The Fallen Angel? 15 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ‘อังเคล ดิ มาเรีย’

The Fallen Angel? 15 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ‘อังเคล ดิ มาเรีย’

The Fallen Angel? 15 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ‘อังเคล ดิ มาเรีย’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ใจไม่อยากแต่ด้วยความจำเป็นทำให้ “ปีกเทวดา”อย่าง อังเคล ดิ มาเรีย จำต้องสละความสุขในทีม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เพื่อมาอยู่ในนรกกับเหล่ากองทัพอสูรสีแดงเพลิง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทน

แต่กระนั้นดิ มาเรีย ก็เตรียมเป็นเจ้าของค่าตัวที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติของ “เอล นินโญ่” เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ย้ายจากลิเวอร์พูล ไปเชลซี ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ในวันที่ 31 ม.ค. 2011

ซูเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนติน่า อาจเป็นที่รู้จักอยู่แล้วในบางแง่มุม โดยเฉพาะกับผลงานในสนาม แต่นี่เป็นอีก 15 เรื่องราวที่เราควรรู้เกี่ยวกับเขา

เพื่อจะได้เข้าใจว่า “เทวดาตกสวรรค์” ที่แท้แล้วเป็นอย่างไร

1. “อังเคล ฟาเบียน” เป็นบุตรของ มิเกล และไดอานา ดิ มาเรีย โดยเกิดในย่านเปร์ดริเอล ในเมืองโรซาริโอ ซึ่งเขาได้เข้าสโมสรท้องถิ่น โรซาริโอ เซ็นทรัล ในปี 1995 โดยก่อนนั้นเขาเล่นให้กับทีมเล็กๆแห่งหนึ่งใกล้บ้าน แต่ถูกดึงตัวเข้าโรซาริโอ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบเพื่อแลกกับลูกฟุตบอล 30 ลูก! และดิ มาเรีย สำเร็จวิชาลูกหนังในทีมเยาวชนของโรซาริโอนี่เองในปี 2005

2. มิเกล พ่อของอังเคล เป็นนักฟุตบอลเหมือนกัน และเคยมีความฝันที่จะได้เล่นให้กับริเวอร์ เพลท แต่ความฝันนั้นต้องดับลงเมื่อได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่เข่าก่อนที่เขาจะได้ลงเปิดตัวด้วย ทำให้หมดอนาคตในเกมลูกหนังทันที ก่อนจะต้องระเห็จไปทำงานในเหมืองถ่านหินเป็นเวลากว่า 16 ปี เพื่อแลกกับรายได้อันน้อยนิดที่จะเลี้ยงครอบครัวได้ โดยอาศัยอยู่ร่วมกับน้องสาว 2 คน … เรื่องนี้เองที่ทำให้เจ้าหนูอังเคล ตระหนักดีว่าฟุตบอลคือ “โอกาส” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของครอบครัวเขาได้ (ลีโอ เมสซี่ ก็เกิดที่โรซาริโอ เพียงแต่อยู่ในครอบครัวชนชั้นกลางที่ไม่ลำบากขนาดนี้)

3. สมญานามของเขาคือ “ฟีเดโอ” หรือแปลว่า “เส้นก๋วยเตี่ยว” อันสะท้อนจากลักษณะของเขานั่นเอง

4. ในสมัยเด็กฮีโร่ของเจ้าหนูอังเคลคือ คีลี่ กอนซาเลซ อดีตปีกจอมเลื้อยแห่งบาเลนเซีย และอินเตอร์ มิลาน ซึ่งทั้งสองเป็นปีกที่ถนัดเท้าซ้ายเหมือนกัน (และสไตล์ก็ใกล้ๆกันอยู่!) โดยทั้งสองเคยเล่นร่วมกันในช่วงที่ อังเคล ได้ขึ้นชุดใหญ่ตอนอายุ 17 ปี แต่มันไม่ใชความทรงจำที่สวยงามอะไรนัก เพราะคิลี่ โกรธเขามากในเกมนั้นเนื่องจากไม่ยอมปิดพื้นที่ให้ดี เป็นหนึ่งในความทรงจำแย่ๆที่อังเคล ยืนยันว่าจะไม่มีวันลืม

ลีลา "คีลี่ กอนซาเลซ" ฮีโร่ของ ดิ มาเรีย

5. อังเคล เล่นให้โรซาริโอ 2 ปี และเริ่มเป็นที่ต้องการของสโมสรในยุโรป โดยเฉพาะจากฟอร์มในระดับทีมชาติชุดเยาวชน รูบิน คาซาน เกือบได้ตัวเขาไปในเดือน ม.ค. 2007 โดยเซ็นสัญญาแล้วแต่ดิ มาเรีย ไม่ยอมย้าย จากนั้นยังมีโบคา จูเนียร์ ที่อยากได้ตัวเขาด้วย แต่สุดท้ายเขาเลือกจะย้ายไป “เหยี่ยวลิสบอน” เบนฟิก้า ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร (โดยมีกลุ่มทุนถือหุ้นในตัวเขา ทำให้ยุ่งยากในเวลาต่อมา)

เลื้อยนรกแตกสมัยอยู่กับโรซาริโอ เซ็นทรัล

จากนั้นในปี 2009 ดิ มาเรีย ต่อสัญญาเพิ่ม 3 ปี พร้อมใส่ออพชั่นย้ายทีมได้ถ้าได้ข้อเสนอ 40 ล้านยูโร และหลังจากนั้น 10 เดือนเขาก็ได้ย้ายไปเล่นกับทีมที่ดังที่สุด และมีเสื้อที่ขลังที่สุด “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด

มาอยู่ เบนฟิก้า ก็ยังคงร้อนแรงจนเตะตา เรอัล มาดริด

6. ดิ มาเรีย เหมือนนักฟุตบอลคนอื่นๆที่ชอบสักตามร่างกาย ซึ่งเขาและเพื่อนรักอีก 6 คนที่โตมาด้วยกันในวัยเด็กเลือกจะสักข้อความว่า “การได้เกิดที่ เอล เปร์ดริเอล คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม” โดยมีเรื่องขำๆเกิดขึ้นเพราะดิ มาเรีย และเพื่อนตอนนั้นยังดูวัยรุ่นอยู่มาก เลยทำให้ต้องมีการเซ็นยินยอมจากผู้ปกครองก่อนถึงจะสักได้

7. ในเดือน มิ.ย. 2010 ดิ มาเรีย เซ็นสัญญา 5 ปีกับเรอัล มาดริด มูลค่า 25 ล้านยูโร ไม่รวมเงินอื่นๆอีก 11 ล้านยูโร และเขาเริ่มต้นได้สวยงามทำประตูได้ในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายกับเพนารอล (อุรุกวัย) ก่อนจะยิงในลีกนัดแรกได้ในเกมที่เรอัล มาดริด ชนะเรอัล โซเซียดัด 2-1 ต่อด้วยยิงในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ในเกมชนะโอแซร์ 1-0

8. กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ดิ มาเรีย ติดธงมาแล้ว 52 นัด ยิงได้ 10 ประตู โดยประตูที่เด่นที่สุดคือลูกที่ยิงดับสวิตเซอร์แลนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2014 นั่นเอง

ซัดใส่ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด

9. ดิ มาเรีย เป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกจากชัยชนะเหนือไนจีเรีย 1-0 ที่โอลิมปิก ปักกิ่ง เกมส์ ในปี 2008 โดยเป็นผู้ทำประตูชัยให้ทีมด้วยการชิพบอลอย่างสุดเหนือชั้นด้วยเท้าซ้ายเทวดาของเขา

ชิพอย่างเหนือชั้นจนซิวเหรียญทองโอลิมปิก 2008

10. ด้วยความที่เป็นคนถนัดเท้าซ้าย ไม่แปลกที่เขาจะไม่ชอบเปิดบอลด้วยเท้าขวา แต่มันแปลกที่เขาเลือกจะไม่เปิดบอลด้วยเท้าขวาเด็ดขาด และเลือกจะใช้การ “Rabona” หรือ “ไขว้” เพื่อเปิดบอลหรือยิงประตูมากกว่าจะใช้เท้าขวา โชคดีที่เขาทำเรื่องพวกนี้ได้ดีมาก

11. แน่นอนว่าเขาเคยทำประตูด้วยลูกไขว้ได้

12. เรอัล มาดริด อยากขายเขาออกไปเมื่อปีกลายหลังได้แกเร็ธ เบล มาด้วยสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ แต่ดิ มาเรีย ยืนยันว่าเขาจะไม่ย้ายทีมเพราะลูกสาวของเขา “มิอา” ซึ่งคลอดก่อนกำหนดถึง 3 เดือน ป่วยหนักมากในเวลานั้นและต้องรับการดูแลอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลในกรุงมาดริด แต่ถึงจะประสบเรื่องร้ายๆแบบนี้เขากลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยหลังมิอา เกิดได้ 5 วันเขาสามารถทำประตูชัยให้ทีมได้ในเกมดาร์บี้แมตช์กับ แอตเลติโก มาดริด

13. ขอบคุณพระเจ้าที่ มิอา รักษาลมหายใจน้อยๆของเธอได้ และในวันคล้ายวันเกิดแรกของชีวิต จอร์เจลินา ภรรยาของอังเคล โพสต์ภาพในอินสตาแกรมพร้อมข้อความว่า “เรามีวันนี้กันได้เพราะพ่อคนเดียว ตัวฉันรู้ว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องเห็นภาพที่หนูต้องสวมหน้ากากและมีเครื่องมือระโยงระยางเต็มไปหมด ไม่มีสิ่งใดที่เศร้ากว่าการต้องกลับจากโรงพยาบาลด้วยอ้อมกอดที่ว่างเปล่า พวกเรานอนร้องไห้กันทุกคืน ตอนนี้เราสามารถพูดได้แล้วว่าหนูแข็งแรง และเป็นเด็กที่มีความสุข หนูเอาชนะเกมแห่งชีวิตของหนูได้ และเป็นชัยชนะเพื่อพวกเราด้วย”

14. ดิ มาเรีย เกิดในวันแห่งความรัก 14 ก.พ. 1988! และว่ากันว่าเขาเป็นบุคคลที่เกิดในวันวาเลนไทน์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด

15. เชื่อกันว่า ดิ มาเรีย ได้มีการพูดคุยกับ หลุยส์ ฟานฮาล เกี่ยวกับบทบาทในทีมแมนฯ ยูไนเต็ดแล้ว และการย้ายมาของเขาอาจทำให้ ฟาน ฮาล ต้องปรับระบบการเล่นไปจาก 3-5-2 ที่เขาถนัด โดยดิ มาเรีย จะได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ต่อจากจอร์จ เบสต์, ไบรอัน ร็อบสัน, เอริค คันโตนา, เดวิด เบ็คแฮม และเพื่อนรักของเขา คริสติอาโน่ โรนัลโด้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook