ไล่โอตาเมนดี้! แต่ แมนฯซิตี้ ยังแกร่ง พลิกแซงเชือด ชาลเก้ 3-2

ไล่โอตาเมนดี้! แต่ แมนฯซิตี้ ยังแกร่ง พลิกแซงเชือด ชาลเก้ 3-2

ไล่โอตาเมนดี้! แต่ แมนฯซิตี้ ยังแกร่ง พลิกแซงเชือด ชาลเก้ 3-2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผลการแข่งขัน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก 2018/19
รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก

ชาลเก้ 04  2-3  แมนเชสเตอร์ ซิตี้

คืนวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562

สนาม : อาเรนา เอาฟ์ชาลเก้

  • ชาลเก้ มาในระบบ 3-5-2 โดยมี มาร์ค อูธ ยืนหน้าเป้าคู่กับ ฮัมซา เมนดิล กองหน้าจำเป็น มี นาบิล เบ็นทาเล็บ ห้องเครื่องของทีมคุมเกมกลางสนาม ด้ายผู้มาเยือนจัดชุดลุยแหลก 3-4-3 นำโดย เซร์คิโอ อเกวโร, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ราฮีม สเตอร์ลิง ล่าตาข่าย
  • เริ่มเกมมาทีมเยือนเป็นฝ่ายครองบอลกดดันเจ้าบ้านได้ก่อน แต่ความีวินับของแนวรับทำให้ ชาลเก้ ยังรอดตัวไปได้ นาทีที่ 7 ซิตี้ ได้โอกาสจัง ๆ ครั้งแรกจากจังหวะลูกฟรีคิกลูกสูตร ซิลบา โยนเข้าเขตโทษให้ อเกวโณ ไดโขกเหน่ง ๆ แต่ แฟห์รมันน์ ปัดออกไปได้
  • ซิตี้ ยังทำได้ดีกว่าต่อเนื่อง ในนาทีที่ 16  เดอ บรอยน์ ฉกบอลไปได้จากบริเวณกลางสนาม พาบอลลุยขึ้นหน้ามาเอง ก่อนได้ลองยิงไกล แต่ แฟห์รมันน์ รับสบาย หลังจากนั้นไม่นาน อเกวโร ได้สับไกในกรอบเขตโทษ แต่บอลแฉลบ เมนดิล ออกหลัง
  • นาทีที่ 18 ชาลเก้ มาเสียประตูจากความผิดพลาดของพวกเขาเอง ราล์ฟ แฟห์ร์มันน์ ออกบอลสั้นให้ ซาลิฟ ซาเน แต่กองหลังชาวเซเนกัล เหม่อไปหน่อยจนโดนฉกบอลไป ซิลบา ฉกบอลไปได้ จังหวะสุดท้ายตบเข้าดลางให้ อเกวโร แปบอลใส่ประตูโล่ง ๆ ไม่เหลือ

Sergio AgueroSoccrates Images/GettyImages

David Silva,Raheem Sterling,Sergio AgueroSoccrates Images/GettyImages

  • ชาลเก้ มาได้โอกาสยิงจัง ๆ ครังแรกเอาในนาทีที่ 25 เมื่อ มาร์ค อูธ ได้ทำบอลสวนกลับ ก่อนมีโอกาสปั่นโค้งจากนอกกรอบ แต่บอลหลุดเสาออกไป
  • ซิตี้ มาถึงคราวเครียดบ้าง เมื่อ ดาเนียล คาลิกูรี ยิงไกลไปโดนแขนของ โอตาเมนดี้ ในเขตโทษ แม้ทั้งทีมพยายามจะช่วยกันป้องว่าเขาพยายามเอี้ยวแขนหลบแล้ว แต่จากภาพช้านั้นชัดเจนมาก และทีมตัดสิน VAR ก็เห็นสมควรที่จะให้จุดโทษแก้ ชาลเก้ ซึ่ง เบ็นทาเล็บ ก็สังหารเข้าไปอย่างเฉียบขาด

Nabil BentalebDean Mouhtaropoulos/GettyImages Nabil BentalebDean Mouhtaropoulos/GettyImages

  • ซิตี้ มาพลาดสียจุดโทษอย่างต่อเนื่อง เมื่อ แฟร์นันดินโญ ไปรั้ง ซาลิฟ ซาเน ล้มในเขตโทษ นาบิล เบ็นทาเล็บ สังหารไม่พลาดอีกครั้ง ชาลเก้ พลิกขึ้นนำ 2-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

Nabil BentalebStuart Franklin/GettyImages

FBL-EUR-C1-SCHALKE-MANCHESTERODD ANDERSEN/GettyImages

  • เริ่มครึ่งหลัง ซิตี้ ยังคงเป็นฝ่ายบุกหนักเช่นเคย เควิน เดอ บรอยน์ ได้โอกาสลองยิง แต่บอลก็ไปแฉลบแนวรับเจ้าถิ่นออกหลัง โอกาสของ อเกวโร กับ กุนโดกัน หลังจากนั้นก็ยังไม่ตรงกรอบ
  • นาทีที่ 68 ซิตี้ มาเสียเปรียบหนักกว่าเก่า เมื่อ โอตาเมนดี้ ไปเตะ เบิร์กสตัลเลอร์ แบบไม่จำเป็นจากจังหวะกำลังโดนพลิกหนี ผู้ตัดสินชาวสเปนชักใบเหลืองที่ 2 และใบแดงไล่ออกทันที เป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องส่ง แว็งซ็องต์ ก็อมปานี ลงมาในสนามแทน ดาบิด ซิลบา

FBL-EUR-C1-SCHALKE-MANCHESTERPATRIK STOLLARZ/GettyImages

  • ทีมเยือนพยายามอย่างหนักที่จะเอาประตูตีเสมอ เดอ บอรยน์ ได้โอกาสปั่นฟรีคิกระยะหวังผล บอลไปแฉลบกำแพงออกหลังแบบหวุดหวิด ส่วน แบร์นาร์โด้ ได้โอกาสพาอบอลไปยิงหน้ากรอบเขตโทษ แต่ข้ามคานออกไป
  • ความพยายามของ ซิตี้ มาสัมฤทธิ์ผลเอาในนาทีที่ 85 เมื่อพวกเขาได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผล คราวนี้ เลรอย ซาเน รับหน้าที่สังหาร แบะเขาก็ทำได้ดีสุด ๆ เมื่อบอลติดไซด์เสียบเสาเข้าไป

Leroy SaneMaja Hitij/GettyImages Fernandinho,Ilkay Gundogan,Kyle Walker,Leroy SaneSoccrates Images/GettyImages

  • ในนาทีสุดท้ายของเกม เจ้าบ้านแทบฝันสลาย เมื่อบอลสวนกลับยาวจาก เอแดร์ซอน สัมฤทธิ์ผล ราฮีม สเตอร์ลิง ได้บอลก่อน โอชิปก้า ก่อนหลุดเข้าไปยิงผ่าน แฟห์รมันน์ สบาย ๆ ซิตี้ พลิกนำ 3-2 และจบเกมด้วยสกอร์นี้

FBL-EUR-C1-SCHALKE-MANCHESTERODD ANDERSEN/GettyImages FBL-EUR-C1-SCHALKE-MANCHESTERODD ANDERSEN/GettyImages

ชาลเก้ โอกาสยังมี แต่พวกเขาต้องยิง ซิตี้ ให้ได้ 2 ลูกขึ้นไป หรือไม่งั้นก็ต้องบุกเชือด 3-2 เป็นอย่างน้อยเพื่อต่อเวลาพิเศษ ซึ่งก็เป็นงานยากทั้งคู่ ในขณะที่ ซิตี้ ขอแค่เสมอหรือแพ้แค่ 0-1 กับ 1-2 ในบ้านตัวเองก็เพียงพอแล้วที่จะเข้ารอบ โดยเกมนัดต่อไปจะมีขึ้นในคืนวันพุธที่ 12 มีนาคมนี้

รายชื่อ 11 ตัวจริง

ชาลเก้ :

  1. แฟห์รมันน์
  2. ซาลิฟ ซาเน
  3. นาสตาสิช
  4. บรูมา
  5. โอชิปก้า
  6. เบ็นทาเล็บ
  7. เซร์ดาร์
  8. แมคเคนนี
  9. คาลิกูรี
  10. อูธ
  11. เมนดิล

ตัวสำรอง : นือเบล, รูดี้, มาตอนโด, เบิร์กสตัลเลอร์, สเคอชิบสกี้, ฮาริต, คูตูจู

แมนฯ ซิตี้ :

  1. เอแดร์ซอน
  2. วอล์กเกอร์
  3. โอตาเมนดี้
  4. ลาปอร์ต
  5. แฟร์นันดินโญ
  6. กุนโดกัน
  7. เดอ บรอยน์
  8. ซิลบา
  9. แบร์นาร์โด้
  10. สเตอร์ลิง
  11. อเกวโร

ตัวสำรอง : มูริช, ดานิโล, ก็อมปานี, ซินเชนโก้, โฟเด้น, เลรอย ซาเน, มาห์เรซ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook