ถ้วยใหญ่ที่คนไทยไม่อิน : เหตุใด "เอเชียนคัพ" จึงไม่บูมในบ้านเราเท่า ยูโร-ฟุตบอลโลก?
เอเชียนคัพ 2019 จัดเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญของทีมชาติไทย เพราะนี่เป็นการหวนคืนสู่ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย ครั้งแรกในรอบ 12 ปี
แต่แฟนบอลชาวไทยเคยตั้งคำถามกันหรือไม่ ทำไมกระแสฟุตบอลเอเชียนคัพในบ้านเรานั้นเงียบกว่าที่ควร?
ทั้งที่เป็นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลรายการใหญ่สุดของทวีป ที่มีศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับ ยูโร ของทวีปยุโรป แถมในครั้งนี้ ทีมชาติไทย ยังสามารถเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้สำเร็จ นับตั้งแต่ปี 2007 ที่เราเป็นเจ้าภาพร่วมกับเวียดนาม,มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย
แต่เมื่อเทียบกับ สองทัวร์นาเมนต์ที่เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมของคนไทย อย่าง ฟุตบอลโลก และฟุตบอลยูโร กระแสความนิยมแตกต่างกันแบบสุดขั้ว
ยามมีการแข่งขันฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลยูโร บรรยากาศฟุตบอลในเมืองไทยก็จะคึกคักเป็นพิเศษ ร้านค้าประดับธงชาติของทีมเข้าแข่งขันเพื่อต้อนรับลูกค้าที่จะมาชมเกมลูกหนังที่ร้าน มีการจัดลานเบียร์พร้อมจอยักษ์ ให้แฟนฟุตบอลมารวมตัวกันเชียร์เกมการแข่งขัน
บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆร่วมทำแคมเปญกิจกรรม โปรโมทการแข่งขันกันอย่างครึกครื้น หรือออกสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ที่มาถึง
มีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ดูฟรีในทุกเกมการแข่งขัน ข้อมูลข่าวสารมีรายงานอย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องในสนาม นอกสนาม ไปจนถึงบทความแนะนำร้านดูบอลยามค่ำคืน
แตกต่างจากฟุตบอลเอเชียนคัพ การรายงานข่าวเกี่ยวกับรายการนี้ ผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ ไม่มีให้เห็นผ่านตามากนัก ไม่มีถ่ายทอดสดให้ชมทางฟรีทีวี (ยกเว้นเกมของทีมชาติไทย) ต้องไปหาลิ้งค์รับชมทางอินเตอร์นั่งดูหลังขดหลังแข็งผ่านคอมพิวเตอร์ หรือจอเล็กทางโทรศัพท์มือถือ
หากไม่นับวันที่ ทีมชาติไทยลงแข่งขัน กระแสฟุตบอล ทีมชาติประจำทวีปเอเชีย ถือว่าเงียบมากในเมืองไทยจนเหมือนว่าประเทศเราไม่มีส่วนร่วมในรายการนี้เสียด้วยซ้ำ กิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ เพื่อโปรโมตรายการนี้แทบไม่มีให้เห็น
อะไรที่ทำให้รายการฟุตบอลใหญ่สุดของทวีปเอเชีย ไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรา แม้ทีมชาติ ไทยจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ได้ครั้งแรกก็ตาม
เงินสะพัด.. กระแสสะพัด
ช่วงฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร แฟนบอลชาวไทยได้เห็นบรรยากาศของฟุตบอลทั้งสองรายการแบบเต็มอิ่ม ตั้งแต่พิธีเปิดจนถึงพิธีปิด รวมถึงบรรยากาศของแฟนบอล
แตกต่างจากเอเชียนคัพหนนี้ ที่กองทัพสื่อไทย เดินทางไปทำข่าวฟุตบอลเอเชียนคัพกันค่อนข้างน้อย ไม่มีบรรยากาศของการแข่งขันมาถ่ายทอดให้แฟนบอลชาวไทยได้รับชม
แฟนบอลไทยไม่ได้รับรู้เลยว่า แฟนบอลชาติอื่นกำลังตื่นเต้นกับฟุตบอลเอเชียนคัพมากแค่ไหน อย่างที่เวียดนาม มีการกิจกรรมให้แฟนบอลมาร่วมเชียร์ผ่านจอยักษ์หรือตามร้านอาหาร เหมือนที่เรามีกิจกกรมแบบเดียวกันในช่วงฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร
เมื่อเวียดนามผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แฟนทัพดาวทองได้ออกมาฉลองกันเต็มท้องถนนของกรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ มีขบวนมอเตอร์ไซด์ขี่วนรอบเมืองฉลองชัยชนะ บ่งบอกได้ว่าชาวเวียดนามให้ความสำคัญกับเอเชียนคัพมากแค่ไหน
ขณะเดียวกัน DW Sport สื่อของประเทศเยอรมันให้ความสำคัญกับรายการนี้ ลงทุนเดินทางไปยังหลายประเทศที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพื่อหาข้อมูลของแต่ละทีม และตามติดการแข่งขันรายการนี้อย่างใกล้ชิดที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
แต่ในประเทศไทย ประเทศในทวีปเอเชีย ประเทศที่ได้ไปแข่งเอเชียนคัพในรอบสุดท้าย ถึงไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือมีกระแสกับฟุตบอลรายการนี้ ทั้งที่ควรเป็นรายการใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย เป็นรายการที่ใกล้ตัวคนไทย สามารถสัมผัสได้จริง เป็นการแข่งขันที่คนไทยควรตื่นเต้นมากที่สุด
หรือเพราะมันมีปัจจัยอย่างอื่นที่ประกอบรวมกันที่ทำให้ คนไทย ไม่ตื่นเต้นฟุตบอลเอเชียน คัพ?
ย้อนไปช่วงกลางปีที่แล้ว ตอนช่วงฟุตบอลโลก 2018 ฟาดแข้ง ผู้คนต่างรับรู้ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว กระแสของฟุตบอลโลกได้ตลอดเวลา แม้ประเทศไทยจะไม่ได้เข้าร่วมในการแข่งขันในรอบสุดท้ายก็ตาม
ห้างสรรพสินค้า, สถานีรถไฟฟ้า, สนามบอลแข่งไทยลีก, ร้านอาหาร ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ก็มีกิจกรรมเกี่ยวกับฟุตบอลโลกให้เข้าร่วมอยู่ด้วยเสมอ เปิดโทรทัศน์ อ่านหนังสือพิมพ์ หรือท่องโลกอินเตอร์เน็ต ก็ได้เจอข่าวสารและบทความเกี่ยวกับเรื่องราวในฟุตบอลโลกอยู่ตลอด
คนไทยส่วนใหญ่จะตื่นเต้นกับฟุตบอลโลกคงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสื่อมีบทบาทสำคัญในการทำให้การแข่งขันฟุตบอลโลกเข้ามาอยู่ใกล้ตัว สามารถเข้าถึงและสัมผัสได้
ประกอบกับการรับชมฟุตบอลโลกก็เป็นเรื่องง่ายดาย เพียงแค่มีทีวีกับกล่องทีวีดิจิทัล แค่สองอย่างก็สามารถดูฟุตบอลโลกได้ทุกการแข่งขัน
ต่อให้ไม่ได้เป็นแฟนฟุตบอล เชื่อว่าคนไทยจำนวนมากก็ได้ร่วมกิจกรรมลุ้นโชคกับไปรษณีย์ไทย ผ่านการทายผลทีมแชมป์ในฟุตบอลโลก
หากเปลี่ยนเป็นรายการฟุตบอลยูโร กระแสความตื่นตัวของสื่อในเมืองไทยก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก เพราะการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของการแข่งขันฟุตบอลยูโร รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจากช่วงฟุตบอลโลก
ในกรณีของฟุตบอลยูโร เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่าฟุตบอลโลกเสียด้วยซ้ำ เพราะนี่คือรายการที่ทีมชาติไทยไม่เคยไปเตะแม้แต่นัดเดียวไม่ว่าจะในรอบไหน และจะไม่มีทางได้ไปเตะแน่นอน แต่คนไทยก็ยังให้ความสนใจและติดตามฟุตบอลยูโรในทุกครั้งที่จัดขึ้น
ไม่ใช่สื่ออย่างเดียวที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนกระแสของฟุตบอลยูโรและฟุตบอลโลก แต่ทั้งภาครัฐและเอกชนก้มีส่วนในการสร้างกระแสฟุตบอลทั้งสองรายการในเมืองไทย
ช่วงฟุตบอลยูโร และฟุตบอลโลก มีกิจกรรมน่าสนใจทั้ง นำสัตว์มาทายผลการเเข่งขัน เช่น “ช่วงช่วง-หลินฮุ้ย” สองหมีแพนด้าชื่อดังประจำสวนสัตว์เชียงใหม่ มากินใบไผ่ทายผลการแข่งขัน ในช่วงยูโร 2016 หรือ การจัดกิจกรรมเสวนาทางวิชาการ
สื่อและบริษัทเอกชนมีชื่อเสียงจัดกิจกรรมมากมาย รวมถึงร้านอาหารยามค่ำคืนทั่วไปที่จัดงานต่างๆในร้านของตัวเอง เวลามีฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ลงเตะแบบนี้อยู่แล้ว
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ทุกภาคส่วน ออกมามีส่วนร่วมในช่วงฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร เป็นเพราะฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ทั้งสองรายการสามารถให้ผลประโยชน์ทางธุรกิจแก่ผู้เกี่ยวข้อง
ตั้งแต่รายเล็กอย่างร้านอาหารที่มีคนเข้าร้านมากขึ้น ไปจนถึงสื่อยักษ์ใหญ่ที่ได้ผลประโยชน์จากค่าโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้น เช่น สื่อโทรทัศน์ที่มีการคาดการณ์ว่า ได้รับเงินค่าโฆษณาในช่วงฟุตบอลยูโร 2016 มากกว่าปกติ 500 ล้านบาท และในช่วงฟุตบอลโลก 2018 มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 680 ล้านบาท
ส่วนบริษัทเอกชน ยอมทุ่มเงิน ทั้งลงโฆษณาบนสื่อต่างๆ และจัดกิจกรรมในช่วงที่มีการแข่งขัน เพราะมีโพลที่ออกผลสำรวจว่า มีคนไทยมากถึงร้อยละ 95 ที่ให้การติดตามฟุตบอลยูโรและฟุตบอลโลกในครั้งล่าสุด รวมถึงการพร้อมลงเงินประมูลค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก กับยูโร กันอย่างดุเดือด จนมูลค่าลิขสิทธิ์ของสองรายการนี้พุ่งขึ้นสูงมากกว่า 1 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าในช่วงที่ฟุตบอลโลกและยูโรทำการแข่งขัน จะมีเงินสะพัดในประเทศมากกว่า 6 พันล้านบาท แต่เราอาจไม่ได้เห็นข้อมูลในจุดนี้ของฟุตบอลเอเชียนคัพ อาจเป็นเพราะไม่มีเงินสะพัดในช่วงการแข่งขัน หรือไม่ก็ไม่มีใครสนใจฟุตบอลรายการนี้ จนอยากลุกขึ้นมาหาข้อมูลและสถิติต่างๆ
เป็นข้อสรุปที่ว่า ปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้ทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมในทำกิจกรรมกระแสฟุตบอล ทั้งสองรายการ เป็นเพราะฟุตบอลโลก และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป สามารถสร้างผลประโยชน์ ให้กับกิจการหรือธุรกิจ
และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ กระแสเอเชียนคัพ ไม่ค่อยบูมในไทย เป็นเพราะฟุตบอลรายการนี้ไม่สามารถสร้างมูลค่าและรายได้ให้กับธุรกิจเท่าที่ควร
ความสนใจของแฟนบอล = มูลค่าของการแข่งขัน
ทั้งในโลกฟุตบอลและโลกปัจจุบันล้วนถูกครอบงำด้วยแนวคิดทุนนิยม ซึ่งมีกฎดีมานด์-ซัพพลาย (อุปสงค์-อุปทาน) เป็นหลักพื้นฐานควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์อยู่ในปัจจุบัน เมื่อมีคนอยากซื้อ เมื่อนั้นก็คนขาย ในทางตรงกันข้ามถ้าไม่คนซื้อก็ไม่มีคนขาย
กระแสฟุตบอลก็เช่นเดียวกัน หากสื่อพยายามจะโปรโมตสร้างกระแสเอเชียนคัพ หรือบริษัทเอกชนขยับทำกิจกรรมเพื่อกระตุ้นแฟนบอลให้ตื่นเต้นกับฟุตบอลรายการนี้ ทว่าหากท้ายที่สุด ไม่มีแฟนฟุตบอลชาวไทยให้ความสนใจทุกอย่างก็จบ…
ต้องยอมรับว่ากระแสความสนใจฟุตบอลเอเชียในบ้านเรานั้น ยังมีน้อย แม้กระแสฟุตบอลของเจลีก จะได้รับความสนใจมากขึ้นจากแฟนบอลชาวไทย เพราะมีนักเตะไทยไปวาดลวดลายที่ดินแดนปลาดิบ
แต่จะมีคนไทยสักกี่คน ที่สนใจฟุตบอลลีกในเอเชียเเบบเป็นจริงจังเป็นจัง ดูฟุตบอลเจลีก, ไชนีส ซุปเปอร์ ลีก, เค ลีก เยอะกว่าดูฟุตบอลในลีกยุโรป
มองไปที่ฟุตบอลถ้วยประจำทวีปของระดับสโมสรอย่าง เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก หากเปรียบเทียบกับยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จำนวนแฟนบอลไทยที่ติดตามฟุตบอล ถ้วยบิ๊กเอียร์ของยุโรป ห่างกับจำนวนแฟนบอลที่ติดตามถ้วยเอซีแอลแบบไม่เห็นฝุ่น
ถึงแม้ว่าในทุกๆปี จะมีตัวแทนสโมสรไทย เข้าไปแข่งในรอบสุดท้ายอยู่ตลอด ก็สร้างความสนใจแก่แฟนบอลชาวไทยได้ชั่วคราว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวแทนสโมสรไทย ตกรอบ ก็แทบจะไม่เหลือแฟนบอลติดตามรายการนี้ต่อจนจบ ยิ่งโดยเฉพาะคู่ในสายเอเชียตะวันตก ในกลุ่มประเทศอาหรับ
วสันต์ จันทร์ประนต เจ้าของเพจ “สารานุกรมฟุตบอลไทย” บนเฟซบุ๊ค ผู้ติดตามดูฟุตบอลเอเชียอย่างจริงจังมาตลอดหลายปี ได้บอกอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฟุตบอลเอเชียนคัพไม่เป็นที่ติดตามของแฟนบอลชาวไทย คือเรื่องของคุณภาพในการแข่งขัน
“สมัยก่อนคุณภาพการเล่นของฟุตบอลเอเชียยังต่างจากฟุตบอลยุโรปพอสมควร มีทีมเก่งแค่ไม่กี่ทีม ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้, อิหร่าน และซาอุดิอาระเบีย ทีมที่เข้ารอบลึกก็วนอยู่ที่ 4 ทีมที่เหลือเข้าไปเตะก็โดนถล่ม ตกรอบกลับบ้าน”
“พอศักยภาพของทีมเกรดเอกับทีมอื่นห่างกันมาก ความสนุกความน่าตื่นเต้นก็ลดลง ไม่มีพลิคล็อค ไม่มีเซอร์ไพรซ์ เอเชียนคัพเลยดูไม่น่าติดตาม เทียบกับฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลยูโร ที่มีทีมเล็กล้มทีมใหญ่ตลอด”
นอกจากนี้ โดยพื้นฐาน แฟนบอลชาวไทย ติดตามฟุตบอลยุโรปกันมาตั้งแต่เด็ก จากนำเสนอของสื่อกีฬาในยุคอดีต ทำให้มีความผูกพันกับฟุตบอลต่างประเทศมาอย่างยาวนาน แม้ว่าประเทศไทย จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟุตบอลเหล่านั้นโดยตรง
“ความผูกพัน” เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แฟนบอลไทยติดตามฟุตบอลยุโรปในระดับทีมชาติ ต่อเนื่องจากสโมสร การได้เห็นนักบอลอย่าง เมสซี่, โรนัลโด้, เนย์มาร์ ลงฟาดแข้งในทีมระดับชาติ ก็เป็นเรื่องง่ายที่แฟนบอลจะตามไปเชียร์ทีมชาติของผู้เล่นในดวงใจ
เราถึงได้เห็นชาวไทยจำนวนไม่น้อยให้การสนับสนุนทีมชาติอังกฤษ จากความผูกพันที่มีต่อพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ตรงข้ามกับ สโมสร หรือชาติในเอเชีย แฟนบอลชาวไทย ไม่ได้มีความผูกพันมากเท่าใดนัก ดังนั้น แฟนบอลทีมชาติไทยทุกคน จะตามเชียร์ในรายการเหล่านี้ เฉพาะแค่ช่วงที่มีตัวแทนของพวกเขาลงแข่งขัน ที่เหลือไม่ได้สร้างแรงดึงดูด ความผูกพันมากพอที่ทำให้ คนไทย อยากมาติดตามรายการนี้ต่ออย่างจริงจัง แม้ในวันที่ทีมชาติไทย ตกรอบไปแล้วก็ตาม
ดูเอเชียนคัพ ได้อะไร?
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปลุกกระแสฟุตบอลเอเชียนคัพในเมืองไทย แต่สำหรับฟุตบอลประจำทวีปของเราแล้ว คงเป็นเรื่องดีหากคนไทยตื่นเต้นกับฟุตบอลรายการนี้ มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
วสันต์ จันทร์ประนต ที่ติดตามชม ศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ 2019 เกือบทุกนัด มองว่าฟุตบอลทัวร์นาเมนต์นี้ ก็มีความน่าตื่นเต้นและน่าสนใจในแบบของตัวเอง ที่จะหาไม่ได้ในฟุตบอลรายการอื่น ซึ่งสามารถเป็นจุดที่สร้างความน่าตื่นเต้นให้กับแฟนบอลที่ติดตามได้
“ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่ใหญ่และมีความแตกต่างทางเชื้อชาติ ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรม ทำให้สไตล์ฟุตบอลของทีมในเอเชียแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน”
“ซึ่งตรงนี้เป็นจุดดีมากสำหรับฟุตบอลเอเชียนคัพ เพราะทำให้แฟนบอลมีโอกาสได้ดูบอลหลายสไตล์ในรายการเดียว อย่างออสเตรเลียเล่นฟุตบอลแบบยุโรป แบบบอลอังกฤษโบราณ ชาติอาหรับก็เน้นใช้เรื่องพละกำลัง ความสามารถเฉพาะตัว”
“หรือพวกประเทศที่แยกตัวออกมาจากรัสเซีย อย่าง อุซเบกิสถาน, คีร์กีซสถาน, เติร์กเมนิสถาน เขาก็จะเล่นฟุตบอลแบบยุโรปตะวันออก ส่วนทีมอย่างญี่ปุ่น, จีน, เกาหลีใต้ ก็เล่นอีกแบบ แตกต่างกันไปหมด”
“แต่ถ้าเราไปดูฟุตบอลทวีปอื่น อเมริกาใต้, แอฟริกา หรือยุโรป ความแตกต่างและความหมลากหลายในการเล่น มีไม่มากเท่าเอเชีย ผมมองว่าจุดนี้คือจุดแข็งและจุดเด่นของเอเชียนคัพ”
นอกจากนี้แล้ว คุณวสันต์ยังให้ความเห็นว่าในปัจจุบันฟุตบอลเอเชียนคัพมีความสนุกมากกว่าในอดีตอยู่มาก ทั้งเรื่องแทคติคและคุณภาพฟุตบอลที่พัฒนาขึ้น มีนักเตะเอเชียที่ไปค้าแข้งที่ยุโรปลงฟาดแข้งในรายการนี้ ทำให้ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียมีน่าติดตามมากว่าในอดีต
“ทุกวันนี้ฟุตบอลเอเชียพัฒนาขึ้นมาก ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดทีมในเอเชียเก็บชัยชนะได้ทุกทีม ส่วนพวกทีมเกรดบียุคนี้ สามารถสู้กับทีมใหญ่ในทวีปได้สูสีมากขึ้น ทีมอย่างกาตาร์,อิรัก,จอร์แดน,ซีเรีย รวมถึงเวียดนามและทีมชาติไทย ทีมเหล่านี้พัฒนาขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะมาก”
“พอฟุตบอลมีความสูสี ความสนุกก็มีมากขึ้น ผมเซอร์ไพรซ์กับเอเชียนคัพครั้งนี้มาก เพราะดูสนุกเกือบทุกคู่ ทีมอย่างฟิลลิปปินส์ทุกวันนี้สู้ได้สูสีกับเกาหลีใต้ หรือเวียดนามก็เกือบชนะอิรักได้ตั้งแต่นัดแรก”
แม้ในปัจจุบันฟุตบอลเอเชียนคัพจะน่าติดตามกว่าในอดีต แต่สิ่งที่จะทำให้แฟนบอลชาวไทย หันมาติดตามฟุตบอลรายการนี้ได้มากที่สุดก็คือ “ทีมชาติไทย” การร้างลาจากรอบสุดท้ายนานถึง 12 ปี ยิ่งทำให้ความผูกพันกับรายการนี้ลดลงไปมาก เมือ่ได้กลับมาฟาดแข้งอีกครั้ง
ดังนั้น หากทีมชาติไทย สามารถกลายเป็นทีมขาประจำของฟุตบอลรายการนี้ ต่อสู้กับทีมใหญ่ในทวีปได้อย่างสูสี แฟนบอลไทยก็จะหันมาตื่นเต้นและสนใจฟุตบอลเอเชี่ยนคัพมากขึ้น
“สำหรับผมแล้วฟุตบอลเอเชียนคัพ คือฟุตบอลที่คนไทยควรดู แม้ว่าทีมชาติไทยจะตกรอบไปแล้ว หรือไม่ได้เข้าไปแข่งขันรอบสุดท้ายก็ตาม เพราะจะช่วยให้เรารู้จักฟุตบอลชาติอื่นในเอเชีย เราจะได้รู้ว่ามาตรฐานของฟุตบอลเอเชียทุกวันนี้พัฒนาไปไกลแค่ไหน"
“เราต้องติดตามเอเชียนคัพหรือฟุตบอลเอเชีย เพราะฟุตบอลรายการนี้ให้ความรู้แฟนบอลได้ และใกล้ตัวกว่าฟุตบอลยุโรป ถ้าเราอยากพัฒนาทีมตามประเทศชั้นนำ การติดตามฟุตบอลเอเชียให้ความรู้ว่าถ้าเราอยากจะเล่นแบบเกาหลี มีนักเตะแบบญี่ปุ่นต้องทำแบบไหน”
“ทุกวันนี้นักบอลเอเชียไปเล่นที่ยุโรปเยอะมาก ฟุตบอลก็มีคุณภาพมากกว่าสมัยก่อน ถ้าแฟนบอลไทยสนใจฟุตบอลเอเชียมากขึ้น ผมว่ามั่นจะเป็นประโยชน์กับวงการฟุตบอลไทย” วสันต์ แฟนบอลทีมชาติไทย กล่าวทิ้งท้าย
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