5 Best Moment...ของ ตอร์ไม้ กับ เชลซี

5 ช่วงเวลาดีของ "ตอร์ไม้" ในยูนิฟอร์ม "สิงโตน้ำเงินคราม" ทิ้งทวนหลังโยกซบ เอซี มิลาน

มีข่าวฮ็อตประเด็นร้อนเกิดเมื่อช่วงดึกคืนวานก่อน ซึ่งสร้างเรื่องฮือฮาให้กับเหล่าบรรดาคอบอลและวงการลูกหนังได้ไม่น้อยเลย นั่นคือการที่เจ้า "เอล นินโญ่" เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้แบกข้าวแบกของย้ายภูมิลำเนาไปอยู่กับ "ปีศาจแดง-ดำ" เอซี มิลาน นั่นเองด้วยสัญญายืมตัว 2 ปีรวด

ภายหลังจากดีลนี้ได้เกิดขึ้นแน่นอนว่ามันก็มีเรื่องซุบซิบเม้าท์มอยตามๆ กันมา ซึ่งมันก็มีทั้งกระแสที่ดีและก็ไม่ดีนะ โดยด้านหนึ่งก็จะเป็นแบบว่า "เออ ไปเถอะดีแล้ว ไปเรียกฝีเท้าอันสุดยอดกลับมาที่ เอซี มิลาน แล้วค่อยกลับมาผงาดกับ เชลซี ในอีก 2 ปีข้างหน้า" ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ประมาณ "อ้าว!....ตอส ไปแล้ว เชลซี เหลือกองหน้า 2 คนจะไหวเหรอ? ถ้า คอสต้า เจ็บก็เหลือ ดร็อกบา แล้ว ดร็อกบา ก็แก่แล้ว จะยังโอเคอยู่ไหม?" และอีกต่างๆ นาๆ มากมาย

โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกใจหายเหมือนกันเมื่อทราบข่าว แต่การไป อิตาลี นั้นมันก็เป็นเรื่องของเขานะ เพราะอยู่ไปนั่นได้ลงเล่นบ่อยชัวร์อยู่แล้ว อยู่ เชลซี ก็ได้แค่นั่งหงอยดูเพื่อนเล่นของที่ม้านั่งสำรอง ซึ่งตลอด 2 เกมพบกับ เบิร์นลี่ย์ และ เลสเตอร์ นั้น "ไอ้ตอส" เองก็ไม่ได้ลงสนามเลย

มาตรฐานของ ตอร์เรส ถูกตั้งเอาไว้สูงตั้งแต่ได้ย้ายมาสวมยูนิฟอร์ม "สิงโตน้ำเงินคราม" ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะผลงานของเขาที่ทำไว้กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ถ้านึกถึงตอนนั้นแล้วพูดได้คำเดียวเลยว่า "ง้างเป็นเข้าจริงๆ" สำหรับเจ้า "เอล นินโญ่"

• ผลงานกับ ลิเวอร์พูล : ลงเล่น 142 เกม ยิงได้ 81 ประตู เฉลี่ย 1 ประตูต่อ 1.8 เกม ถ้าตีเป็นราคาก็ 296,000 ปอนด์ต่อ 1 ประตูจากค่าตัว 24 ล้านปอนด์ที่ซื้อมาจาก แอตเลติโก มาดริด
• ผลงานกัล เชลซี : ลงเล่น 172 เกม ยิงได้ 45 ประตู เฉลี่ย 1 ประตูต่อ 3.8 เกม ถ้าตีเป็นราคาก็ 1.1 ล้านปอนด์ต่อ 1 ประตูจากค่าตัว 50 ล้านปอนด์ที่ซื้อมาจาก ลิเวอร์พูล

หลังจากการย้ายทีมครั้งนี้ก็ยังมีอีก 1 คำถามตามมานั่นก็คือ "ตอน ตอร์เรส ย้ายมา เซ็นสัญญา 5 ปีครึ่ง ซึ่งตอนนี้เล่นมาแล้ว 3 ปีครึ่งแล้ว และถ้ากลับมาจาก มิลาน สัญญาก็หมดพอดีน่ะสิ" ใช่ครับ สัญญาของพี่แกจะหมดลงพอดี แต่ก็ไม่แน่นะถ้าผลงานแจ่มแจแดมแจ่มว๊าววว! กับ "รอสโซเนรี่" ทาง เชลซี ก็อาจจะมียื่นสัญญาใหม่ให้ก็เป็นได้

และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ต้องดูอีกว่านักเตะยินดีที่จะอยู่กับทีมต่อไหม? ถ้าเกิดว่าไม่ เชลซี ก็คงไม่ขวางทางอยู่แล้วล่ะ เพราะถึงตอนนั้น ตอร์เรส ก็จะมีอายุราว 32 ปี แต่ส่วนแล้วก็อยากอยู่ เชลซี ต่อไปยาวๆ นะไม่ว่าจะเก่งเหมือนเดิมหรือไม่ก็ตาม

ร่ายกันมาซะยาวเลย...พักเรื่องตรงนี้ไว้ก่อนแล้วกัน วันนี้ครับผมมี 5 โมเมนต์แจ่มแจแดมแจ่มว๊าววตลอดระยะเวลาที่อยู่กับ เชลซี ของ "เจ้าตอส" มาย้อนให้คุณผู้อ่านนั้นได้ดูกัน...

Moment 1 : ประตูแรกในสีเสื้อของ "เดอะ บลูส์"

ถ้ายังจำกันได้ตอนย้ายมาใหม่ๆ นั้น "เจ้าตอส" ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักพอสมควรเรื่องที่ยังยิงประตูให้กับ เชลซี ไม่ได้เสียที และก็ทำผลงานได้ไม่คุ้มกับค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ซึ่งมากที่สุดในเกาะอังกฤษ ตอนนั้น

แต่แล้วเมื่อวันที่ 23 เมษายน ปี 2011 ในเกมลีกที่ เชลซี เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พอเวลาดำเนินมาถึงช่วงนาทีที่ 84 ในที่สุดเวลาที่ทุกท่านทั้งโลกมนุษย์รอคอยก็มาถึง....

เมื่อ นิโกล่า อเนลก้า แทงบอลทะลุช่องเข้ากรอบเขตโทษ ฉีกหลบกองหลังของทาง "เดอะ แฮมเมอร์ส" 2 คนก่อนที่ม้วนตัวแล้วพลิกบรรจงยิงด้วยซ้ายผ่านตัว โรเบิร์ต กรีน เข้าไป ส่งผลให้หยุดสถิติตีนบอดที่นานถึง 732 นาทีกับสีเสื้อของ "สิงห์ไฮโซ"

Moment 2 : แฮตทริกครั้งแรกในสีเสื้อของ "สิงโตน้ำเงินคราม"

หลังจากยิงประตูแรกได้แล้ว เป้าหมายต่อไปที่แฟนๆ ที่รักของ "เจ้าตอส" อยากเห็นก็คือ การทำแฮตทริกให้ได้นั่นเอง แม้เจ้าตัวนั้นจะยิงประตูไม่ค่อยได้แบบต่อเนื่องเหมือนตอนที่อยู่กับ "หงส์แดง" ก็ตาม

แต่แล้วสิ่งที่ใครๆ อยากเห็นมันก็เกิดขึ้นจนได้ในเดือนเมษายน แต่เป็นปี 2012 ซึ่งเป็นเกมลีกที่ เชลซี เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส โดย ตอร์เรส นั้นยิงประตูได้ในลูกที่ 3,4 และ 5 ก่อนที่ "สิงห์บลูส์" จะถล่มทีมเยือนไป 6-1

โดยลูกแรกนั้นมาจากการประสานงานกันทั้ง 3 ผู้เล่น ซึ่งได้แก่ ตอร์เรส, ฆวน มาต้า และ ซาโลมง กาลู ทำชิ่งกัน ก่อน "เอล นินโญ่" จะรับบอลและเลี้ยงหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และกระชากหลบนายทวารของทาง "คิวพีอาร์" และยิงเข้าไปง่ายๆ

ขณะที่ลูกที่ 2 นั้นเพื่อนโยนบอลไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ซึ่งทำท่าว่าจะโดนทาง ควีนปาร์ค เคลียร์ออกไปได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แต่เหมือนกองหลังกับนายประตูของพวกเขาจะไม่เข้าใจกัน ดันไปชนกันซะเอง ก่อน "เจ้าตอส" จะโฉบแย่งบอลและยิงเข้าไปนิ่มๆ

ส่วนลูกแฮตทริกนั้นเกิดขึ้นในจังหวะสวนกลับ เมื่อ ตอร์เรส วิ่งนำหน้าไปทางซ้าย ก่อน ฆวน มาต้า จะแทงบอลทะลุช่องเข้ากรอบเขตโทษ และไม่ล้ำหน้า และจากนั้น "เจ้าตอส" ก็พลิกตัว 1 จังหวะ และแปรบอลเลียดไปที่เสา 2 แบบเหนือชั้น

Moment 3 : ซัดตุงชัยช่วงนาทีสุดท้ายของช่วงทดเจ็บให้ เชลซี เฉือนชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0

ในเกมบิ๊กแมตซ์เมื่อฤดูกาลที่แล้วที่ เชลซี เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องบอกเลยว่าเกมคู่นี้ทั้ง 2 ทีมสู้กันได้อย่างสูสีเลยทีเดียวผลัดกันรุกผลัดกันรับแบบแลกกันมันส์หยด

ตอนแรกคาดกันว่าเกมน่าจะจบลงที่ผลเสมอ 0-0 แต่แล้วในที่สุดเกมนี้ก็มีผู้ชนะจนได้ ซึ่งต้องรอถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บเลยทีเดียว โดย วิลเลี่ยน นั้นสาดบอลขึ้นไปในแดนหน้า ซึ่งจังหวะนี้ดูจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เจ้า กาแอล กลิชี่ ดันมีเจตนาโขกบอลคืนไปยัง โจ ฮาร์ท แต่เหมือนกับพี่แกนั้นไม่เห็นว่า ฮาร์ท นั้นวิ่งออกมาจากกรอบประตู ทำให้บอลนั้นวิ่งเข้าหาประตู

แต่แล้วทาง "เรือใบสีฟ้า" ยังมีโชค เมื่อ มาร์ติน เดมิเคลิส ยังอยู่ตรงนั้น แล้วก็รับวิ่งเข้าไปเคลียร์บอลทิ้ง แต่เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง เพราะ "เจ้าตอส" กดสปีด วิ่งแซงแล้วไปยิงด้วยขวา และบอลนั้นพุ่งผ่าน เดมิเคลิส เข้าประตูไป เป็นประตูชัยพา เชลซี เก็บ 3 แต้มได้สำเร็จในคืนนั้น

Moment 4 : ยิงเปิดหัวใน เชลซี ขึ้นนำ เบนฟิก้า ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก

โมเมนต์ดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่แข่งกันที่ อัมสเตอร์ดัม อารีน่า ประเทศ ฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง เชลซี กับ "เหลี่ยวลิสบอน" เบนฟิก้า โดยเตะกันวันที่ 16 พฤษภาคม ปี 2013

และแล้ว "เจ้าตอส" ของเราก็ทำให้แฟนๆ "สิงห์บลูส์" ได้เฮลั่นสนั่น อัมสเตอร์ดัม อารีน่า เมื่อเจ้าตัวหลุดเดี่ยวใช้ความแข็งแกร่งเบียดเอาชนะ เอเซเกล การาย ล้มลงไปนอนคว่ำกับพื้น ก่อนที่จะแตะบอลหลบผู้รักษาประตูของคู่แข่งและยิงเข้าไปเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ก่อนท้ายที่สุดนั้นจะ เชลซี เป็นฝ่ายเอาชนะไป 2-1 พร้อมกับคว้าแชมป์ไปครอง

Moment 5 : ตอสส....ลากบอลตะลุยมาคนเดียวซัดตุงดับฝัน "บาร์ซ่า"

โมเมนต์สุดท้ายนี้เป็นโมเมนต์ที่ผมชื่นชอบมากที่สุดของ ตอร์เรส ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก นัดที่ 2 โดยเจอกับ บาร์เซโลน่า ที่ถิ่น คัมป์ นู เมื่อวันที่ 24 เมษายน ปี 2012 หลังจากนัดแรก เชลซี เอาชนะ มาได้ก่อน 1-0

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงนาทีสุดท้ายของเกม ซึ่งตอนนั้น "บาร์ซ่า" ขึ้นนำอยู่ 2-1 และ ณ เวลานั้นเจ้าบ้านกำลังเล่นกันขลุกขลิกอยู่ในกรอบเขตโทษของ "สิงห์บลูส์" เพื่อหวังเอาประตูที่ 3 ให้จงได้ แต่แล้วช็อตไฮไลท์ที่ผมไม่มีวันลืมเลยก็คือ แกรี่ เคฮิลล์ สาดบอลเคลียร์ทิ้งขึ้นหน้ามา โดยมี ตอร์เรส ยืนค้ำหน้าอยู่

และบอลก็มาถึง ตอร์เรส พอดิบพอดี จากนั้นก็ลากลุยเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษ ดวล 1-1 กับ บิคตอร์ บัลเดส ก่อนที่จะกระชากหลับ 1 จังหวะ และแปรบอลเข้าตุงตาข่ายง่ายๆ โล่งๆ ดับฝัน บาร์เซโลน่า ในการตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

ผมจำมันได้ดี และเวลานึกถึง ตอร์เรส ผมจะนึกถึงช็อตนี้เสมอ คำอุทานของผมในวันนั้นมันออกมาจากปากว่า "ตอสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส!!!!!!!!!!!!!"

นั่นก็คือช่วงเวลาดีๆ ของ ตอร์เรส ที่ผมนำมาบอกเล่าเก้าสิบให้กับท่านผู้อ่านได้รับชมกัน ซึ่งตอนนี้เราจะไม่เห็นหน้าเขาอีกในสีเสื้อ "เดอะ บลูส์" เป็นระยะเวลา 2 ปี สุดท้ายนี้ในฐานะสาวก เชลซี คนหนึ่งก็ขออวยพรให้เขาโชคดีกับ เอซี มิลาน ขอให้กลับมามีฟอร์มที่จัดจ้านเหมือนสมัยก่อน "โชคดี....ไอ้ตอสสสสส!!!"

HaMu