เดินทางถึงไทย! "นิชิโนะ" แถลงข่าวเปิดตัวคุม "ทัพช้างศึก" เป็นทางการ
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลขายทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2562 เวลา 13.00 น. ณ ชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ การกีฬาแห่งประเทศไทย
การแถลงข่าวครั้งนี้ นำโดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทัพช้างศึกคนใหม่
ในงานแถลงข่าว พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า "ในนามนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง อากิระ นิชิโนะ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อย่างเป็นทางการ"
"ผมรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับ อากิระ นิชิโนะ เนื่องจาก เขามีประสบการณ์กับทีมชาติญี่ปุ่น และ สโมสรในเจลีก โดยเฉพาะล่าสุดในการพาทีมชาติญี่ปุ่นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ทำให้เขาได้รับความสนใจจากหลายๆทีม โดยเฉพาะตัวผมเอง ก็ได้ไปเชิญ อากิระ นิชิโนะ มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย"
"จากการที่เราได้เห็นนักเตะไทยไปเล่นในเจลีก พวกเขาเหล่านั้นมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างชัดเจน เราเชื่อว่า อากิระ นิชิโนะ จะสามารถนำพาวงการกีฬาฟุตบอลของเรา และนักฟุตบอลของเรามีการพัฒนา และสามารถแข่งขันกับทีมที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าในอนาคต ผมเชื่อว่าเขาจะพาทีมชาติไทยสร้างผลงานที่ดีขึ้นและเป็นที่ยอมรับ ซึ่งนี่คือเป้าหมายของสมาคมฯ"
"สมาคมฯ พร้อมให้การสนับสนุนการทำงาน นิชิโนะ ทั้งการเตรียมความพร้อมของทีม ของรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และชุดใหญ่ ในทุกเรื่องที่เป็นหน้าที่สมาคมฯ สมาคมฯ ให้ความมั่นใจว่า จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และไม่ยอมให้ใครแทรกแซงการทำงานของนิชิโนะ ซึ่งไม่ใช่แค่นิชิโนะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นโยบายของสมาคมฯ ยึดเป็นหลักการสำคัญ ผู้บริหาร หรือ คนของสมาคมฯ จะไม่แทรกแซงการทำงานของโค้ช หวังว่าแฟนบอลและสื่อมวลชนจะให้การสนับสนุน นิชิโนะ ในการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย"
"(เรื่องการสนับสนุนเรื่องสตาฟฟ์โค้ช) อย่างที่เรียนข้างต้น ความรับผิดชอบของสมาคมฯ เราจะทำอย่างเต็มที่เพื่อให้การทำงานของนิชิโนะ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เมื่อเป็นความต้องการของทางโค้ช ที่ต้องการจะทำงานกับโค้ชไทย ทั้งผู้ช่วยและสตาฟฟ์โค้ช ก็เป็นความปรารถนาดี ของนิชิโนะ ที่จะพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างเป็นระบบ"
"ในวันข้างหน้าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่กับฟุตบอลไทย เขาก็จะวางประสบการณ์ ความรู้ และพัฒนาฟุตบอลไทยต่อไปในอนาคต ด้วยความสนับสนุนและปราศจากการแทรกแซงจากสมาคมฯ ผมเชื่อว่าความสามารถและประสิทธิภาพของนิชิโนะ จะสามารถนำทีมชาติไทยไปสู่เป้าหมาย ที่สมาคมฯ แฟนบอล และทุกท่านต้องการให้ได้"
ด้าน อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า "ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ได้เข้ามาคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ผมเองก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วย จากปีที่แล้วอย่างที่ทราบกันว่า ผมได้พาทีมชาติญี่ปุ่นเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก หลังจากนั้น 1 ปี ผมก็ได้ทำงานเป็นเบื้องหลังที่ญี่ปุ่น และได้พบกับ นายกสมาคมฯ ผมได้เห็นความตั้งใจของนายกสมาคมฯ และสมาคมฯ ผมจึงยินดีที่จะเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้"
"หลังจากที่ผมมีโอกาสชมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ก็เห็นโอกาสมากมาย ที่จะพัฒนาทีมชาติไทย ทั้งในการแข่งขันฟุตบอลโลก และทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่มีเป้าหมายไปโอลิมปิก แต่ไม่ใช่ผมคนเดียว แต่ต้องเป็นตัวผม สมาคมฯ รวมถึงทุกคน"
"เดือนกันยายนนี้ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกจะเริ่มขึ้นแล้ว แม้เวลาไม่เยอะ แต่จากประสบการณ์ในการเตรียมทีมชาติญี่ปุ่นลุยฟุตบอลโลก ในระยะเวลาอันสั้น ผมมั่นใจว่ามันมีโอกาสทำได้ หลังจากที่ได้เห็นศักยภาพของนักฟุตบอลทีมชาติไทย แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แต่ผมต้องการความร่วมมือจากสมาคมฯ และแฟนบอล ผมเชื่อว่าหากได้รับความร่วมมือ ทีมชาติไทยก็มีโอกาสที่จะไปฟุตบอลโลก หรือ โอลิมปิก"
"(เป้าหมายในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ครั้งนี้?)ตอนนี้ก็อาจจะเร็วเกินไปในการตั้งเป้าหมายในระยะยาว เบื้องต้นผมก็ต้องพยายามดูนักเตะ ทำงานทุกวันให้ดีที่สุด ส่วนในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รอบนี้ ก็หวังจะผ่านรอบนี้ไปให้ได้ เกมแรก ที่จะพบกับเวียดนาม ผมเองก็จะพยายามเอาชนะให้ได้"
"(ระยะเวลาการเตรียมทีมที่สั้นจะเป็นปัญหาหรือไม่ และความแตกต่างระหว่างนักเตะญี่ปุ่นกับนักเตะไทย?) ก่อนหน้าที่ผมจะพาไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย กับญี่ปุ่น สื่อญี่ปุ่นก็ถามเขาว่ามีเวลาแค่สองเดือนเพียงพอไหม เพราะฉะนั้น การมีเวลาสิบวันกับทีมชาติไทยในครั้งนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล สำหรับ นักเตะญี่ปุ่นการจะไปฟุตบอลโลก ก็ต้องพัฒนาตัวเอง นักเตะไทยเองก็ต้องยกระดับตัวเองเช่นกัน แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ผมคิดว่านักเตะไทยก็สามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปได้"
"จากประสบการณ์ และจากที่ได้เห็นนักฟุตบอลไทยมาแล้ว ผมคิดว่าผมสามารถยกระดับนักฟุตบอลไทยขึ้นไปได้ โดยจะใช้ประสบการณ์จากที่เคยพัฒนานักฟุตบอลญี่ปุ่นมาแล้ว"
"(การวางแผนเรื่องทีมงานสตาฟฟ์โค้ช?) ตอนนี้ผมมาแค่คนเดียว จากที่ได้มาดูการทำงานที่นี่ ก็ได้พบกับ ทีมงานโค้ชของไทยหลายคน ผมเองก็มองเห็นถึงความมุ่งมั่น ผมเองก็พร้อมจะร่วมงานกับโค้ชไทย เพื่อสร้างทีมชาติไทยทั้งระบบขึ้นมา"
"(ทีมชาติไทยอยู่ในระดับไหนในสายตาของนิชิโนะ?) ระหว่างที่เป็นโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ก็เคยมาแข่งขันกับทีมชาติไทย แม้ผมจะเอาชนะไทยไปได้ แต่ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นงานที่ง่ายเลย เพราะกว่าจะเอาชนะได้ก็ต้องออกแรงเหนื่อยพอสมควร หลังจากนั้น ผมก็คิดว่าทีมชาติไทยสามารถพัฒนาไปไกลได้มากกว่านี้อีก"
"(เรื่องการดึงสตาฟฟ์จากญี่ปุ่นมาร่วมงานในอนาคต?) ความตั้งใจของผมคือการทำงานร่วมกับโค้ชไทย อยากพัฒนาทีมชาติไทยไปพร้อมกับโค้ชไทย การจะดึงสตาฟฟ์มาในอนาคต แปลว่าพลังของผมไม่พอ แต่ตอนนี้ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดก่อน"
"(ระยะเวลาเตรียมทีมที่ไม่มาก?) ไม่ใช่ผมคนเดียวที่จะสามารถทำได้ ผมเชื่อว่าทีมชาติไทยพัฒนาได้ ต้องอาศัยแรงจากนักเตะ และโค้ชทุกคน ผมเองก็จะเริ่มงานทันที ผมอยากไปดูฟุตบอลไทยให้เร็วที่สุดเพื่อศึกษา โดยจะเริ่มตั้งแต่ เย็นนี้เป็นต้นไปที่จะเดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับผมมองว่ามันไม่ยากเกินไป แต่มันก็ไม่เรื่องง่าย การเจอกับทีมในอาเซียน เกือบหมด มันก็เหมือนเป็นการเตรียมทีมก่อนซีเกมส์เลยทีเดียว"
"ในกลุ่มของเรา อาจจะมีข้อได้เปรียบจากกลุ่มอื่น คือไม่ต้องเดินทางมาก ไม่เหนื่อยล้า แต่ก็ไม่ใช่แค่เรา แต่รวมถึงทีมอื่นๆก็เช่นกัน ที่ไม่ต้องเดินทางไกล"
สำหรับ อากิระ นิชิโนะ มีโปรแกรมนำทีมชาติไทยชุดใหญ่และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลุยศึกสำคัญ ในช่วงหลังจากนี้ประกอบไปด้วย ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ต่อด้วย ฟุตบอลชายในมหกรรมซีเกมส์ และ ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย