ปิชิชี่ คือ ใคร? ทำไมถูกนำมาตั้งชื่อรางวัลดาวซัลโว?

ปิชิชี่ คือ ใคร? ทำไมถูกนำมาตั้งชื่อรางวัลดาวซัลโว?

ปิชิชี่ คือ ใคร? ทำไมถูกนำมาตั้งชื่อรางวัลดาวซัลโว?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นอกจากลุ้นว่าทีมใดจะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ การลุ้นว่าใครจะคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีก ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่แฟนบอลต่างรอชมในช่วงสุดท้ายของฤดูกาล 

ในลีกยุโรป มีชื่อของรางวัลนี้แตกต่างกันไป ที่อังกฤษใช้ว่า Golden boot (รองเท้าทองคำ)  ส่วนอิตาลีใช้คำว่า capocannoniere (หัวหน้ามือปืน) หรือ gol krallığı (ราชาถล่มประตู) สำหรับที่ตุรกี แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีความหมายในเชิงผู้ทำประตูสูงสุด

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่สำหรับสเปน ที่เอาชื่อของบุคคลมาตั้งเป็นชื่อรางวัลในนาม “ปิชิชี โทรฟี” เขาคือใคร เหตุใดจึงได้รับเกียรตินี้ ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand

คุณหนูจากครอบครัวมั่งคั่ง

การมีชีวิตที่เพรียบพร้อม พ่อแม่มีฐานะการงานที่ดี และครอบครัวร่ำรวย อาจจะเป็นเรื่องน่าอิจฉาสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่สำหรับ ราฟาเอล โมเรโน อารันซาดี หรือ “ปิชิชี”


Photo : thesefootballtimes.co

เขาเกิดในครอบครัวของผู้มีฐานะดีย่าน คาสโก วิเอโญ ของเมืองบิลเบา ในเดือนพฤษภาคม 1892 พ่อของเขามีอาชีพเป็นทนาย และเป็นนายกเทศมนตรีของเมือง ส่วนแม่ของเขาเป็นญาติกับ มิเกล เด อุนามูโน นักเขียนชื่อดังของสเปน

ย้อนกลับไปในยุคนั้น ฟุตบอลยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนในบิลเบา มันถูกมองว่าเป็นกีฬาที่ป่าเถื่อนเพราะเต็มไปด้วยการเข้าปะทะตลอดเวลาแต่หนูน้อย ราฟาเอล ก็ตกหลุมรักมันไปเสียแล้ว

พ่อแม่เห็นว่าท่าจะไม่ดีจึงพยายามกีดกันราฟาเอลจากกีฬาชนิดนี้ เนื่องจากมันไม่ได้เป็นอาชีพที่มั่นคง พวกเขาเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงและมีฐานะร่ำรวย จึงพยายามปลูกฝังเรื่องการศึกษาให้แก่ลูกชายและหวังให้เขาได้เป็นทนายความเหมือนกับพ่อ  

แต่เมื่อใจบอกว่าใช่ อะไรก็รั้งไว้ไม่อยู่ แม้ว่าครูที่โรงเรียนจะพยายามดึงเขาไว้ไม่ให้ ยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอล แต่มันก็ทำได้เพียงแค่ประวิงเวลาเท่านั้น ก่อนที่ฟางเส้นสุดท้ายจะขาดลง หลังราฟาเอล ต้องดร็อปเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่ปีแรกเนื่องจากสอบไม่ผ่าน

“เขาเกเร ยากที่จะควบคุม และเป็นตัวสร้างปัญหา” ลุงของปิชิชี ที่เป็นบาทหลวงอธิบายถึงตัวตนของเขาในสมัยเด็ก

แม้ว่าเส้นทางการศึกษาของเขาจะหยุดลง แต่ในทางกลับกันประตูสู่ฟุตบอลก็ถูกเปิดออกอย่างเต็มตัว

กำเนิดปิชิชี  

หลังดร็อปเรียนจากมหาวิทยาลัย ชีวิตใหม่ของเขาก็เริ่มต้นในปี 1911 หลังได้เซ็นสัญญากับ แอธเลติก บิลเบา สโมสรในบ้านเกิดในวัย 19 ปี แต่ต้องใช้เวลาถึง 2  ฤดูกาลกว่าจะเบิกประตูแรกให้ทีมได้สำเร็จ


Photo : as.com

แต่มันก็คือประตูสำคัญ เมื่อเขาจัดการเหมาคนเดียวสองประตูซัดใส่ เรอัล มาดริด ในศึก โคปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศ ปิชิชี ใช้เวลาเพียง 2 นาทีก็เบิกประตูแรกของเกมได้สำเร็จ ก่อนจะมาบวกเพิ่มในนาทีที่ 11 ให้ทีมจะเอาชนะไปได้ 3-0 ในท้ายที่สุด แต่น่าเสียดายที่ทำได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์ในปีนั้น

และในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ปิชิชี ยังเป็นผู้ยิงประตูสำคัญให้กับสโมสร เมื่อเขาคือคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ซัดประตูได้ในสนาม ซาน มาเมส สเตเดียม รังเหย้าของ บิลเบา ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ ในเกมเสมอกับ ราซิง เด อิรุน ในรายการศึกสามเส้าที่มี เชปเพิร์ด บุช เอฟซี เป็นอีกหนึ่งทีมเข้าร่วม

แม้จะมีส่วนสูงเพียงแค่ 154 เซนติเมตรซึ่งถือว่าตัวเล็กมาก แต่ปิชิชี ก็เอาตัวรอดมาได้ด้วยทักษะการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมของเขา ก้าวข้ามอุปสรรคเรื่องรูปร่างไปได้  เขามีความมุ่งมั่นในการทำประตูมาก เซฟ ซัวโซ อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาบอกว่า ปิชิชี จะไม่มีวันหันหลังกลับมุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวเมื่อได้บอล

“เขาไม่เคยฉีกออกด้านข้าง หรือเลี้ยงกลับมาแดนของตัวเองเลยสักครั้ง” ซัวโซ กล่าวถึงเพื่อนเก่า

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็นนักเตะร่างเล็ก แต่ ปิชิชี กลับโดดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะตั้งเตะ ควบคู่ไปกับการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว ประตูเดียวที่เกิดขึ้นในนามทีมชาติของเขาก็เกิดขึ้นจากลูกโหม่ง

“เขามีทักษะการโหม่งบอลที่เกินธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นลูกตั้งเตะ เหนือสิ่งอื่นใด เขาเลี้ยงได้ดีกว่าผู้เล่นคนใด และไปจากมุมหนึ่งของสนามไปอีกมุมหนึ่งโดยบอลยังติดอยู่กับเท้าโดยไม่มีใครแย่งได้จนกระทั่งเขาทำประตูสุดสวย เมื่อสถานการณ์ของทีมย่ำแย่ แฟนบอลคาดหวังให้ปิชิชีแก้ไขสถานการณ์นั้น” อัลฟองโซ โมเรโน หลานของปิชิชี อธิบาย

เขาใช้เวลาไม่นาน ก็กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนบอล ด้วยที่คาดผมสีขาวที่มักสวมลงสนามโดยเชื่อว่าช่วยปกป้องหัวจากการโหม่ง เช่นเดียวกับฝีเท้าการประตูที่โดดเด่นกว่ากองหน้าคนอื่น


Photo : ahalftimereport.com

เขากลายเป็น “ปรากฎการณ์” ของแดนกระทิง เมื่อยิงประตูเป็นว่าเล่นพาบิลเบา คว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ ได้ถึง 4 สมัย หนึ่งในนั้นคือการทำแฮตทริคได้ในนัดชิงชนะเลิศกับ เอสปันญอล ในปี 1915 รวมไปถึงแชมป์ Campeonato Regional Vizcaíno อีก 5 สมัย จนทำให้ชื่อของ ปิชิชี โด่งดังไปทั่วสเปน

อันที่จริงที่มาของชื่อ “ปิชิชี” มีหลากหลายทฤษฏี บ้างก็มาจากรูปร่างแบบเอวบางร่างน้อยของเขา จากส่วนสูงไม่ถึง 160 เซนติเมตร ซึ่งแปลได้หยาบๆว่า “เจ้าเป็ดน้อย” บ้างก็มาไรมุนโด น้องชายของเขา บ้างก็อ้างว่ามาจากเพื่อนสมัยเด็กที่ คาสโก วิเอโญ เช่นเดียวกับส่วนที่บอกว่ามาจากสื่อท้องถิ่น หรือเพื่อนร่วมทีมบิลเบา

แม้ว่าที่มาชื่อของเขาจะเป็นปริศนา แต่ฝีเท้าของเขาก็ไม่เป็นที่กังขาอย่างแน่นอน ปิชิชี สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นดาวยิงแถวหน้าของยุค เขายิงประตูให้  บิลเบา สโมสรแรกและสโมสรเดียวในชีวิตไปถึง 200 ประตูจาก 170 จนถูกสื่อในบ้านเกิดตั้งฉายาว่า ราชาแห่งการยิง (El Rey del Shoot)


Photo : www.theguardian.com

ผลงานอันยอดเยี่ยมยังทำให้ ปิชิชี ถูกเรียกติดทีมชาติสเปนชุดแรกในประวัติศาสตร์ ที่กำลังฟอร์มทีมไปเล่นฟุตบอลโอลิมปิกในปี 1920 ที่เบลเยียม ร่วมกับผู้รักษาประตูระดับตำนานอย่าง ริคาร์โด ซาโมรา

แม้ว่าในการแข่งขันที่ อันท์เวิร์ป เขาจะเค้นฟอร์มไม่ออก แต่ก็ยังยิงได้หนึ่งประตูในเกมเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ 3-1 ก่อนที่ท้ายที่สุดสเปนจะคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันครั้งดังกล่าว (ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดจนถึงปี 1992 ที่คว้าเหรียญทองได้ในโอลิมปิกที่บาร์เซโลนา)

น่าเสียดายที่นั่นคือทัวร์นาเมนต์แรก และทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของเขาในนามทีมชาติสเปน เมื่อหลังจากรายการนั้น ปิชิชี ตัดสินใจหันหลังให้กับทัพกระทิงดุ ฟังแล้วดูสั้นเหลือเกิน มันเกิดขึ้นแค่เพียง 5 นัด และจบในหนึ่งเดือน


Photo : equiposdefutbol2.blogspot.com

หลังเลิกเล่นทีมชาติ ปิชิชี กลับมาทุ่มเทให้กับ บิลเบา เขารักสโมสรนี้มาก และไม่เคยคิดที่จะย้ายออกจากทีมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในช่วงพีคๆ เขาเคยได้รับความสนใจจากหลายทีมดังในอังกฤษ แต่ก็ยืนยันว่าจะไม่ไปไหน

แต่สุดท้ายก็เป็นตัวเขาเองที่เป็นคนเดินจากไปอย่างชอกช้ำ  

ลูกผู้ชายฆ่าได้แต่หยามไม่ได้

ในช่วงที่เขากำลังรุ่งโรจน์ ปิชิชี ได้รับคำชื่นชมจากทั่วสารทิศ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็กลายเป็นดาบสองคม เขามัวเมาในภาพมายา ยินดีกับคำประจบสอพลอ ก่อนที่มันจะกลับมาทำร้ายเขาในช่วงบั้นปลายของชีวิตอาชีพ


Photo : www.marca.com

เขาถูกกล่าวหาว่ามีทิฐิและหลงตัวเองมากเกินไป และไม่ใช่ทุกคนที่ยกย่องสรรเสริญเขา ในขณะเดียวกัน เพื่อนร่วมทีมก็ไม่ได้ให้อภิสิทธิ์กับเขาทุกครั้ง แม้กระทั่งหลานของเขาเอง ยังเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้

“บางครั้ง ปิชิชี ก็เล่นอยู่คนเดียว และไม่มองเพื่อนร่วมทีมเลย” อัลฟองโซกล่าว

หลังจากศึกโอลิมปิก เขาเริ่มมีผลงานที่ตกลง และกลายเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอลใน ซาน มาเมส เหล่าแฟนบอลมองว่าความเย่อหยิ่งและความยโสของปิชิชี มีส่วนทำให้ทีมต้องพบกับความพ่ายแพ้ ตอนที่เขาได้บอล แฟนบางคนถึงขั้นหันหลัง และตะโกนโห่ให้เขาเลิกเล่นไปให้พ้นๆ

“ลูกผู้ชายฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้” เขาไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่เกียรติของเขาอีกแล้ว เมื่อแฟนบอลอยากให้เขาเลิกเล่น เขาก็จัดให้ตามคำขอ ปี 1922 ปิชิชีประกาศเลิกเล่นอย่างสุดช็อคด้วยวัยเพียงแค่ 29 ปี ทั้งที่สามารถเล่นต่อไปได้อีกหลายฤดูกาล


Photo : www.marca.com

อย่างไรก็ดี แม้จะเลิกเล่น แต่ความรักในฟุตบอลยังคงมีอยู่ ปิชิชี ตัดสินใจอยู่ในวงการฟุตบอลต่อด้วยการเป็นผู้ตัดสิน เขาลงเป่านัดแรกอย่างเป็นทางการในสนาม ซาน มาเมส แต่ความรู้สึกช่างแตกต่างจากตอนเป็นนักฟุตบอลอย่างเทียบไม่ได้

แม้ว่าการเป็นผู้ตัดสิน จะไม่ตอบสนองความหลงใหลในฟุตบอลเท่ากับตอนเป็นนักเตะ แต่ปิชิชี ก็ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว....อีกแล้ว

ชีวิตที่แสนสั้น

1 มีนาคม 1922 หนึ่งเดือนก่อนจะอายุครบ 30 ครอบครัวของปิชิชี ก็ต้องพบกับความสูญเสีย เมื่อหัวหน้าครอบครัวของเขาต้องจากไปอย่างกะทันหันด้วยโรคไข้รากสาดน้อย (ไทฟอยด์) จากการกินหอยนางรมที่ปนเปื้อนเชื้อโรค  


Photo : conocebilbaoconesme.es

เขาทิ้งภรรยาและลูกน้อยไว้ข้างหลัง ท่ามกลางความเสียใจของแฟนบอลบิลเบา แม้ว่าในช่วงท้ายของชีวิตจะเคยด่าว่าเขาอย่างหนักก็ตาม จากนั้นในปี 1926 สโมสรแอธเลติก บิลเบา ก็ได้สร้างรูปปั้นครึ่งตัวของปิชิชีไว้หน้าสนามซาน มาเมส เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ  


Photo : estadiosanmames.blogspot.com

และมันก็กลายเป็นธรรมเนียม เมื่อกัปตันสโมสรที่ไม่เคยมาเยือนสนามแห่งนี้ จะถูกขอร้องให้นำช่อดอกไม้มาวางหน้ารูปปั้นของเขา (แม้ว่าหลังปี 2013 หลังการสร้างสนาม นู ซาน มาเมส ตำแหน่งนั้นจะถูกแทนที่ด้วยอุโมงค์นักเตะไปแล้ว แต่ธรรมเนียมการวางช่อดอกไม้ยังคงมีอยู่)  

ปิชิชี ถูกพูดถึงอีกครั้งในช่วงทศวรรษ 1950 เมื่อ มาร์กา สื่อชื่อดังของสเปน จัดการมอบรางวัลให้กับนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในลีกา พวกเขาตัดสินใจใช้ชื่อนักเตะในตำนานมาตั้งชื่อรางวัล รางวัลแรกคือผู้รักษาประตูที่เสียประตูเฉลี่ยต่อเกมน้อยที่สุด ใช้ชื่อของ ริคาร์โด ซาโมรา ในชื่อ ซาโมรา โทรฟี ส่วนอีกหนึ่งรางวัลคือดาวซัลโวสูงสุด และเป็น ปิชิชี ที่ได้รับเกียรตินี้


Photo : www.sportskeeda.com

และเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อนักเตะคนแรกที่ได้รับรางวัลปิชิชี ที่เริ่มมอบครั้งแรกในฤดูกาล 1952-1953 ตกเป็นของ เทลโม ซาร์รา อีกหนึ่งตำนานของ แอธเลติก บิลเบา ซึ่งเป็นรุ่นน้องในสโมสรของปิชิชี ราวกับเขียนบทเอาไว้

นับตั้งแต่ตอนนั้น ชื่อของเขาก็ไม่เคยหายไปจากวงการฟุตบอลสเปนอีกเลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook