กฎ vs ความรู้สึก : ถูกหรือผิดที่ "เกปา" ไม่ยอมออกจากสนาม?

กฎ vs ความรู้สึก : ถูกหรือผิดที่ "เกปา" ไม่ยอมออกจากสนาม?

กฎ vs ความรู้สึก : ถูกหรือผิดที่ "เกปา" ไม่ยอมออกจากสนาม?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ผมไม่รู้ว่าภาพมันออกมายังไง มันไม่ใช่ภาพที่ดีนัก ผมคุยกับบอสแล้ว ผมว่ามันเป็นความเข้าใจผิด" เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ตอบประเด็นร้อนที่สุดกับสำหรับฟุตบอลอังกฤษ ณ เวลานี้หลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ 2019

เกมนัดชิงถ้วยแรกของอังกฤษ เป็นไปอย่างน่าเบื่อสำหรับแฟนบอลที่ต้องการเสพความเอ็นเตอร์เทน เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยเอาชนะ เชลซี ถึง 6-0 ใน 2 สัปดาห์ก่อน กลับเจอกับสไตล์การเล่นที่ชวนทะเลาะของ เชลซี ในเกมนัดนี้ "สิงห์บลูส์" มาด้วยเกมรับที่ยอดเยี่ยมตลอด 119 นาที จนกระทั่งมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในนาที 120 หรือช่วงนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษขณะที่ยังเสมอกัน 0-0

นายทวารค่าตัวแพงที่สุดในโลกล้มลงจากจังหวะลูกกลางอากาศก่อนจะแสดงท่าทางเหมือนกับว่า "เป็นตะคริว" จนทำให้ทีมแพทย์ต้องเข้ามาปฐมพยาบาลร่วม 3 นาที เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือของทีมสั่งให้ วิลลี่ กาบาเยโร่ ประตูมือ 2 ถอดชุดวอร์มและสวมถุงมือเพื่อลงไปทำหน้าที่แทน แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อ เกปา ลุกขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บและยืนยันชัดเจนว่า "ผมไม่ออก"

ภาพที่ปรากฎต่อจากนั้นคือการตะโกนใส่กันระหว่าง เกปา ที่อยู่ในสนามและ ซาร์รี่ ที่อยู่นอกสนามโดยคนที่น่าสงสารที่สุดคือ กาบาเยโร่ ที่ผุดลุกผุดนั่งทำตัวไม่ถูก จะเดินลงสนามก็ไม่ได้เพราะเพื่อนไม่ยินยอมเปลี่ยนตัว และเมื่อเขากลับไปนั่งที่ม้านั่งสำรองเพราะลงไม่ได้เขาก็ถูก ซาร์รี่ ระเบิดอารมรณ์ใส่อีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นการโดนแบบทั้งขึ้นทั้งล่องเลยทีเดียว

ประเด็นทั้งหมดคงจบไปหาก เชลซี สามารถเป็นฝ่ายเอาชนะในการดวลจุดโทษ แต่เมื่อมันจบอีกแบบเมื่อพวกเขาได้รับความพ่ายแพ้จึงมีคำถามว่า "เรื่องนี้ใครผิดกันแน่?"

ว่ากันด้วยกฎ
เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ โลกฟุตบอลมีนักเตะแบดบอยมากมายโดยนักเตะกลุ่มนี้เป็นพวกที่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นหลัก และมองเหตุผลเป็นเรื่องรองลงมา ยกตัวอย่างเช่น ปอล ป็อกบา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ โชเซ่ มูรินโญ่ เสมอในช่วงเวลาที่ร่วมงานกันกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนต็ด

000_1aj5a7
ในปี 2018 แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมานำ บอร์นมัธ 2-0 และด้วยเหตุผลทางแท็คติกทำให้ มูรินโญ่ เลือกจะเปลี่ยนป็อกบาออกในช่วงท้ายเกม นาทีนั้นสีหน้าของ ป็อกบา ฉุนสุดๆ ชนิดที่ว่าเป็นภาษากายที่เห็นได้อย่างชัดเจน เขาเดินโยกไหล่พร้อมกับสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมายังม้านั่งสำรอง และเดินผ่าน มูรินโญ่ ไปราวกับว่า "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ไม่มีตัวตนก่อนจะมาจับมือกับ รุย ฟาเรีย ที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม และเดินเข้าห้องพักไปก่อนโดยที่ไม่รอให้เกมจบ

อาการของป็อกบา คล้ายๆ กับ เกปา ที่มีอาการฮึดฮัด แต่ต่างกันที่ตอนจบเขาไม่ได้ทำให้เรื่องนี้ยากสำหรับทุกฝ่ายนั่นคือการยอมออกมาแต่โดยดี แม้ว่าจะดูตึงเครียดหลังจากพ้นเส้นขอบสนามก็ตาม ต่างกับ เกปา ที่ยื้ดเวลาเกือบ 5 นาทีสุดท้ายก็ "ไม่ออก" จนซาร์รี่แทบฉีกเสื้อของตัวเองทิ้ง และเดินกลับห้องแต่งตัวด้วยความโมโห แน่นอน แฟนบอลทั่วโลกตะลึงกับสิ่งนี้เพราะแม้แต่ จอห์น มอสส์ กรรมการในวันนั้นก็ยังเดินงงไปไม่ถูกไม่รู้จะจัดการอย่างไร

อย่างไรก็ตามเมื่อพลิกกฎของสมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือ FA ดูแล้วกลับพบว่าไม่มีใครทำอะไร เกปา ได้หากเขาเลือกที่จะไม่เดินออกสนาม

000_1du00c
กฎข้อที่ 3 ของการเปลี่ยนตัวของ FA ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนตัวมีดังนี้
 
1. จะต้องแจ้งผู้ตัดสินก่อนจะทำการเปลี่ยนตัวใดๆ

2. ผู้เล่นที่จะลงสนามต้องได้รับสัญญาณจากกรรมการเสียก่อน เว้นแต่ว่านักเตะที่โดนเปลี่ยนออกนั้นจะเดินออกนอกสนามไปแล้ว  

3. ผู้เล่นที่โดนเปลี่ยนออกจะเดินออกนอกสนามจากจุดไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาที่เส้นกึ่งกลาง
 
และข้อที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ที่สุดคือข้อที่ 4 ที่ระบุไว้ว่า "หากผู้เล่นที่โดนเปลี่ยนตัวออกไม่ยอมออกจากสนาม เกมต้องดำเนินต่อไป" นั่นเท่ากับว่าไม่มีใครทำอะไร เกปา ได้เลยหากเขาไม่คิดที่จะออกจากสนาม หรืออย่างดีที่สุดที่ จอห์น มอสส์ ทำได้คือการให้ใบเหลืองกับนายทวารชาวสเปนในข้อหา "จงใจถ่วงเวลา" เท่านั้น

บทสรุปคือเมื่อกางกฎออกตัดสินกันเเล้ว เกปา ไม่ผิดแน่นอน แต่เขาก็โชคดีที่ไม่โดนใบเหลืองเพราะว่าในที่สุดเเล้ว ซาร์รี่ เป็นฝ่ายยอมที่จะไม่เอา กาบาเยโร่ ลงมาเพราะเจอการยืนกรานที่ชัดเจนจากเบอร์ 1 ของทีม

เกมดำเนินต่อไปตามกฎที่ว่าไว้ และมาถึงช่วงดวลจุดโทษจนได้ผู้ชนะอย่างที่เรารู้กัน ทว่าเมื่อนี่คือฟุตบอลอังกฤษ เรื่องดราม่าขายได้อย่างนี้จึงถูกขายออกไปจากหลายมุมมอง

000_1du0kc
ทำไมจึงต้องเปลี่ยน เกปา ออก?
แม้ว่า เกปา จะออกมายอมรับหลังเกมจบลงว่าเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด เเละสารภาพว่าการนอนเพราะตะคริวของเขาเป็นส่วนหนึ่งในแท็คติกดึงเวลาเพื่อให้เพื่อนๆ ได้พักหลังวิ่งกันมาร่วม 2 ชั่วโมง แต่สิ่งที่คนทั่วไปเห็นไม่ใช่แบบนั้น ภาพของ เกปา กลายเป็นลูกน้องที่ไม่เชื่อฟังหัวหน้า และเป็นคนที่ไร้ความเคารพต่อหน้าที่ตัวเอง

มีการกล่าวอ้างกันถึงฝีมือการเซฟจุดโทษของ วิลลี่ กาบาเยโร่ ว่าเข้าขั้นเก่งกาจและเดาใจเก่ง เหตุการณ์อ้างอิงคงต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 ที่ เรือใบสีฟ้า เข้าไปชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล ในรายการเดียวกันนี้(ตอนนั้นใช้ชื่อ แคปปิตอล วัน คัพ) และ กาบาเยโร่ จัดการเซฟลูกโทษของ ลูคัส เลว่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และอดัม ลัลลาน่า ได้สำเร็จ จน แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ไปครอง

"ผมจะบอกว่าผมได้ศึกษาการยิงลูกโทษของลิเวอร์พูลมาเป็นอย่างดีเลยล่ะ แต่ยังไงซะตอนสถานการณ์จริงผมก็ใช้สัญชาตญาณล้วนๆ เลยครับ" เมื่อ 2-3 ปีก่อนเขาว่าไว้เช่นนั้น

เป็นไปได้ว่า ซาร์รี่ เล็งเห็นจุดนี้จากตัว กาบาเยโร่ จึงหมายจะเอาลงมาแทน เกปา ที่สภาพอาจจะไม่สมบูรณ์หลังเป็นตะคริว (ก่อนจะรู้ความจริงทีหลัง) นอกจากนี้ กาบาเยโร่ นั้นอยู่กับ ซิตี้ มาถึง 3 ปี นักเตะของ ซิตี้ ที่เป็นคู่แข่งของ เชลซี ชุดนี้ คือคนที่เขาคุ้นเคยทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, กุน อเกวโร่,เควิน เดอบรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน และ แว็งซ็อง กอมปานี คือนักเตะที่ทันรุ่นกับ กาบาเยโร่ ทั้งหมด

000_1du004
"นักเตะ แมนฯ ซิตี้ ทุกคนรู้ดีว่า กาบาเยโร่ เซฟจุดโทษเก่งแค่ไหน เพราะเมื่อหลายปีก่อนเราก็เคยคว้าแชมป์ลีกคัพมาครองเพราะได้เขาโชว์เทพในการดวลกับ ลิเวอร์พูล นี่แหละ"  ก็องปานี ที่เป็นกัปตันของ ซิตี้ กล่าว ก่อนตบมุกส่งท้ายว่า

"ส่วนเรื่องที่ เกปา ปฏิเสธการเปลี่ยนตัวจนออกท่าทางแบบนั้น ผมก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เป็นนักฟุตบอลอาชีพมาเหมือนกัน หวังว่าคราวหน้าถ้าผมจะถูกเปลี่ยนตัวเดี๋ยวลองทำมั่ง เพราะไหนๆ ก็ได้ลงเล่นแล้ว อยากอยู่ให้ครบๆ จนจบเกมเหมือนกัน"

เห็นได้ชัดว่าเหตุผลด้านด้านสภาพร่างกายที่ เกปา ก่อให้มันเป็นประเด็นขึ้นมาเอง กับเหตุผลด้านเทคนิคในการเซฟจุดโทษของ กาบาเยโร่ ที่นักเตะของ ซิตี้ ก็ยังรู้พิษสงดี นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมเรื่อง เกปา ไม่ออกจึงเป็นดราม่าขนาดนี้  

จริงอยู่ที่การดวลจุดโทษมันออกได้ 2 หน้าดังนั้นจึงไม่อาจโทษเกปาได้คนเดียวได้ เรื่องนี้จะไม่เป็นประเด็นเลยหาก เชลซี ชนะ แต่เมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ การขุดคุ้ยจึงเกิดขึ้นและเป็นเรื่องใหญ่จนถึงตอนนี้

