เบื้องหลังโล่การกุศล
เชื่อว่าคอบอลทั้งหลาย แทบอดใจรอไม่ไหวอยู่แล้วที่จะให้การแข่งขันฟุตบอลโดยเฉพาะลีกขวัญใจมหาชนอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ รูดม่านเปิดฉาก และภายหลังจากการโหมโรงก่อนสัปดาห์แรกจะมาถึงในศึก คอมมูนิตี้ ชิลด์ ก็พอเห็นเค้าลางความสำเร็จของ “เดอะ กันเนอร์ส” อยู่ไม่น้อย
ด้วยสกอร์ 3-0 ที่ อาร์เซน่อล ยิงสลุดถล่มจม “เรือใบสีฟ้า” ยิ่งทำให้กองเชียร์ “เดอะ กันเนอร์ส” ออกอาการดี๊ด๊าไปตามๆ กัน เพราะด้วยฟอร์มอันสวยหรูที่มีเหมือนคู่แข่ง คู่แข่งทีมที่เคยฝากรอยแค้นไว้ถึง 6-3 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทำได้ได้แชมป์แรกของฤดูกาลไปครอบครอง ซึ่งแม้จะเป็นแชมป์แบบไม่เป็นทางการ แต่ก็ถือว่าเริ่มต้นประกาศศักดาทวงคืนความสำเร็จหลังจากห่างหายไปนานได้อย่างน่าหวั่นเกรงไม่น้อย
แชมป์เอฟเอคัพ ประเดิมซีซั่นด้วยโล่การกุศลนั้นไม่เด่นเท่าฟอร์มที่พวกเขางัดออกมา
ฤดูกาลที่แล้วลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้โอกาสงามอย่างยิ่งที่จะคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 9 ปี ด้วยการเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ในรอบกับ ฮัลล์ ซิตี้ และก็สามารถเอาถ้วยรางวัลมานอนกอดได้ตามเป้า ปิดท้ายซีซั่นไปอย่างงดงาม เปิดซีซั่นมาก็คว้าแชมป์แรกได้อีกอะไรจะออกมาน่ากระโดดโลดเต้นขนาดนั้น
เกมเมื่อวานนี้ของ “เรือใบสีฟ้า” ใช้ผู้เล่นที่เรียกว่าเกือบดีที่สุดเท่าที่มี ขาดก็บางคนที่ไปเล่นในฟุตบอลโลกแล้วเข้าไปรอบลึกๆ อย่าง ปาโบล ซาบาเลต้า หรือ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ทำให้ตัวนักเตะค่อนข้างจำกัด กุนซือมานูเอล เปเยกรินี่ แม้จะใช้นักเตะชุดเกือบใหญ่ แต่ดูจากระบบที่ไม่คงที่ น่าจะเป็นการลองทีมมากกว่า จุดอ่อนสำคัญของทีมคือการที่แนวรับมีชื่อของ เดเร็ค โบยาต้า เป็นปราการหลังตัวกลางคู่กับ มาติย่า นาสตาซิส ที่ก็ไม่ได้กระดูกแข็งมากนัก ทำให้กองหลังของ แมฯ ซิตี้ ดูอ่อนยวบยาบกว่าที่ควรจะเป็น เล่นเอา อาร์เซน่อล ต่อบอลทะลุทะลวงได้อย่างสบายรู
ปราการหลังดาวรุ่ง (23ปี) หลุดตำแหน่งปล่อยให้แรมซี่ย์ เติมขึ้นยิงสบาย
นั่นถือเป็นจุดสำคัญที่พวกเขาต้องรีบแก้ไขก่อนฤดูกาลจะเริ่ม เนื่องจากการที่พวกเขาปล่อย จูลีออน เลสค็อตต์ ออกไปทำให้ไม่มีกองหลังสำรองที่ดีพอมายืนประจำการ เมื่อ ก็องปานี กัปตันทีมไม่พร้อมลงสนาม แต่โชคดีที่ กุนซือก็เห็นจุดอ่อนนี้แล้ว และแก้ได้อย่างทันท่วงทีด้วยการสอย อิเลียกวิม ม็องกาล่า มาจาก เอฟซี ปอร์โต้ เพื่ออุดรอยรั่วดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว
ฟอร์มของ อเล็กซิส ในเกมนี้ต้องบอกว่า "สะเด่าไปเลยอีน้อง"
ด้าน อาร์เซน่อล แน่นอนว่าเป็นทีมที่ต่อบอลเข้าทำกันได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แม้ไม่มีบรรดานักเตะเยอรมันมาร่วมทีม แต่ อเล็กซิส ซานเชส สตาร์ทีมชาติชิลีที่เพิ่งดึงเข้ามาในช่วงซัมเมอร์นี้ ทั้งความเร็ว ทักษะ และการผ่านบอลที่เฉียบคม ทำให้ “ไอ้ปืนใหญ่” มีอาวุธที่หลากหลายในการเข้าทำอย่างน่ากลัว การจ่ายบอลทะลุช่องกองหลังของ แมนฯ ซิตี้ หลายๆ ครั้งของ ซานเชส ทำให้ อาร์เซน่อล มีโอกาสได้จบสกอร์ ซึ่งถ้าวันนั้นกองหน้าไม่ใช่ ยาย่า ซาโนโก้ ที่ด้อยประสบการณ์และยังไม่เก่งพอ พวกเขาน่าจะใส่สกอร์ได้มากกว่านี้
ยิงแบบนี้เรียกว่า "เว่อร์ได้ใจ" สำหรับ ชิรูด์ ที่ยังไม่ค่อยถูกใจแฟนปืนใหญ่
แม้ว่าจะเล่นดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน กองหลังของ อาร์เซน่อล ก็เช่นเดียวกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ไม่มีปราการหลังตัวหลักอย่าง แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ซึ่ง เวนเกอร์ ก็เพิ่งปล่อย โธมัส แฟร์มาเล่น ออกจากทีมไปเช่นกัน และก็เสริม คาลัม แชมเบอร์ส ดาวรุ่งเข้ามา แต่แม้จะไม่มีประสบการณ์และยังไม่นิ่งพอ ทำให้ทีมโดนโจมตีเข้ามาบ่อยครั้ง แต่ก็ถือว่าพอมีทรงที่จะก้าวขึ้นมาเป็นแนวรับในแถวหน้าได้ในอนาคต ซึ่งต้องขอบคุณฟอร์มอันเหนียวหนึบของ วอยเซียค เชสนี่ ที่ทำได้อย่างไร้ที่ติ ช่วยให้ทีมไม่เสียประตูในเกมนี้
เกมรุก อาร์เซน่อล อาจจะทำให้ทีมอื่นเริ่มตื่นตัวเตรียมความพร้อมมากขึ้นก่อนที่ พรีเมียร์ลีก จะเริ่มในสัปดาห์หน้า เกมรับของ “เรือใบสีฟ้า” อาจทำให้ทีมอื่นๆ เริ่มกลับมามองจุดอ่อนที่ตัวเองมี แล้วเติมคำในช่องว่างให้ทันท่วงที เพราะยังมีเวลาเหลืออยู่ในช่วงท้ายของตลาดซื้อ-ขายที่จะปิดตัวใน 1 กันยายนนี้ แต่สัญญาณที่ไม่ดีเลยต่อทั้งสองทีมหรืออาจจะวงการฟุตบอลอังกฤษด้วย นั่นก็คือการที่มีนักเตะเลือดผู้ดีเป็นตัวจริงเพียงแค่ 3 คนในเกมนี้ ซึ่งการขาดแคลนนักเตะอังกฤษชั้นดีพอที่จะอยู่ในทีมแถวหน้าของประเทศ ที่จะต้องเข้าไปเป็นตัวแทนในเวทียุโรป นั่นจะทำให้ทั้งทีมชาติ และการพัฒนาเจอตอต้นใหญ่ ซึ่งนี่ควรจะเป็นปัญหาที่ทั้งสโมสรทุกสโมสรและสมาคมฟุตบอลต้องช่วยกันแก้ต่อไป
“มิสเตอร์ XL”