7 เรื่องน่ารู้ของ "มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์" ปราการหลังเนื้อหอมที่สุดในโลก ณ เวลานี้
ในวัยเพียง 19 ปี มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ แห่งอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้กลายเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็กที่เนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งบนเวทีฟุตบอลยุโรป เมื่อทำผลงานให้กับต้นสังกัดได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ตกเป็นข่าวกับ เดอ ลิกต์ ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ
เราพาผู้อ่านไปสำรวจเส้นทางลูกหนังของ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ตั้งแต่เข้าร่วมกับสถาบันลูกหนังของอาแจ็กซ์ฯ ก่อนที่จะกลายเป็นปราการหลังที่ได้รับการจับตาที่สุดบนโลกฟุตบอลในเวลานี้
7. เจ้าหนูที่เชื่องช้า
มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ในวัย 9 ขวบเล่นให้กับสโมสรบ้านเกิดชานเมืองอัมสเตอร์ดัม ก่อนที่ฝีเท้าจะไปเตะตาสถาบันลูกหนังเยาวชนของอาแจ็กซ์ฯ
แม้เจ้าตัวจะถูกมองว่ารูปร่างเล็กและไม่ได้มีสปีดที่รวดเร็วนักในวัยเด็ก แต่ก็ได้รับความมั่นใจจากแมวมองว่าจะสามารถพัฒนาจุดด้อยดังกล่าวได้ในอนาคตก่อนที่จะได้เข้าร่วม ยอง อาแจ็กซ์ (ทีมเยาวชนของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม) ได้ในวัยดังกล่าว
6. ทะลุขึ้นสู่ชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 16 ปี
สิงหาคม 2016 เดอ ลิกต์ ก็ได้ประเดิมสนามให้กับอาแจ็กซ์ฯ เป็นเกมแรกด้วยวัยเพียง 16 ปี ก่อนที่เจ้าตัวจะได้ลงเล่นให้กับทีมทั้งหมด 17 เกมให้กับต้นสังกัดในฤดูกาล 2016-17 และกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศเกมเมเจอร์ของทวีปยุโรปด้วยอายุ 17 ปี 285 วันเมื่อได้ออกสตาร์ทศึกยูโรป้า ลีก นัดชิงชนะเลิศกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงท้ายของซีซั่น
เดอ ลิกต์ กลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนของอาแจ็กซ์ฯ ตั้งแต่ปีแรก ด้วยจุดเด่นในด้านการเซ็ตบอลที่เยือกเย็นจากแดนหลัง มีการผ่านบอลที่เฉียบขาดทั้งสองเท้า รวมทั้งการเติมเกมขึ้นไปมีส่วนร่วมกับลูกเซ็ตพีซที่เด็ดขาด
5. บ่อน้ำมันของทัพอัศวินสีส้ม
เดอ ลิกต์ ประเดิมสนามให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในวัยเพียง 17 ปี เมื่อเดือนมีนาคม 2017 และกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้ออกสตาร์ทให้กับพลพรรคฟลายอิ้งดัตช์แมน นับตั้งแต่ปี 1931 อีกด้วย
ภายใต้การคุมทีมของ แดนนี่ บลินด์ พวกเขาบุกไปดวลกับบัลแกเรีย ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก หากแต่บทบาทในการเซ็ตบอลจากแดนหลังของเจ้าตัวถูกบรรดาแข้งเจ้าบ้านกดดันอย่างหนักจนเกิดความผิดพลาดหลายครั้งหลายครา จนทำให้ทัพกังหันลมเป็นฝ่ายปราชัยไปด้วยสกอร์ 0-2 ซึ่งทั้งสองประตูดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดของ เดอ ลิกต์ นั่นเอง
ผลจากการแข่งขันในเกมดังกล่าวทำให้อัศวินสีส้มพลาดการร่วมโม่แข้งในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย และการบอกลาตำแหน่งนายใหญ่ของบลินด์ในที่สุด
4. แนวรับผลัดใบ
ดาบินซอน ซานเชซ ปราการหลังชาวโคลอมเบีย ที่เป็นตัวจริงให้กับอาแจ็กซ์ฯ อย่างต่อเนื่องในฤดูกาล 2016-17 ได้ย้ายสู่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อจบซีซั่น ทำให้ เดอ ลิกต์ ได้กลายเป็นแข้งตัวหลักของทีมในซีซั่นถัดมา
เดอ ลิกต์ ได้รับมอบปลอกแขนกัปตันทีมในเดือนมีนาคม 2018 เมื่อ โจเอล เวลต์มัน เจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมได้รับบาดเจ็บและปราการหลังวัยกระเตาะก็ได้ทำสถิติกลายเป็นกัปตันทีมอายุน้อยที่สุดของอาแจ็กซ์ฯ
3. ประกาศศักดาคว้ารางวัลโกลเด้นบอย
มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ได้รับรางวัลโกลเด้นบอย ที่ประกาศผลในเดือนธันวาคม 2018 เหนือผู้เข้าชิงอย่าง จัสติน ไคลเวิร์ต สังกัดโรม่า, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แห่งลิเวอร์พูล, วินิซิอุส จูเนียร์ ของเรอัล มาดริด และ แพทริค คูโตรเน่ ของเอซี มิลาน
2. ตกเป็นเป้าสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป
ด้วยความที่ เฟรงกี้ เดอ ยอง เพื่อนร่วมทีมในทัพอาแจ็กซ์ฯ ได้บรรลุข้อตกลงย้ายไปร่วมทัพบาร์เซโลน่าเรียบร้อย ทำให้ทัพอาซูลกราน่า ยิ่งมีภาษีในการคว้าตัวเขาไปด้วยอีกราย บวกกับสไตล์การเล่นของ เดอ ลิกต์ ที่ลงตัวกับการเล่นแบบครองบอล เซ็ตบอลจากแดนหลังก็ทำให้ดีลดังกล่าวดูจะสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม จากการที่ มิโน่ ไรโอล่า ซูเปอร์เอเยนต์ที่มีปราการหลังดาวรุ่งรายนี้เป็นลูกค้าเช่นเดียวกับ ปอล ป็อกบา และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และยังสายสัมพันธ์อันดีกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ดูจะเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่มีความเป็นได้เช่นเดียวกัน
ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยังมีแข้งที่เป็นคู่หูในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กในนามทีมชาติอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็เป็นหนึ่งในสโมสรที่ตกเป็นข่าวกับ เดอ ลิกต์ ด้วย
1. สไตล์การเล่น
มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ มีทุกอย่างที่นักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กควรจะมี ทั้งความแข็งแกร่ง, รูปร่างที่สูงใหญ่จากส่วนสูง 189 เซนติเมตรม มีการอ่านเกมยืนตำแหน่งที่ชาญฉลาด รวมทั้งเข้าบอลได้อย่างเด็ดขาด และความแน่นอนในการเล่นลูกกลางอากาศ
สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากปราการหลังตัวกลางทั่วไปก็คือความเยือกเย็นในการตั้งเกมจากแดนหลัง เดอ ลิกต์ เป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่มีความแม่นยำในการผ่านบอล รวมกับทักษะในการครองบอลทำให้เจ้าตัวสามารถพาบอลขึ้นมาจากในแดนของตัวเองเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับทีมได้