปัญหาเรื่องเกมรับแบบนี้ต่อไป
2. เดบิวต์ของ ซัวเรซ
แม้จะไม่ได้ลงสนามในฐานะตัวจริง แต่ เดนิส ซัวเรซ ก็ยังได้โอกาสสัมผัสเกม พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่นัดนี้ เมื่อเขาถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 66 ของเกม แทนที่ของ เซอัด โคลาชินัซ แบ็คซ้ายที่กลายมาเป็นมิดฟิลด์จำเป็นในช่วงก่อนหน้านี้
โชคร้ายที่ ซัวเรซ ต้องมาเจอเกมแรกกับ ซิตี้ เมื่อทีมคู่แข่งนั้นแข็งแกร่งกว่าที่ อาร์เซนอล ของเขาจะต้านทานไหว และ ซัวเรซ ก็ไม่สามารถช่วยทีมอะไรได้มากนัก นอกจากต่อบอลไปมาเท่านั้น
1. อนาคตที่ไม่แน่นอนของ เออซิล ดำเนินต่อไป
นอกจากการบาดเจ็บของกองหลังแล้ว ก็มีแต่ เมซุต เออซิล นี่แหละที่ไม่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเจ้าตัวจะหายจากอาการบาดเจ็บมานานโขแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เป็นโ๕้ชให้ลงสนามในเกมใหญ่ ๆ แบบนี้
เรื่องนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกในครึ่งหลัง เมื่อทีมต้องการเกมรุกที่มากขึ้น อูไน เอเมรี กลับตัดสินใจที่จะส่ง อารอน แรมซีย์ ที่จะหมดสัญญากับทีมแน่ ๆ หลังจบฤดูกาล กับ เดนิส ซัวเรซ ที่เพิ่งย้ายทีมเข้ามาใหม่ และยังไม่มีประสบการณ์กับทีมเลยแม้แต่นาทีเดียวลงสนามก่อนหน้า เออซิล
เออซิล ยังคงมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของสโมสรอย่างต่อเนื่องผ่านทางโซเชียลมีเดีย แต่ 76 นาทีกับ 6 เกมหลังสุดบนพื้นหญ้ามันออกจะน้อยเกินไปหน่อยสำหรับนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในทีมอย่างเขา