"วูการ์ ฮูเซนเซด" : วัยรุ่นบ้า FM ที่เคยเป็นเจ้านายของกุนซือบุรีรัมย์

"วูการ์ ฮูเซนเซด" : วัยรุ่นบ้า FM ที่เคยเป็นเจ้านายของกุนซือบุรีรัมย์

"วูการ์ ฮูเซนเซด" : วัยรุ่นบ้า FM ที่เคยเป็นเจ้านายของกุนซือบุรีรัมย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนึ่งในคำพูดที่ติดปากสมัยก่อน ซึ่งได้รับการพิสูจน์ในปัจจุบันจนทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนความคิดไปจากเดิมนั่นคือ "เกมเป็นเรื่องไร้สาระ"

แม้อันที่จริง ยังคงมีข่าวเรื่องที่หลายคนต้องเสียงานเสียการจากการเล่นเกมให้ได้ยินอยู่เนืองๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ภาพลักษณ์ของเกมในสังคมค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อหลายคนสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพได้จากการเล่นเกม ไม่ว่าจะในฐานะนักกีฬาอีสปอร์ตส์ หรือสตรีมเมอร์ แถมยังเคยมีโครงการอย่าง GT Academy ที่เปลี่ยนนักซิ่งหน้าจอเป็นนักซิ่งบนโลกแห่งความจริงมาแล้ว

 

แต่หลายคนอาจไม่เชื่อว่า แม้แต่ในวงการฟุตบอลเองก็มีคนที่ได้งานจากการเล่นเกมเช่นกัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตส์แต่อย่างใด เพราะฝีมือการเล่นเกม Football Manager ทำให้ผู้ชายที่ชื่อ วูการ์ ฮูเซนเซด พระเอกของเราในงานนี้ ได้งานกับสโมสรฟุตบอลอาชีพจริงๆ น่ะสิ

เก๋ามาตั้งแต่รุ่นเด็ก

ชีวิตในวัยเด็กของ วูการ์ ฮูเซนเซด ไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนกับคนทั่วไป เพราะปัญหาจากสงคราม นากอร์โน-คาราบัค ที่อาเซอร์ไบจานต้องรับมือกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งมีอาร์เมเนียให้การสนับสนุน ซึ่งปะทุตั้งแต่ปี 1988 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 1991 ซึ่งอาเซอร์ไบจานได้รับเอกราชและเป็นปีที่เขาเกิดก็ยังไม่ยุติ (สงครามมาสิ้นสุดในปี 1994 โดยอาเซอร์ไบจานเป็นฝ่ายแพ้) ได้กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุครอบครัวตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากบ้านเกิดที่กรุงบากูสู่ประเทศอื่น

 1

สวีเดน เป็นจุดหมายปลายทางของครอบครัว ซึ่งนับตั้งแต่ที่มาอยู่ยังดินแดนแห่งนี้ ชีวิตของวูการ์ก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เพราะนอกจากจะได้สัญชาติแล้ว ยังเรียนจบชั้นมัธยมที่กรุงสตอกโฮล์ม บ้านหลังที่สองของเขา เท่านั้นไม่พอ เขายังสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสาขาบริหารธุรกิจได้อีกด้วย

แม้เส้นทางชีวิตจะดูสดใส ชนิดที่น่าจะกลายเป็นบุคลากรชั้นแนวหน้าของวงการธุรกิจในสวีเดน หรือแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกาได้แบบไม่ยากเย็น ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจของวูการ์มาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเขาต้องการทำงานในวงการฟุตบอล

แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ สิ่งที่เขาอยากเป็นไม่ใช่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่เป็นการทำงานอยู่ข้างสนาม โดยเจ้าตัวเคยเปิดใจกับสื่อสวีเดน บ้านหลังที่สองของเขาว่า

"อันที่จริงผมอยากทำงานในวงการฟุตบอลมาตลอดนะ ส่วนสาเหตุคืออะไรน่ะเหรอ? ผมเล่นเกม Football Manager มาตั้งแต่ปี 2002 แล้วน่ะสิ"

ถึงกระนั้นวูการ์ก็รู้ดีว่า การจะนำตัวเองเข้าไปอยู่ในวงการฟุตบอลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากฝีมือแล้ว คอนเนคชั่นก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งดูเหมือนความฝันนี้จะเป็นได้เพียงความฝันไปตลอดกาล

จนกระทั่งมีใครบางคนเห็นศักยภาพในตัวเขา...

งานในฝันกับความเข้าใจผิด

"ผมยังจำการพบกับท่านประธานครั้งแรกได้ดี ตอนนั้นรู้สึกจะเกิดขึ้นในปี 2011 ที่ประเทศลิธัวเนีย ผมก็ขายตัวเองใหญ่สิ จนอีกฝ่ายปล่อยมุกว่า เรียนจบเมื่อไหร่ให้ติดต่อมา อาจจะมีงานให้ทำ"

 2

จู่ๆ โอกาสบนเส้นทางสายลูกหนังก็มาถึงตัวของ วูการ์ ฮูเซนเซด อย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อเขามีโอกาสได้พบกับ ฮาฟิซ มามมาดอฟ ประธานสโมสร เอฟเค บากู ในลีกสูงสุดของประเทศอาเซอร์ไบจานบ้านเกิดในปี 2011 และทำให้เขาได้เข้ามาอยู่กับสโมสรแห่งนี้ในฐานะที่ปรึกษานับจากนั้น

ก่อนที่ข่าวดีอีกเรื่องจะมาถึงในปีถัดมาพร้อมๆ กับการจบการศึกษา เมื่อ เอฟเค บากู ตัดสินใจแต่งตั้งเขาเป็นผู้จัดการทีมแบบสุดเซอร์ไพรซ์ ซึ่งรายงานข่าวจากสื่อต่างๆ เผยว่า วูการ์สามารถพรีเซนต์แผนงานของตัวเองเอาชนะคู่แข่งหลายราย รวมถึง ฌอง-ปิแอร์ ปาแป็ง อดีตนักเตะดีกรีบัลลงดอร์อีกด้วย

"หลังจากได้ร่วมงานกันในฐานะที่ปรึกษา ผมก็ได้นำเสนออะไรกับทีมและท่านประธานหลายอย่าง ผมแสดงให้เขาเห็นถึงศักยภาพ นำเสนอสิ่งที่ผมจะทำให้กับทีมได้ รวมถึงความตั้งใจและคลั่งไคล้ในเกมลูกหนัง นั่นแหละคือเหตุผลที่ทำให้ผมได้งานเป็นผู้จัดการทีม"

 3

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แวดวงลูกหนังต่างแตกตื่นกันยกใหญ่ เพราะนอกจากจะเอาชนะตนลูกหนังผู้มากโปรไฟล์ได้แล้ว วูการ์ เซียนเกม FM ยังได้งานในฝันของคอเกมฟุตบอลทั่วทั้งโลกขณะอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น ทว่าเรื่องดังกล่าวกลับมีความเข้าใจผิดใหญ่หลวงเรื่องหนึ่งซ่อนอยู่ ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า

"โครงสร้างของทีมฟุตบอลในอาเซอร์ไบจานมันจะคล้ายๆ กับสโมสรของอิตาลีน่ะครับ แต่ละทีมจะมีผู้จัดการทีมไว้รับผิดชอบงานการซื้อขายนักเตะหรือแม้แต่ควบคุมด้านงบประมาณ ขณะที่งานทางแท็คติกเป็นหน้าที่ของเฮดโค้ช  ซึ่งต่างจากสโมสรในอังกฤษที่ผู้จัดการทีมจะเป็นผู้ดูแลทั้งงานแท็คติกและการซื้อขาย"

"นั่นแหละคือหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ผมต้องเจอตลอด เพราะหลายคนเข้าใจว่าผมเป็นเฮดโค้ชด้วย ซึ่งที่จริงมันไม่ใช่ ผมไม่ได้คุมการซ้อมเลยแม้แต่น้อย งานของผมจะไปอยู่ในส่วนของทีมงานแมวมอง, การซื้อขาดนักเตะ อะไรแบบนี้มากกว่า"

นอกจากนั้น วูการ์เองก็ยอมรับว่า ศาสตร์การคุมทีมบนโลกเสมือนกับโลกแห่งความจริงนั้นมีความแตกต่างกันไม่น้อย ซึ่งหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ช่วยให้เขาปรับตัวได้เร็วขึ้นก็คือ ... "บอสโก" โบซิดาร์ บันโดวิช เฮดโค้ชของ เอฟเค บากู ในวันนั้น คนเดียวกับที่เป็นเจ้านายใหญ่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีกในตอนนี้นั่นเอง

 4

"จริงอยู่ที่ผมเล่นเกมนี้มาตั้งแต่สมัยที่ใช้ชื่อว่า Championship Manager ซึ่งทำให้รู้เรื่องราวต่างๆ ที่สามารถมาปรับใช้กับโลกความจริงได้ แต่การทำความเข้าใจกับเรื่องต่างๆ มันก็ยากไม่น้อยในช่วงเริ่มแรก และปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ผมต้องทำให้ทุกคนรู้สึกว่าแต่ละคนมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อทีม"

"ผมจะไม่พูดนะว่า FM ช่วยให้ผมพร้อมกับงานนี้ เพราะหากพูดให้ถูกคือ เกมนี้มันช่วยให้ผมเข้าใจถึงรายละเอียดต่างๆ ในวงการฟุตบอลมากขึ้น ถึงกระนั้น มันก็ยังต่างจากโลกแห่งความจริงเยอะ โชคดีที่ผมกับเฮดโค้ชและทีมสตาฟฟ์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เราทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งแม้ผมจะอายุยังน้อยมากๆ กับงานนี้ แต่ทุกคนก็ให้การสนับสนุนผมดีมากๆ เลยครับ"

ผลงานและการจากลา

แต่ถึงแม้ทุกภาคส่วนของทีมจะร่วมแรงร่วมใจกัน ฟุตบอลก็ไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์ที่หากทำได้อย่างที่ตั้งใจก็จะนำมาซึ่งความสำเร็จแน่ๆ เอฟเค บากู ที่หวังจะเรียกช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่สมัยคว้าแชมป์ลีก 2 ครั้ง และแชมป์อาเซอร์ไบจานคัพ 3 สมัยตั้งแต่ยุคต้น 2000s ถึงต้น 2010s จึงต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อพวกเขาจบฤดูกาลในฐานะทีมอันดับ 5-6 เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า ตัววูการ์เองก็ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่

 5

แต่ถึงผลงานในสนามจะไม่เป็นที่น่าพึงใจ ตัวเขาก็มีบางสิ่งให้ภูมิใจเช่นกัน นั่นคือ การผลักดันนักเตะเยาวชนสู่การเป็นนักเตะอาชีพ โดยหนึ่งในผลงานชิ้นเอกก็คือ นามิก อลาสการอฟ

"ตอนปี 2012 อลาสการอฟอายุแค่เพียง 18 ปีเอง แต่ผมก็นำเสนอกับทางบันโดวิชไปว่า ถึงรูปร่างเขาจะเล็ก แต่ก็มีความแข็งแกร่งและมีทักษะที่ดี ที่สุดแล้วเขาก็ได้โอกาสลงเล่นให้กับทีม"

"หลังจากนั้น เขาก็ได้ย้ายไปร่วมทีม คาราบัก ทีมใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ และติดทีมชาติอาเซอร์ไบจานในที่สุด ผลงานของเขาทำให้ผมภูมิใจไม่น้อยเลย" วูการ์เปิดใจถึงอดีตนักเตะที่ปัจจุบันค้าแข้งกับทีม เนฟชี บากู แบบเป็นปลื้ม

อย่างไรก็ตาม การผจญภัยของ วูการ์ ฮูเซนเซด กับ เอฟเค บากู ก็มาถึงจุดสิ้นสุดอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดในปี 2014 เมื่อ ฮาฟิซ มามมาดอฟ ประธานสโมสรประสบกับปัญหาทางการเงิน จนทำให้นักเตะและบุคลากรของสโมสรหลายคนต้องโบกมือลาจากทีมนี้ไป ซึ่งวูการ์ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นด้วย

หลังจากนั้น ผลงานของพวกเขาก็ตกต่ำ เริ่มจากตกชั้นจากลีกสูงสุดในฤดูกาล 2014/15 ก่อนรั้งอันดับสุดท้ายในฤดูกาลถัดมา และตัดสินใจไม่ส่งทีมลงแข่งลีกอาชีพนับแต่นั้น

แม้ปัจจุบัน วูการ์ ฮูเซนเซด จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลอีกแล้ว แต่ก็ยอมรับว่า Football Manager คือเกมที่สอนเขาให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งในสายลูกหนังและการใช้ชีวิต

 6

"สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเกมนี้ก็คือ คุณต้องมีความพยายามอย่างหนักหน่วง ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ไว้เสมอ ที่สำคัญคือ ค่อยๆ ก้าวไปทีละขั้น อย่ารีบร้อน"

"เพราะชีวิตจริง มันจะมีสถานการณ์ที่คุณอาจไม่ได้เตรียมใจไว้เกิดขึ้นได้เสมอ ฉะนั้นความอดทนจึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก ถ้าคุณวางแผนไว้ดี คิดถึงหลักความเป็นจริงเข้าไว้ คุณก็สามารถเป็นได้ทุกอย่างแหละ"

"ส่วนคำถามที่ว่า จะเล่นเกม FM ไปถึงเมื่อไหร่ ผมว่าคงเล่นถึงตอนแก่เฒ่าเลยล่ะ" วูการ์ ฮูเซนเซด ทิ้งท้ายอย่างอารมณ์ดี

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ "วูการ์ ฮูเซนเซด" : วัยรุ่นบ้า FM ที่เคยเป็นเจ้านายของกุนซือบุรีรัมย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook