สัญญาณเริ่มต้น

สัญญาณเริ่มต้น

สัญญาณเริ่มต้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทันทีที่ศึกเอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ หรือ รายการโล่ห์การกุศลเปิดฉากขึ้น แฟนบอลอังกฤษเป็นอันรู้กันว่าศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่จะเปิดฉากแข่งขันกันในสุดสัปดาห์ถัดไป

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคมนี้ ศึกก่อนเปิดซีซั่นระหว่างแชมป์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซนอล แชมป์เอฟเอ คัพ น่าสนใจอย่างมากครับ เพราะผมเชื่อว่าปีนี้จะเป็นซีซั่นที่แฟนบอลทุกทีมคาดหวังเอาไว้สูงอย่างแน่นอน
 
แมนฯ ซิตี้ ตั้งเป้าถึงเรื่องป้องกันแชมป์ ลิเวอร์พูล ในวันที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ จะมีชีวิตรอดอย่างไร เชลซี ภายใต้กุนซือนามกระเดื่อง โชเซ่ มูรินโญ่ หวังผงาดทั้งในและนอกประเทศ อาร์เซนอล ไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุดครบ 10 ปีพอดี ซีซั่นนี้เสริมทัพน่าสนใจ
 
และแน่นอนที่หลายคนจับตามองมากที่สุดคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปลี่ยนจากตัวตลกอย่าง เดวิด มอยส์ มาเป็น หลุยส์ ฟาน กัล จะคัมแบ็กได้น่ากลัวขนาดไหน
 
เอาละวันนี้ผมจะท่านผู้อ่านย้อนไปดูเกมโล่ห์การกุศลในความทรงจำดีกว่า คัดมาเฉพาะเกมที่สนุก และหาได้บนเว็บไซต์ยูทูบเท่านั้น 5555555

อาร์เซนอล 3-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2004)

อาร์เซนอล เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก ชนิดไร้พ่ายทั้งฤดูกาลโคจรมาพบกับแชมป์เอฟเอ คัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมในวันนั้น "ปีศาจแดง" ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่ง และการต่อบอลภาคพื้นดินที่ลื่นไหลของขุนพล "ไอ้ปืนใหญ่" ได้เลย และจบเกมด้วยชนะของ อาร์เซนอล ที่ปูพรมไล่ยิงชนะ 3-1
 
กิลแบร์โต้ ซิลวา แปบอลเหน่งๆให้ อาร์เซนอล ได้ฮาเฮกัน จากนั้น อลัน สมิธ ยิงตีเสมอให้ ยูไนเต็ด ทว่าจากนั้นไม่นาน โฆเซ่ เรเยส จะยิงแซงนำเป็น 2-1 และปิดท้ายด้วยการสกัดเข้าประตูตัวเองของ มิกาแอล ซิลแวสตร์
 
อย่างไรก็ตามแชมป์ฤดูกาลนั้นตกเป็นของ เชลซี ที่มี โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีมเป็นปีแรกนะจ๊ะ

เชลซี 1-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2010)

เชลซี ของกุนซือ คาร์โล พกดีกรีดับเบิ้ลแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด รองแชมป์ลีกที่ตกม้าตายในช่วงโค้งสุดท้าย แต่เกมที่สนามเวมบลีย์ในวันนั้น "ปีศาจแดง" เป็นฝ่ายคุมเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และปราบดับเบิ้ลแชมป์ด้วยสกอร์ 3-1
 
ยูไนเต็ด ได้ประตูนำจาก อันโตนิโอ วาเลนเซีย จากนั้นครึ่งหลัง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ กองหลังที่เพิ่งซื้อมาใหม่หลังจบฟุตบอลโลก 2010 ล้มตัวยิงบอลโดนหน้าตัวเองเข้าประตูให้ "ปีศาจแดง" นำ 2-0 แม้ว่า ซาโลมง กาลู จะยิงตีตื้นให้ เชลซี ไล่ตามมา แต่เกมจบลงทันทีที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กระดกบอลข้ามหัว ปีเตอร์ เช็ก เป็นประตูชัยในนาทีสุดท้าย
 
และแชมป์ลีกในซีซั่นนั้นตกเป็นของ แมนฯ ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2011)

"ปีศาจแดง" ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก เจอกับเพื่อนบ้านสุดยี้อย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เกมวันนั้นเร้าใจมากและจบลงด้วยชัยชนะของ ยูไนเต็ด 3-2
 
แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำอย่างรวดเร็วในครึ่งแรกถึง 2-0 โจลีออน เลสค็อตต์ โหม่งลูกแรก และ เอดิน เชโก้ ยิงไกลอย่างสวยงาม แต่ในครึ่งหลัง เซอร์ อเล็กซ์ แก้เกมมาดี คริส สมอลลิ่ง โหม่งตีตื้น จากนั้น หลุยส์ นานี่ สวมบทฮีโร่เหมาคนเดียว 2 ลูก ช่วยให้ "ปีศาจแดง" พลิกชนะ 3-2
 
แต่ทว่าในฤดูกาลดังกล่าว แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม โดยถูกยกย่องให้เป็นการคว้าแชมป์ที่เร้าใจที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ด้วยการเป็นแชมป์ในวินาทีสุดท้าย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 เชลซี (2012)

"เรือใบสีฟ้า" แชมป์พรีเมียร์ลีก ต้องมาเจอกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" แชมป์เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่สุดมันครับ จบลงด้วยชัยชนะของ แมนฯ ซิตี้ 3-2
 
เฟร์นานโด ตอร์เรส ส่องให้ เชลซี ขึ้นนำในช่วยท้ายครึ่งแรก แต่ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ไล่ทะลวงทีเดียว 3 ลูกรวด ในเวลาเพียงแค่ 12 นาที ยาย่า ตูเร่, คาร์ลอส เตเวซ และ ซามีร์ นาสรี่ เรียงหน้ากันยิง แม้วในช่วงท้าย ไรอัน เบอร์ทรานด์ จะยิงตีตื้นไล่มาแต่ก็ไม่ทันการณ์
 
ส่วนแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนั้นตกเป็นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ ถึง 11 คะแนน

Predator

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook