เก็บตก 5 ประเด็นร้อนหลัง แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ "ผีลงหลุม"
เก็บตก 5 ประเด็นร้อนหลัง แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ "ผีลงหลุม"
5. ความเป็นไปของเกม
แมนฯ ยูไนเต็ด เจ้าบ้านออกสตาร์ทได้อย่างมั่นใจและดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถแก้ตัวจากความพ่ายแพ้ยับเยินต่อ เอฟเวอร์ตัน 4-0 ในเกมก่อนหน้านี้ได้
ขณะที่ช่วงแรกของ แมนฯ ซิตี้ การผ่านบอลของพวกเขาไม่ได้เฉียบขาดเหมือนเช่นเคยและถูกบอลไดเร็กต์จากเกมสวนกลับของเจ้าถิ่นเกือบจะเล่นงานหลายต่อหลายหนโดยเฉพาะจังหวะหลุดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ถูก เอแดร์ซอน พุ่งออกมาบล็อกได้ทัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน จังหวะของ ยูไนเต็ด ก็ดูจะตกไปเล็กน้อยและ ซิตี้ กลายเป็นฝ่ายที่เหลื่อมกว่าก่อนจะได้โอกาสสองครั้งเหน่งๆ ในครึ่งแรกจากลูกยิงไกลเต็มข้อของ แบร์นาโด้ ตามด้วยการยิงในระยะเผาขนติดไปติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา ก่อนหมด 45 นาทีแรกไม่นาน
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในช่วงต้นครึ่งหลังเมื่อ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ถอดเอา แฟร์นันดินโญ ที่ได้รับบาดเจ็บออกและส่ง เลรอย ซาเน ลงมาเล่นแทนทำให้แนวรับของ ปีศาจแดง พะวงในการเล่นเกมรับมากยิ่งขึ้นก่อนที่ แบร์นาโด้ จะสังหารประตูแรก และโมเมนตัมของ เร้ดเดวิลส์ ก็หายไปหลังจากนั้น
ก่อนจะปิดท้ายด้วยประตูที่ 2 ของ ซาเน ส่งถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปอยู่ในมือทัพ ซิตีเซนส์
4. อันเดอร์เรท แบร์นาโด้
ใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018/19 ที่ชื่อของตัวเต็งรางวัลแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ มีทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิง กับ เวอร์จิล ฟาล ไดค์ เป็นตัวเต็งในซีซันที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เงียบไปกว่าเดิมเล็กน้อย แต่เราคิดว่า แบร์นาโด้ ซิลวา สมควรที่จะได้รับเครดิตมากกว่าที่เป็นอยู่จากผลงานของเขากับ เรือใบสีฟ้า ในเกมนี้
เจ้าตัวก้าวขึ้นมาแบกรับภาระในแดนกลางของทีมในช่วงที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องไร้แข้งตัวหลักจากฤดูกาลก่อนอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ จากปัญหาอาการบาดเจ็บ และยังทำผลงานได้ดีต่อเนื่องรวมทั้งได้ลงเป็นตัวหลักเมื่อ เคดีบี หายเจ็บกลับมาโดยเบียดนักเตะอย่าง เลรอย ซาเน หรือ ริยาด มาห์เรซ หลุดไปเป็นตัวสำรองขึ้นไปประจำการที่ริมเส้น
ซึ่งเมื่อมิดฟิลด์ชาว เบลเยียม ต้องพักยาวอีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซันก็ดูเหมือนว่า แบร์นาโด้ จะกลายเป็นหมากสำคัญที่จะทำให้ทัพ ซิตีเซนส์ เบียดซิวแชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาลนี้สำเร็จ
เกมนี้เจ้าตัวยังเป็นคนซัลโวประตูแรกให้กับทีมในครึ่งหลังจากจังหวะที่เลี้ยงจี้เข้าหา ลุค ชอว์ ก่อนจะโยกเปลี่ยนสปีดเข้าซ้ายอย่างรวดเร็วและสับไกเบียดเสาเป็นประตู
3. ความมั่นใจของ เด เคอา
ออกสตาร์ทในครึ่งแรกได้อย่างน่าประทับใจเมื่อมีช็อตเซฟโอกาสเหน่งๆ ของทีมเยือนถึง 2 ครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะมาเสีย 2 ประตูในครึ่งเวลาหลัง โดยที่ทั้งสองจังหวะ นายทวาวชาว สเปน น่าจะทำได้ดีกว่านี้
ไม่ว่าจะเป็นประตูแรกที่ถูกยิงเบียดเข้าเสาแรกอันเป็นพื้นที่ที่เจ้าตัวต้องรับผิดชอบ ขณะที่ประตูที่สองลูกยิงระดับเข่าของ ซาเน ดูจะตรงตัว เด เคอา ทว่าการใช้สัญชาตญาณป้องกันด้วยเข่าแทนที่จะล้มตัวปัดทำให้บอลเช็ดตุงตาข่ายอย่างน่าผิดหวัง
2. โอเล่ กุมขมับ
โอเล กุนนาร์ โซลชา ประเมินศักยภาพลูกทีมด้วยการยอมรับความเป็นจริงในเกมนี้โดยการจัดทัพในรูปแบบ 3-4-1-2 และมี 2 มิดฟิลด์เชิงรับคอยไล่บี้แย่งบอลอยู่เคียงข้าง ปอล ป็อกบา รวมทั้งพยายามใช้บอลข้ามแนวรับหรือเคาน์เตอร์แอทแท็คให้ เจสซี ลินการ์ด กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ประสานงานร่วมกับในแดนหน้า
ทุกอย่างดูสมเหตุสมผลเมื่อต้องต่อกรกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีความอันตรายในแนวรุกสุดๆ และโดดเด่นในการครอบครองบอล ซึ่งลูกทีมของ โซลชา ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถต่อกรกับคู่อริร่วมเมืองได้โดยเฉพาะในช่วงแรกของเกม ก่อนที่จะตกเป็นรองเมื่อ ซิตี้ ตั้งเกมได้และขาดตัวจุดประกายให้โมเมนตัมกลับมาไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวจริงหรือตัวสำรองก็ตาม
1. จบงานยากของ ซิตี้
2 เกมยากในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งได้แก่การดวลกับ สเปอร์ส (1-0) และ แมนฯ ยูไนเต็ด (2-0) พวกเขาสามารถเก็บชนะได้ทั้งหมด ไม่เสียประตู แถมยังเป็นการทำอันดับแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปรั้งอันดับที่ 1 ของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก หลังจบทั้งสองนัด
เชื่อเหลือเกินว่าจนถึงเวลานี้ บรรดาแข้ง เรือใบสีฟ้า มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยมหลังผ่านงานยากทั้งสองนัดมาได้ และจากนี้อีก 3 เกมก่อนจบซีซัน ถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 2 ติดต่อกันอยู่ในมือของพวกเขาเรียบร้อย
เว้นแต่ว่าจะเกิดปาฎิหาริย์ขึ้นในเกมที่เจอกับทีมหนีตกชั้นอย่าง เบิร์นลีย์ ในเกมต่อไป หรือ ไบรท์ตัน ในนัดสุดท้ายของซีซันของ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2018/19