ในสถานการณ์ที่ร้อนรุ่มต้องชื่นชม ซาร์รี่ ด้วยที่จัดการเป็นฝ่ายขอโทษเองตามแบบฉบับของคนเป็นผู้ใหญ่ เขายอมรับว่าการสื่อสารที่ผิดพลาดทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันของทั้งสองฝั่ง แม้จะดูไม่น่าเชื่อและแปลกแต่เขาก็พูดออกมาเช่นนั้นจริงๆ และมันน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้สถานการณ์ในแคมป์นักเตะเชลซีซอฟต์ลงกว่าการสุมไฟด่าออกสื่อแบบที่ใครหลายคนคาด

000_1du00e
ถูกต้องไม่ถูกใจ
กูรูทุกสำนักฟันธงพร้อมกันหมดทั้ง อลัน เชียเร่อร์, คริส ซัตตัน และ เจมี่ เร้ดแน็ปป์ ที่เห็นไปทางเดียวกันว่าเรื่องนี้แม้จะไม่ผิดกฎแต่เกปาคือคนที่สมควรตำหนิที่สุด เพราะหน้าที่ของนักเตะคือการทำตามคำสั่งโค้ช และสิ่งที่เขาเเสดงออกมามันบ่งบอกถึงการไร้ความเคารพ ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจในการดวลจุดโทษตัดสินแชมป์แน่นอน

"ซาร์รี่ มีสิทธิ์ที่จะด่า เกปา เต็มที่ มันเป็นเรื่องของการเคารพกัน เกปาทำให้ผู้จัดการทีมของเขาเป็นเหมือนไอ้หน้าโง่ต่อหน้าคนเป็นล้าน เรื่องในครั้งนี้อาจจะทำให้ ซาร์รี่ โดนปลดได้เลย" เชียเร่อร์ สรุปใจความเช่นนั้น

ปิดท้ายกันด้วย จอห์น เทอร์รี่ ตำนานกัปตันทีมของเชลซีที่ไม่ไว้หน้ารุ่นน้องเช่นกัน นี่คือเรื่องที่เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนทำมันจริงๆ แม้ว่ากฎจะบอกว่าสามารถทำได้ แต่สมควรแล้วหรือที่จะลืมหน้าที่ของตัวเองไป และคำว่าหน้าที่คือกฎที่นักฟุตบอลทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ

000_1d99hu
"ในฐานะที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ หากเบอร์ของคุณถูกยกขึ้นมาที่ข้างสนาม จะต้องยอมถูกเปลี่ยนตัวออกไปทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น มันเป็นกฏที่แน่นอนที่สุด ตั้งแต่เกิดมาคุณเคยเห็นนักเตะคนไหนโวยใส่ผู้จัดการจนต้องเปลี่ยนใจแบบนี้ไหม? ไม่มีทางเสียหรอก" เทอร์รี่ เผยมุมมองของตัวเอง

จริงอยู่ที่ว่ากันว่าเหรียญมี 2 ด้าน แต่ตอนนี้เรื่องของ เกปา เหมือนการโยนเหรียญ 10 ครั้งแล้วออกหัวทั้ง 9 ครั้ง เพราะกระแสที่เป็นอยู่ในตอนนี้มีแต่คนเลือกถือหาง ซาร์รี่ มากกว่า เกปา ไม่น้อยเลยทีเดียว

เขากำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และทำให้เพื่อนๆ ทั้งทีมถูกเหมารวมว่าเป็นกลุ่มนักเตะที่ได้รับสิทธิพิเศษจนสามารถไม่เห็นหัวโค้ชได้ และนี่คือภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นกับ สิงห์บลูส์ ในเวลานี้ แม้จะเป็นมานาน แต่ครั้งนี้ก็ถือว่าชัดเจนเห็นภาพพร้อมกันทั้งโลกเลยทีเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook