กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่! "อากิระ นิชิโนะ" ผู้เคยจุดประกายความหวังฟุตบอลญี่ปุ่น

กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่! "อากิระ นิชิโนะ" ผู้เคยจุดประกายความหวังฟุตบอลญี่ปุ่น

กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่! "อากิระ นิชิโนะ" ผู้เคยจุดประกายความหวังฟุตบอลญี่ปุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1993 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จะเป็นเจ้าภาพในปี 1994 โดยในครั้งนั้นโควตาของเอเชียมีเพียงแค่ 2 ที่เท่านั้น

ทีมชาติญี่ปุ่น ภายใต้การนำของ ฮันส์ ออฟต์ เทรนเนอร์ชาวฮอลแลนด์ กุนซือชาวต่างชาติรายแรกที่ได้คุมทัพซามูไร สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าแชมป์กลุ่มในรอบแรก ก่อนเดินหน้าผ่านเข้าไปสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ

โดยในรอบสุดท้าย มีทั้งหมด 6 ทีม ประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบีย, เกาหลีใต้, เกาหลีเหนือ, อิรัก, อิหร่าน และ ญี่ปุ่น ซึ่งจะใช้การแข่งขันแบบพบกันหมดครั้งเดียว คิดระบบ ชนะได้ 2 แต้ม เสมอได้ 1 แต้ม และแข่งขันที่สนามกลางคือ โดฮา, ประเทศกาตาร์

nishinono2
ทีมชาติญี่ปุ่น เริ่มต้นได้ไม่ดีนัก ทำได้แค่เสมอ ซาอุดิอาระเบีย 0-0 ก่อนแพ้ให้กับ อิหร่าน 1-2 อย่างไรก็ตามพวกเขากลับมามีลุ้นอีกครั้งด้วยการเก็บชัย 2 เกมรวด ชนะ เกาหลีเหนือ 3-0 และ ชนะ เกาหลีใต้ 1-0 ทำให้สถานการณ์ของทีมกลับมานำเป็นจ่าฝูง และขอแค่ชนะนัดสุดท้ายก็จะสร้างประวัติศาสตร์ไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ

วันที่ 28 ตุลาคม 1993 นัดชี้ชะตากับ อิรัก คู่แข่งนัดสุดท้ายที่จะเป็นตัวตัดสินชะตาการเข้ารอบ “ทัพซามูไรบลู” เริ่มต้นได้ดีด้วยการออกนำ 1-0 ตั้งแต่ต้นเกมจาก คาซูโยชิ มิอุระ ก่อนที่จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

กลับมาเล่นครึ่งหลังได้ไม่นาน อิรัก ก็มาตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ แต่ มาซาชิ นากายาม่า ก็ซัดประตูให้ทีมนำอีกครั้ง 2-1 ทุกอย่างดูจะเป็นดั่งใจหวังเหลืออีกเพียงไม่กี่นาที พวกเขาก็จะได้ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายเป็นสมัยแรก แต่เหมือนพระเจ้าเล่นตลกกับพวกเขา ในช่วงนาทีสุดท้ายของเกม อิรัก มาทำประตูตีเสมอ 2-2 ชนิดไม่มีใครคาดคิด

nishinono3
หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาว ผู้เล่นญี่ปุ่นทรุดตัวลงกับพื้น บ้างก็ร้องไห้แบบไม่อายใคร แฟนบอลทั้งประเทศต่างอยู่ในอาการเสียใจ ใช่แล้วครับตั๋วได้หลุดมือพวกเขาไปเสียแล้ว ทีมเกาหลีใต้ ที่มี 6 แต้มเท่ากับพวกเขาสามารถตีตั๋วผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้เป็นที่ 2 ต่อจาก ซาอุดิอาระเบีย ด้วยผลต่างประตูที่ดีกว่าเท่านั้น

ความผิดหวังในครั้งนั้น สร้างความเจ็บช้ำให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก และถือเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาภายใต้ชื่อ "โศกนาฏกรรมโดฮา" ซึ่งส่งผลให้มีการพัฒนาวงการฟุตบอลญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ทั้งการแข่งขันฟุตบอลลีกที่เป็นระบบ และการสร้างระบบเยาวชนป้อนขึ้นสู่ชุดใหญ่ในเวลาต่อมา

จากความผิดหวังแปรเปลี่ยนเป็นความหวังในเวลาต่อมา แฟนบอลหันมาตั้งความหวังกับสายเลือดใหม่ที่ขึ้นมาแทน นั่นก็คือ ทีมชาติญี่ปุ่น รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ภายใต้การนำของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือวัย 41 ปี ที่สามารถตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย โอลิมปิก เกมส์ 1996 ที่แอตแลนต้า ได้สำเร็จ

nishinono4
โดยมีคู่แข่งในรอบแรกอย่าง บราซิล, ไนจีเรีย และฮังการี ที่ตามสายตาสื่อทั่วโลกต่างหยามเหยียดว่า "แข้งจากแดนปลาดิบ" จะแพ้ทุกเกมอย่างแน่นอนเพราะด้วยศักยภาพเป็นรองอยู่มาก ด่านแรกที่พวกเขาต้องเจอก็คือ "แซมบ้า" บราซิล ที่เพิ่งจะประกาศความเป็นหนึ่งด้วยการคว้าแชมป์โลก 1994 มาครองได้สำเร็จ แถมมีเป้าหมายต่อไปคือเหรียญทองโอลิมปิกนั่นเอง

สมาคมลูกหนังบราซิล ตัดสินใจใส่ชื่อของผู้เล่นที่ดีที่สุดของพวกเขาอย่าง โรนัลโด้, ริวัลโด้, เบเบโต้, ซาวิโอ้, จูนินโญ่ และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส เรียกว่าขนกันมาแบบฟูลทีมเลยทีเดียว เป้าหมายคือแชมป์เท่านั้น แน่นอน อากิระ นิชิโนะ ผู้กุมชะตาของทัพซามูไรบลู รู้ดีว่าศักยภาพของทีมเป็นรองทุกด้าน เขาส่ง ฮิเดกิ มัตสึนากะ ไปเก็บข้อมูลของคู่แข่ง และส่ง โชเซ่ มาริโอ้ โค้ชผู้รักษาประตูชาวบราซิลของทีมกลับบ้านเกิดเพื่อสอดแนมคู่แข่งที่หินที่สุด

โชเซ่ มาริโอ้ ถูกสั่งให้เก็บรายละเอียดทุกอย่าง แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์รายวันในบราซิลที่รายงานสภาพทีมและการฝึกซ้อม หลังได้ข้อมูลชนิดรายวัน อากิระ นิชิโนะ เริ่มศึกษายุทธวิธีการเล่นของบราซิลแบบเจาะลึกทั้งรูปแบบการเล่น การเปลี่ยนตัว ก่อนหาวิธีการรับมือ ทั้งจากการดูวิดีโอและข้อมูลต่างๆ ก่อนพบว่าความห่างชั้นในเรื่องของฝีเท้าของทั้งสองทีมมันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน

nishinono6
เขาตัดสินใจไม่ให้ลูกทีมดูวิดีโอดังกล่าวเพราะคิดว่าจะเป็นการดีกว่าหากลูกทีมของเขาอยู่ในสภาพที่ไม่กลัวคู่แข่ง นิชิโนะ คิดแผนการหยุดยั้งแนวรุกต่างๆ นานา ก่อนตัดสินใจที่จะใช้ระบบ 3-6-1 โดยบอกลูกทีมว่าให้อดทนตั้งรับให้แน่นแล้วคอยหาจังหวะโต้กลับทันทีที่มีโอกาส

วันที่ 21 กรกฎาคม 1996 ทีมชาติญี่ปุ่น ลงสนามนัดแรกพบกับ บราซิล ที่สนามออเรนจ์ โบว์, ไมอามี่ เกมการแข่งขันในครึ่งแรกเป็นไปตามความคาดหมาย บราซิล เป็นฝ่ายบุกกดดันเข้าใส่อย่างต่อเนื่องทุกทาง แต่แนวรับของญี่ปุ่นที่เตรียมตัวมาอย่างดีก็รับกันอย่างเป็นระบบ ก่อนที่หมดครึ่งแรกจะตรึงสกอร์ไว้ที่ 0-0

กลับมาแข่งขันในครึ่งหลัง "ทัพแซมบ้า" โหมบุกกระหน่ำมากกว่าครึ่งแรก เกมเหมือนเล่นอยู่ครึ่งสนามเท่านั้น การระดมยิงจาก โรนัลโด้, ริวัลโด้, เบเบโต้, ซาวิโอ้ และ จูนินโญ่ เริ่มต้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ไม่สามารถผ่านมือของ โยชิคัตสึ คาวากุชิ นายทวารดาวรุ่งที่ฉายแววเจิดจรัสจากเกมนี้ เขาสามารถป้องกันลูกยิงไว้ได้ทั้งหมดแบบเหลือเชื่อ

nishinono5
หลังอดทนรอคอยอยู่นาน ในนาทีที่ 72 แผนการที่ นิชิโนะ กำชับลูกทีมก็สัมฤทธิ์ผล จากบอลยาวแดนกลางเข้าเขตโทษ อัลเดเอียร์ กองหลังตัวเก่งดันผิดพลาดชนกับ ดิด้า ผู้รักษาประตูทำให้บอลเลยมาถึง เทรุโยชิ อิโตะ กองกลางที่ได้ส้มหล่นซัดโล่งๆ เข้าไปไม่เหลือ ทีมชาติญี่ปุ่น ออกนำ 1-0 ก่อนที่จบเกมจะช็อกคนทั้งโลกด้วยการโค่นมหาอำนาจลูกหนังโลกอย่างบราซิลลงได้สำเร็จ

โดยจบเกม ทีมถ่ายทอดสดได้สรุปสถิติโอกาสในการทำประตูของ "ทัพแซมบ้า" ปรากฏว่ามีมากถึง 28 ครั้งเลยทีเดียว ขณะที่ ทีมชาติญี่ปุ่น มีโอกาสเพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น หลังเกม เบเบโต้ ดาวยิงตัวเก่งทีมชาติบราซิล ให้สัมภาษณ์แบบงงๆ ว่า "ฉันยังไม่รู้ว่าทำไมเราถึงแพ้พวกเขา" และแน่นอนชัยชนะเกมนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลญี่ปุ่นที่สามารถเอาชนะทีมชาติบราซิลได้สำเร็จ หลังก่อนหน้านี้ไม่เคยทำได้ไม่ว่าจะเป็นทีมรุ่นอายุไหนก็ตาม

สื่อในประเทศต่างยกย่องเกมการแข่งขันนัดนี้ว่าเป็น "มิราเคิล ออฟ ไมอามี่" (ปาฏิหาริย์แห่งไมอามี่) ที่ถือเป็นการปลูกฝังความเชื่อว่าพวกเขาสามารถต่อกรกับทีมแกร่งระดับโลกได้ มันกลายเป็นแรงผลักดันให้กับผู้เล่นรุ่นต่อๆ มาให้มีความเชื่ออยู่เสมอว่า ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในเกมลูกหนังหากตั้งใจ และรอคอยโอกาส

nishinono8
แม้ท้ายสุด "ทัพซามูไรบลู" จะต้องผิดหวังตกรอบจากผลงานในอีก 2 เกมต่อมา ด้วยการแพ้ ไนจีเรีย 0-2 และชนะฮังการี 3-2 ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่อันดับที่ 3 ของกลุ่มเท่านั้น แต่ผลงานการล้มเต็งหนึ่งลงได้ทำให้แฟนบอลคาดหวังในตัวเทรนเนอร์รายนี้เป็นอย่างมาก ถึงขั้นอยากให้เจ้าตัวถูกดันขึ้นไปรับงานคุมทีมชาติชุดใหญ่ในอนาคต

แต่กว่าที่ความฝันของแฟนบอลที่หนุนหลังเจ้าตัวจะเป็นจริงต้องใช้เวลายาวนานถึง 22 ปี ทันทีที่ วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช กุนซือชาวบอสเนียถูกปลดจากตำแหน่งก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เพียงแค่ 2 เดือน สมาคมลูกหนังญี่ปุ่นพยายามเสาะหากุนซือเข้ามาสานงานต่อ แต่ด้วยเวลาที่น้อยนิดทำให้ยากต่อการที่จะหาคนที่กล้าเข้ามารับงานที่เป็นความหวังของคนทั้งชาติ

อากิระ นิชิโนะ ในวัย 63 ปี ที่นั่งเป็นผู้อำนวยการกีฬาให้กับสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) และประธานเทคนิค ตั้งแต่ปี 2016 ถูกมอบหมายให้รับงานนี้ เขาต้องพาลูกทีมทั้ง 23 คน ไปลุยฟุตบอลโลก ชนิดไม่ทันตั้งตัวและมีเวลาเตรียมตัวเพียงไม่นาน แน่นอนด้วยความเอาจริงเอาจังกับหน้าที่ เจ้าตัวเริ่มหาข้อมูลของคู่แข่งที่จะต้องเจอทุกเกมในรอบแรก

nishinono7
เทรนเนอร์จอมแทคติกพา "ทัพซามูไรบลู" ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แบบทุลักทุเลด้วยผลงานชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 1 เก็บ 4 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปพบกับ เบลเยียม ก่อนแพ้ไปอย่างน่าเสียดายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 2-3 ทั้งที่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อนถึง 2-0 เรียกได้ว่าเกือบจะทลายกำแพงผ่านสู่สิ่งที่ตั้งความหวังไว้สำเร็จด้วยการผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

“มันถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังที่เราต้องเดินทางกลับ ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโลกยังคงดำเนินต่อไป กับอีก 4 ปีข้างหน้า เป้าหมายของเราคือการผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งผมเชื่อว่าผู้เล่นของเราจะสามารถทำได้สำเร็จจากประสบการณ์ในครั้งนี้ และผมก็อยากให้แฟนๆ เชื่อว่าพวกเขาสามารถทำได้”

“ผู้จัดการคนก่อนหน้านี้ได้ทิ้งมรดกชั้นดีไว้ให้ผม ผมเพียงแค่เพิ่มบางอย่างที่ขาดหายให้กับทีมชุดนี้ ผมคิดว่าเราสามารถทำผลงานได้ดีทีเดียว แต่ระดับโลกไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอ ทั้งทัวร์นาเมนต์เราเก็บชัยได้เพียงนัดเดียว มันเป็นการยากกว่าจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย และมันก็เป็นเรื่องยากอีกที่จะคว้าชัยในรอบน็อกเอาท์ในฟุตบอลโลก”

nishinono9
"เป็นเวลา 64 วัน นับจากที่ผมเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในคราวนี้ แต่ผู้เล่นเหล่านี้ต่างทำงานหนักตลอดระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก ที่ประเทศบราซิล พวกเขาลงเล่นครั้งนี้ด้วยความทรงจำต่างๆ มากมาย สัญญาของผมจะสิ้นสุดลง และงานของผมถือว่าจบลงหลังจบการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้” นายใหญ่ซามูไร กล่าวในงานแถลงข่าวลงจากตำแหน่งที่โรงแรมใกล้สนามบินนาริตะ ทันทีที่เดินทางถึงบ้านเกิด

ที่ญี่ปุ่นมีคำกล่าวที่ว่าหาก "โศกนาฏกรรมโดฮา" คือเหตุการณ์ที่สร้างความสิ้นหวังให้กับพวกเรา “มิราเคิล ออฟ ไมอามี่" ก็คือเหตุการณ์ที่คืนความเชื่อมั่นให้กับวงการฟุตบอลญี่ปุ่นอีกครั้ง

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่! "อากิระ นิชิโนะ" ผู้เคยจุดประกายความหวังฟุตบอลญี่ปุ่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook