ตลอดไปไม่มีจริง : สิ่งที่ "ต็อตติ" รับไม่ได้จนต้องตัดสัมพันธ์ 30 ปีกับโรม่า
ออกัสตัส, จูเลียส ซีซาร์, สปาร์ตาคัส, มหาราชคอนสแตนติน และ มาร์คัส ซิเซโร่ พวกเขาเหล่านี้คือเอกบุรุษผู้ที่ทำให้กรุงโรมยิ่งใหญ่มาแต่โบราณ และเมื่อประวัติศาสตร์ถูกเขียนส่งมายังรุ่นต่อรุ่น ที่สุดแล้วก็มาลงที่เด็กชายคนหนึ่งนามว่า ฟรานเชสโก้ ต็อตติ เลือดเนื้อเชื้อไขของกรุงโรมผู้เป็นตัวแทนของจักรวรรดิโรมันยุคใหม่
ปัจจุบัน ต็อตติ อายุ 42 ปี แต่เขามอบร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเองให้กับ โรม่า มาแล้วทั้งหมด 38 ปี เรียกได้ว่าตั้งแต่จำความได้ สโมสรนี้คือสโมสรเดียวเท่านั้นที่เขาอยากจะรับใช้แม้จะมีที่ไหนให้ความสำเร็จทั้งในแง่ชื่อเสียงและเกียรติยศมากกว่า นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงเล่นกับ โรม่า ทีมเดียวตลอดชีวิต และเมื่อเลิกเล่นเขายังคงรับหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้บริหารของ โรม่า ... เมื่อพูดถึงทีม จัลโล่รอสซี่ ก็ต้องนึกถึง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ มันคือสิ่งที่แยกกันไม่ออก
อย่างไรก็ตามหลังรับตำแหน่งได้เพียงแค่ 2 ปี เหตุใดราชาหมาป่าจึงยื่นซองขาวลาออกจากตำแหน่งอันทรงเกียรติ และยืนยันว่าที่ทำแบบนี้มันถูกต้องที่สุดแล้ว ทั้งที่เขาเคยบอกจากปากเองว่าจะอยู่กับทีมๆ นี้ไปจนตาย? ... ติดตามเรื่องราวเบื้องลึกที่ทำให้ ต็อตติ ทำในสิ่งที่ฝืนใจที่สุดได้ที่นี่
ฟรานเชสโก้ คือสมบัติของกรุงโรม
ความรักนั้นจะสมบูรณ์แบบได้จำเป็นต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย และหัวใจหลักของความผูกพันระหว่าง โรม่า กับ ต็อตติ คือ ทั้งคู่ต่างรู้สึกเหมือนกัน ...
ไม่ใช่แค่การเป็นสายเลือดของชาวโรมเท่านั้นที่ทำให้ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้น หากแต่ ต็อตติ คือนักเตะที่แฟนบอลโรม่าเรียกว่าอัจฉริยะตั้งแต่วันที่เขาเริ่มคิดจะเล่นฟุตบอล 4 ขวบ คืออายุที่ ต็อตติ เริ่มหลอกล่อเด็กๆ คนอื่นจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
photo : LifeBogger
"ฟรานเชสโก้ในวัย 4 ขวบผู้สวมถุงเท้าแดงและเสื้อเบอร์ 4 สีขาว ลงเล่นกับเด็กที่อายุมากกว่า 2 เท่าจนพวกนั้นอ้าปากค้าง" พ่อของ ต็อตติ เล่าเรื่องนี้ให้กับ FourFourTwo ฟัง จากนั้นบทความดังกล่าวก็เล่าถึงพัฒนาการที่น่าเหลือเชื่อของเด็กชายฟรานเชสโก้ ไม่ว่าจะเป็นการพาทีม โรม่า รุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี คว้าแชมป์ลีกทั้งๆ ที่เขาอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น และไต่ระดับแบบข้ามรุ่นมาตลอด โค้ชทุกคนที่เคยฝึกสอนให้กับ ต็อตติ ต่างบอกเป็นคำเดียวว่า "อย่าไปสอนเขาเรื่องเทคนิคเลย มันเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า" เพราะ ต็อตติ คือนักเตะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดและเก่งที่สุดนับตั้งแต่โรม่าก่อตั้งสโมสรมา
“ผมจำได้ว่าส่ง ต็อตติ ตอนอายุ 17 ลงเล่นในช่วง 10 นาทีสุดท้าย จากนั้น ผมเรียกผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร (จอร์โจ้ เปริเนตติ) มาบอกเขาว่าอย่าให้แชมเปี้ยนคนนี้ออกจากสโมสรเป็นอันขาด” ลูชาโน่ สปิโนซี่ กุนซือทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เล่าย้อนไปถึง ต็อตติ ในวันนั้น
ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการ ต็อตติ เก่งขึ้นทุกคืนวันเพราะเป็นเด็กที่ทัศนคติดี กระตือรือร้นที่จะมองดูรุ่นพี่เล่นและศึกษาทุกอย่างเอามาใส่กับสไตล์การเล่นของตัวเอง แม้เขาจะทะนงตนอยู่บ้างเพราะคิดว่าตัวเองเก่งเกินกว่าจะมาเล่นในทีมสำรอง แต่อย่างน้อยๆ การถูกสอนให้อดทนและรู้จักรอในวัยเด็กก็ทำให้เขายืนระยะการเล่นให้กับโรม่าได้ยาวนานถึง 28 ปี
การอยู่กับทีมมานานขนาดนั้นมีเหตุผลประกอบหลายอย่าง และส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน และคนในสโมสรคือครอบครัว คาร์โล มาซโซเน่ ที่ให้โอกาส ต็อตติ ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ตัวจริงนัดแรกก็คือคนที่เป็นพ่อบุญธรรมของเขา, จูเซปเป้ จานนินี่ นักเตะรุ่นพี่เจ้าของฉายา อิล ปรินซิเป้ หรือเจ้าชายแห่งโรม ก็สนิทกับเขาเหมือนพี่ชายแท้ๆ นอกจากนี้ จิลโด้ จานนินี่ พ่อของ จูเซปเป้ ก็เป็นคนที่บอกให้บอร์ดบริหารให้สัญญานักเตะอาชีพกับ ต็อตติ ในปี 1989 คนภายในสโมสรแห่งนี้ดูแลและให้คำแนะนำกันอยู่เสมอ พวกเขามีกลุ่มสังคมที่แข็งแกร่งมากจนเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่แค่ซ้อมและเล่นฟุตบอลด้วยกัน แต่รวมถึงแนวทางการใช้ชีวิตอีกด้วย
photo : 990 AM WNTP
นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็มากพอที่จะบอกได้ว่า ครอบครัวและความรู้สึกผูกพันนั้นหลอมรวมกันเป็นพื้นเพชีวิตเรื่องราวของ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ในการเป็นนักเตะโรม่า และทำให้เขาไม่เคยคิดย้ายทีมไปไหนเลย แม้จะได้รับข้อเสนอค่าเหนื่อยมหาศาลจากทีมที่ดีที่สุดในโลกอย่าง เรอัล มาดริด ก็ตาม ... ไม่มีเลยซักครั้งที่ ออร์ปูโปเน่ (ไอ้เด็กเก๋า) ของชาวโรมจะคิดว่อกแว่กถึงเรื่องนี้
กรุงโรมคือบ้านของเขา และตัวเขาคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโรม่า สมบัติชิ้นนี้ "ประเมินค่าไม่ได้" เพราะไม่ว่าใครก็ใช้เงินซื้อไม่ได้ แม้แต่วันที่เขาไม่สามารถเล่นฟุตบอลระดับสูงด้วยคุณภาพเท่าเดิม ต็อตติ ก็ยังมีอิทธิพลในมือและการยอมรับจากคนรอบข้างมากพอที่จะได้รับตำแหน่งบอร์ดบริหารแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลยก็ตาม
ถอดสตั๊ดใส่สูท
เดือนกรกฎาคมปี 2017 ต็อตติ ยืนยันว่าจะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการและเผยว่าเขาได้รับข้อเสนอจาก โรม่า เพื่อให้ทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรต่อไป ... และเขาตัดสินใจรับมันพร้อมประกาศว่าเขาจะทำงานด้วยความทุ่มเทเหมือนกับที่เคยทำมาตลอด
photo : Gulf News
"เรื่องราวบทแรกของชีวิตผมในการเป็นนักเตะมันจบลงแล้ว ตอนนี้เรื่องราวบทที่สองกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในฐานะผู้อำนวยการ ผมหวังว่าจะทำได้ดีเหมือนตอนเล่นในสนาม มันเป็นการเริ่มต้นบทใหม่และการเดินทางครั้งใหม่ คงต้องใช้เวลาสักพัก … ผมต้องค่อยๆ ทำไปทีละขั้นเพื่อความเข้าใจบทบาทอย่างเหมาะสมมากที่สุด และจะพยายามช่วยทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ทีมเยาวชนถึงท่านประธาน ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ตอนนี้ผมอยากเป็นทุกอย่าง และเป็นคนสำคัญสำหรับโรม่า" ต็อตติ ว่าถึงการรับตำแหน่งของเขา
ตอนนี้ได้เวลาที่ ต็อตติ จะต้องทำหน้าที่เป็นคนออกความคิดเห็นและเสนอสิ่งที่เขามีอยู่ในหัวบ้างแล้ว มันคือบทบาทใหม่ที่ท้าทาย เพราะไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลอีกต่อไป แต่เขายังต้องบริหารคนด้วย และนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ ต็อตติ ไม่ได้เตรียมใจไว้มากพอ เพราะระบบที่เขาจะต้องเจอไม่ใช่ระบบเดียวกับที่เขาเคยสัมผัสตอนเป็นนักเตะ … หลายอย่างเปลี่ยนไป โดยเฉพาะแนวคิดของกลุ่มบุคคลระดับผู้บริหารของทีม
photo : Sports Illustrated
เป็นที่รู้กันดีว่าในยุคนี้หลายสโมสรพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อทำให้ฟุตบอลเป็นธุรกิจที่ทำเงิน ทีมอย่าง ยูเวนตุส แสดงให้เห็นว่าการรีแบรนด์ของสโมสรทำให้ทำเงินได้มากกว่าเก่า และ โรม่า เองก็อยากจะได้อย่างนั้นเหมือนกันภายใต้การทำทีมของกลุ่มทุนจากอเมริกันนำโดย เจมส์ ปัลล็อตต้า ที่เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่ของทีมไปในช่วงปี 2011 นโยบายของ ปัลล็อตต้า ภายใต้ชื่อกลุ่มทุน NEEP Roma Holding S.p.A (ถือหุ้น 79.9%) มีอยู่ว่า "เราจะค้นหาความสมดุลระหว่างธุรกิจและความสำเร็จในด้านการแข่งขัน"
ต็อตติ เองเห็นด้วยกับเรื่องนี้มากในตอนแรก เขาเชื่อว่าตำแหน่งของ ผอ.สโมสร จะทำให้เขามีสิทธิ์มีเสียงในการลงมติว่าทีมควรจะซื้อใครเข้ามาบ้าง และนักเตะคนไหนในทีมไม่ควรขายและปล่อยพ้นทีม แต่สำหรับกลุ่มบอร์ดบริหารนั้นกลับมองเป็นอีกอย่าง เพราะพวกเขาเชื่อว่า ต็อตติ ยังมีความเป็นนักฟุตบอลของโรม่ามากเกินไป ข้อดีของจุดนี้คือเขาจะมีความทะเยอทะยานที่จะนำความสำเร็จสู่สโมสร เขาอยากได้ผู้จัดการทีมที่ดีที่สุด นักเตะที่ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับโรม่า แต่ข้อเสียก็คือเขาคือสิ่งที่เขานำเสนอมมันมากจนทำให้เงินในคลังของสโมสรมีปัญหา นั่นเป็นเหตุให้ ปัลล็อตต้า เลือกที่จะเชื่อผู้ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจอย่าง ฟรังโก้ บัลดินี่ และ กีโด้ ฟิเอนก้า ที่เขาจ้างมาเป็น CEO ของสโมสรมากกว่า
ทำกับราชาดั่งหมาเฝ้าบ้าน
photo : Il Messaggero
ต็อตติ เฝ้ารอวันที่เขาจะได้ทำหน้าที่อย่างที่เขาควรจะได้ทำในฐานะ ผอ.สโมสร แต่ความจริงคือเปล่าเลย ทุกอย่างที่เขาเสนอกลายเป็นอากาศธาตุ ไม่ได้ถูกตอบรับ ไม่ได้ถูกปฎิเสธ แต่มันถูกทำเป็นมองไม่เห็นเลยต่างหาก และเรื่องนี้มันไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นกับเขา
ตอนต็อตติอายุ 40 ปี หลายคนเข้าใจว่าเขาเล่นฟุตบอลไม่ไหวจึงแขวนสตั๊ด แต่ ต็อตติ บอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้น เขายังไหว แต่มีบางคนบอกให้เขาเลิกเล่นจะดีกว่าเพื่อการทำทีมสำหรับอนาคต ต็อตติ ก็ตกปากรับคำโดยมีสัญญาใจกันว่าเขาจะมีส่วนช่วยเหลือในการตัดสินใจ และได้เข้าไปนั่งในการประชุมของบอร์ดบริหารคนอื่นๆ แต่การประชุมแต่ละครั้ง ต็อตติ ทำได้แค่นั่งเฉยๆ เท่านั้น
"พวกเขาบังคับให้ผมเลิกเล่นฟุตบอล พวกเขาให้สัญญากับผมไว้มากมาย แต่ไม่มีสัญญาข้อไหนที่สำเร็จสักข้อ" ต็อตติ กล่าว
photo : talkSPORT
ในฐานะคนใส่สูทและเข้าประชุมกับผู้บริหารทั้งหลาย ต็อตติ พยายามแล้วในช่วงปลายฤดูกาล 2018-19 ที่ผ่านมาอันเป็นปีที่สถานการณ์ของ โรม่า ตึงเครียดด้วยผลงานที่ย่ำแย่ นอกจากนี้ยังมีการประกาศไม่ต่อสัญญา ดานิเอเล่ เด รอสซี่ นักฟุตบอลสายเลือดชาวโรมันที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุ 12 ปี และเป็นรุ่นน้องที่ ต็อตติ สนิทสนมมาก บอร์ดบริหารให้คำสัญญากับ เด รอสซี่ เหมือนกับที่ให้กับ ต็อตติ แต่ฝั่ง เด รอสซี่ ยืนยันว่าเขาจะไม่เลิกเล่นและจะหาทีมใหม่ โดยจะออกไปจากสโมสรเองโดยที่ไม่ต้องการเป็นปัญหากับใคร ... ที่สำคัญคือแม้จะได้ตำแหน่งในทีมสโมสรแต่ เด รอสซี่ ไม่อยากจะยุ่งกับงานบริหารกับกลุ่มผู้ถือหุ้นชาวมะกันเหล่านี้ นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาได้เห็นสิ่งที่พวกเขาปฎิบัติต่อ ต็อตติ ลูกพี่ของเขาก็เป็นได้
ต็อตติ พยายามจะบอก ปัลล็อตต้า ตั้งแต่ช่วงปี 2018 แล้ววว่าฤดูกาลนี้สัญญาของ เด รอสซี่ จะหมดลง และตัวของ เด รอสซี่ ไม่สนเรื่องเงินเลยด้วยซ้ำ ขอเพียงแค่ให้เขาได้เล่นกับทีมต่อไปจนแขวนสตั๊ด และมันเป็นอีกครั้งที่สิ่ง ต็อตติ เสนอไม่ได้ถูกนำไปอภิปรายในบอร์ด เด รอสซี่ รอจนถึงช่วงต้นปี 2019 โดยที่ไม่มีใครติดต่อมา และตอนนั้นเข้ารู้แล้วว่าเวลาของเขากับ โรม่า กำลังจะหมดลง
"ผมไม่เคยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่อง เด รอสซี่ ผมได้บอกบรรดาผู้อำนวยการฝ่ายอื่นๆ ไปแล้วเมื่อเดือนกันยายนว่า ถ้าพวกคุณคิดว่านี้เป็นฤดูกาลสุดท้ายของ เด รอสซี่ ก็บอกเขาไปตรงๆ ปัญหามาถึงเหมือนที่พวกเขาเคยทำกับผม สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือพวกเขาทำแบบนี้เพราะพวกเขาต้องการทำหรือพวกเขาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันเลย … มีคนบางกลุ่มกำลังจะเอาคนโรมันออกจากทีมโรม่า" ต็อตติ เริ่มโจมตีบอร์ดบริหารแบบชัดเจนขึ้นหลังกรณีของ เด รอสซี่ เป็นเรื่องเป็นราว
photo : twitter.com
หลังจากนั้น โรม่า ก็แย่ลง พวกเขาเลือก เคลาดิโอ รานิเอรี่ เข้ามาคุมทีมขัดตราทัพหลังจากที่ ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ โค้ชคนเก่าโดนไล่ออก นับตั้งแต่วันนั้นแฟนๆ ของโรม่าก็แบ่งกันเป็นก๊กเป็นเหล่า มีกลุ่มแฟนที่เรียกตัวเองว่า โปร ต็อตติ, โปร ปัลล็อตต้า และ โปร บัลดินี่ จนทำให้บรรยากาศความเป็นครอบครัวไม่เหมือนเดิม เหมือนกับตอนที่ตระกูล เซนซี่ เจ้าของเดิมอยู่เลยแม้แต่น้อย มันทำให้ ต็อตติ เกิดความเบื่อหน่ายถึงขีดสุด แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขามีสัญญาในตำแหน่งนี้ 6 ปี อย่างน้อยๆ เขาเชื่อว่าการเลือกโค้ชใหม่สำหรับฤดูกาล 2019-20 จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของ โรม่า หากได้คนที่ถูกต้อง
3 ชื่อที่ ต็อตติ บอกกับ บอร์ดบริหารแบบไล่จากความเหมาะสมจากน้อยไปหามากคือ 1. เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ที่ขณะนั้นคุมทีม เอซี มิลาน (ก่อนลาออกหลังฤดูกาลสิ้นสุด) 2. คือ ซินิซ่า มิไฮจ์โลวิช กุนซือ โบโลญญ่า และคนสุดท้ายซึ่งเป็นคนที่ ต็อตติ มั่นใจว่าหากได้มาคุมทีมจะเป็นกุนซือที่เข้ามาเกาให้ถูกที่คันได้แน่ นั่นคือ อันโตนิโอ คอนเต้ คนที่เคยทำ ยูเวนตุส เป็นทีมอันดับ 1 ของ อิตาลี และ ทำให้ เชลซี เป็นทีมอันดับ 1 ของอังกฤษในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา คนๆ นี้คือนัมเบอร์วันในใจ ต็อตติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเห็นพ้องต้องกันกับเขา
ซองเอกสารของ ต็อตติ วางบนโต๊ะได้ไม่กี่วัน สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าบอร์ดบริหารแต่งตั้งเอา เปาโล ฟอนเซก้า โค้ชของ ชัคห์เตอร์ โดเนสก์ มาคุมทีม ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าเดายากเพราะ ฟอนเซก้า ขึ้นชื่อเรื่องการดึงนักเตะราคาถูกมาปั้นให้เป็นสตาร์และขายได้ราคาสูง แถมยังพา ชัคห์เตอร์ คว้าแชมป์ลีกยูเครนมาก่อน มันจึงเข้าแก๊ปกับสิ่งที่ ปัลล็อตต้า ต้องการพอดีนั่นคือ "ความสมดุลระหว่างธุรกิจและความสำเร็จในด้านการแข่งขัน" … ส่วน คอนเต้ กลายเป็นกุนซือของ อินเตอร์ ทีมที่ทำให้ โรม่า สูญเงินหลายสิบล้านยูโรในซีซั่นหน้าเพราะเป็นฝ่ายปาดหน้าชิงตั๋วท็อป 4 ใบสุดท้ายสำหรับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปครอง
photo : giallorossi.net
หนนี้ ต็อตติ โกรธมาก เพราะมันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้วที่เขากลายเป็นส่วนเกินในการประชุม ความคิดของเขาถูกเย้ยหยันว่าอ่อนประสบการณ์ในฐานะงานบริหาร ปีแรกเขาเชื่อแบบนั้นเพราะเขายังต้องเรียนรู้ แต่นี่คือปีที่ 2 ในตำแหน่งนี้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยได้โอกาสมีส่วนร่วมกับโครงการใดๆ ของทีมแม้แต่ครั้งเดียว มันอดคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากว่าบอร์ดบริหารชาวอเมริกันที่หนึ่งปีจะเดินทางมากรุงโรมสักครั้ง ต้องการชื่อของต็อตติมาเพื่อซื้อใจแฟนบอล พวกเขาอยากให้แฟนบอลสบายใจ, อุ่นใจ และรู้สึกถึงความเป็นครอบครัวที่มีตัวแทนของชาวโรม่าอย่าง ต็อตติ เข้ามานั่งอยู่ในห้องบอร์ดรูมเท่านั้น ไม่ได้อยากได้ความคิดหรือแผนงานพัฒนาแบบที่พวกเขาไปขายฝันให้ ต็อตติ เลยแม้แต่น้อย
"ปีแรกผมเข้าใจเรืองแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ แต่นี่ปีที่ 2 แล้วนะ … และมันก็ทำให้ผมเข้าใจยิ่งกว่าเก่า ผมเข้าใจแล้วว่าความจริงพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ นั่นคือพวกเขาเอาผมมาฆ่าดีๆ นี่เอง ทุกคนรู้ถึงความต้องการของผม ผมเสนอสิ่งต่างๆ มากมายให้กับทีม แต่ไม่มีใครต้องการมัน พวกเขาทำแบบนี้เพื่อจะได้เขี่ยผมพ้นทางจากทุกสิ่งแน่นอน" ต็อตติ เผยถึงความรู้สึกที่เป็นส่วนเกิน "นับตั้งแต่พวกอเมริกันเข้ามา ถึงตอนนี้ก็ 8 ปีแล้ว เลือดเนื้อเชื้อไขชาวโรมันกำลังออกจากทีมไปทีละคนๆ"
photo : EPA
"ราชาหมาป่า" อย่างต็อตติ หมดสภาพในการเล่นเกมการเมืองในสโมสร ความพยายามและสิ่งที่เคยทำไว้ของเขาไม่เพียงพอต่อการสู้รบปรบมือกับเหล่าคนที่ใส่สูทและเรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษ แม้ไม่อยากยอมแพ้แต่สุดท้ายก็ต้องจำยอมอยู่ดี ต็อตติ แถลงการเพื่อแจ้งการออกจากตำแหน่ง ผอ.สโมสรทันที ...
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องนี้เคยถูก เด รอสซี่ ทำนายไว้ในช่วงเดือน เมษายนที่ผ่านมานี้นี่เอง ตอนที่ เด รอสซี่ จะออกจากสโมสรเขาบอกว่า "ต็อตติกำลังเล่นเกมบริหารที่น่าปวดหัว" โชคดีสำหรับ เด รอสซี่ ที่เขาถอยหนีจากเรื่องราวที่น่าปวดใจนี้
สิ่งเดียวที่คงอยู่
ตอนนี้บอร์ดบริหารจะต้องเตรียมคำพูดแก้ต่างในสิ่งที่ ต็อตติ พูดกันพัลวัน แต่เชื่อเหลือเกินว่าไม่ว่าพวกเขาจะใช้ถ้อยคำที่น่าฟังขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่เสียงของบอร์ดบริหารชาวอเมริกันชุดนี้จะทรงพลังไปมากกว่าเสียงของ ต็อตติ ราชาคนของที่นี่แน่นอน
แม้ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า ปัลล็อตต้า และบอร์ดบริหารจะโกรธจนควันออกหูจากสิ่งที่ ต็อตติ เอาเรื่องภายในไปคายในที่แจ้งจนเหมือนเป็นการตอกหน้าและโยนความผิด จนเกือบต้องมีการฟ้องร้อง ต็อตติ เกิดขึ้น ทว่าสุดท้ายจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ปัลล็อตต้า บอกว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด เพราะการโจมตีและประกาศตัวเป็นศัตรูกับ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ คือการกระทำที่โง่ที่สุดเท่าที่ประธานสโมสรของ โรม่า จะทำได้
อย่างไรก็ตามเราคงลืมไม่ได้ว่าทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนมี 2 ด้านทั้งสิ้น จริงอยู่เรื่องนี้กลุ่มบอร์ดบริหารอาจจะไม่ผิดเต็ม 100% เพราะการจะเปลี่ยนจากผู้เล่นมาเป็นผู้บริหารที่เชี่ยวชาญนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ระยะเวลาเพียงปีหรือสองปีอาจจะยังไม่มากพอก็เป็นได้ ดังนั้นจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ นานาขึ้น อย่างไรก็ตามตอนนี้การลงจากตำแหน่งแบบไม่สวยของ ต็อตติ จะสร้างความลำบากใจให้กับบอร์ดบริหารชุดนี้อย่างแน่นอน ทั้งหมดคือสิ่งที่คนทั่วไปคิดและคาดว่ามันจะเกิดขึ้น ทว่าในมุมมองของ ต็อตติ ล่ะเขากำลังคิดจะทำอะไร? ด้วยความแค้นที่ถูกปฎิบัติแบบนี้เขาคิดจะโค่นล้มบอร์ดบริหารชุดนี้ด้วยอิทธิพลของเขาหรือไม่?
คำตอบคือไม่มีทาง ... และเหตุผลที่เขาไม่ทำมันง่ายนิดเดียว เพราะ โรม่า คือสิ่งที่เขารักมากที่สุดสิ่งหนึ่งในชีวิต การว่ากล่าวให้ร้ายใส่ไฟแบบไม่รู้จักจบรังแต่จะทำให้ปัญหามันลุกลามไปเรื่อยๆ และใครล่ะที่จะได้รับผลกระทบมากไปกว่าสโมสรแห่งนี้
"ประธานสโมสรเข้ามาแล้วก็ไป โค้ชเข้ามาแล้วก็ไป นักเตะเองก็ไม่ต่างกัน ทุกสิ่งต่างผ่านมาแล้วก็ไปเหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่คงอยู่เสมอนั่นคือสัญลักษณ์ของพวกเรา ผมไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลง โรม่า แต่อย่างน้อยก็ต้องการช่วยเหลือ ผมลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารโรม่า ผมหวังว่าวันนี้คงไม่มาถึง นี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายกว่าตอนที่แขวนสตั๊ดซะอีก การจากลาโรม่าเหมือนกับผมกำลังจะตาย ผมรู้สึกว่ามันคงดีกว่าถ้าผมตายจริงๆ"
ต็อตติ จะไม่ไปจากทีมนี้ ในฤดูกาล 2019-20 เขาและ เด รอสซี่ จะกลับมายัง สตาดิโอ เดอ โอลิมปิโก แห่งกรุงโรมอีกครั้ง ไม่ใช่ฐานะพนักงานของสโมสร แต่พวกเขาจะมาในฐานะชาวโรมันที่เป็นแฟนเดนตายของ โรม่า
การออกจากบทบาทที่ไม่คุ้นเคยไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป อย่างน้อยๆ ต็อตติ ก็จะได้คืนสู่สามัญอีกครั้ง เขาจะได้เข้าไปเชียร์ในสนามพร้อมๆ กับแฟนๆ ที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัว หิ้วภรรยาและลูกๆ ไปดูฟุตบอลในทุกสัปดาห์ เบียร์เย็นๆ สักแก้วก็คือทางเลือกที่ไม่เลวนักสำหรับการพักผ่อนจากศึกหนักที่แบกไว้บนบ่ามานานหลายปี … หลังจากนั้นค่อยมาดูกันต่อว่าเขาพอจะทำอะไรเพื่อทีมที่เขารักทีมนี้ได้อีกบ้าง