เก็บตก 5 ประเด็นร้อนหลังศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ เรือใบ เข่นโทษ หงส์แดง
5. ความเป็นไปของเกม
เกมออกสตาร์ทด้วยจังหวะที่เร่งเร้าต่างพยายามบีบพื้นที่สูงด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายจนทำให้นักเตะอย่าง โจ โกเมซ และ จอห์น สโตนส์ ออกช็อตเหวอเสียบอลจากการเซ็ตเกมที่แนวรับ ก่อนที่ประตูจาก ราฮีม สเตอร์ลิง จะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ เรือใบสีฟ้า เล่นอย่างผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังกลายเป็น หงส์แดง ที่ออกจากห้องแต่งตัวมาราวกับคนละทีม ทัพ เร้ดแมชีน เล่นอย่างมีชีวิตชีวาและพยายามไล่ล่าบอลอย่างถึงพริกถึงขิงมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้เกมตกเป็นของพวกเขา
และหลังจากบดบี้อยู่นานก็เป็น โจเอล มาติป ที่ทำประตูตีเสมอได้ในที่สุด น่าเสียดายสำหรับทีมจาก เมอร์ซีย์ไซด์ ที่พวกเขาไม่สามารถทำประตูแซงในช่วงเวลาที่เหลือได้ก่อนที่จะพ่ายไปด้วยการดวลลูกจุดโทษ
4. ความเด็ดขาดของ สเตอร์ลิง
ความรวดเร็วและความสามารถเฉพาะตัวของ ราฮีม สเตอร์ลิง นั้นไม่เป็นที่ต้องสงสัยแต่อย่างใด แต่ความเด็ดขาดของวิญญาณเพชฌฆาตนั้นยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม
สเตอร์ลิง ทำโอกาสหลุดลอยแบบน่าเขกกระโหลกโดยเฉพาะช็อตที่เจ้าตัวหลุดไปดวลกับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ โดยมี ไคล์ วอล์คเกอร์ สปรินท์ตีคู่พร้อมเรียกให้จ่ายบอลซึ่งมันจะกลายเป็นการล่อเป้าโล่งๆ ของแบ็คขวาเพื่อนร่วมทีมชาติ อังกฤษ ทันที ทว่าเจ้าตัวกลับลังเลและดึงช้าจน เวอร์จิล ฟาน ไดค์ วิ่งกวดทันจากด้านหลังจนทำให้เสียบอลไปในที่สุด
จากซีนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สเตอร์ลิง ยังมีงานที่ต้องทำอีกมากหากจะยกระดับกลายเป็นแข้งเวิลด์คลาสภายใต้การคุมทีมของกุนซือเพอร์เฟ็กชันนิสท์อย่าง เป๊บ กวาร์ดิโอลา
3. อาการบาดเจ็บของคีย์แมน ซิตีเซนส์
เลรอย ซาเน เป็นหนึ่งในแข้งที่สร้างจังหวะได้อย่างวูบวาบของ ซิตี้ ในช่วงต้นเกม ก่อนที่จะถูกอัดจนร่วงลงไปกองกับพื้นและถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 13 ของเกม
แน่นอนว่าการเสียแข้งตัวหลักของทีมด้วยอาการบาดเจ็บก่อนเริ่มต้นศึก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เพียง 1 สัปดาห์ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ ซิตี้ เป็นแน่แม้ว่าพวกเขาจะมีขุมกำลังสำรองที่แข็งแกร่งก็ตาม
2. บทบาทของ โอริกี
ดิว็อค โอริกี ถูกจับประจำการในตำแหน่งตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้ายแทนที่ ซาดิโอ มาเน ที่ยังไม่พร้อมลงเล่น ซึ่งฮีโร่จากเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาก็พยายามที่จะสร้างสรรค์จังหวะให้กับเพื่อนร่วมทีมที่ริมเส้นอย่างสุดความสามารถ แต่จนแล้วจนรอดจังหวะของเจ้าตัวก็ดูจะขาดๆ เกินๆ เมื่อเทียบกับเจ้าของตำแหน่งทีมชาติ เซเนกัล
แม้ โอริกี จะมีบทบาทเป็นแข้งอเนกประสงค์ยามที่หนึ่งใน 3 ประสานในแนวรุก หงส์แดง คนใดคนหนึ่งไม่สามารถลงสนามได้แต่วิธีการเล่นของเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นว่าเขายังไม่สามารถเป็นที่ไว้วางใจยามที่ทีมอยู่ในสถานการณ์คับขัน และเมื่อพิจารณาว่าทีมมีตัวเลือกอย่าง เซอร์ดาน ชากิรี, จินี ไวนัลดุม
กระทั่งดาวรุ่งอย่าง ริอาน บรูวส์เตอร์ ที่ไล่กวดขึ้นมาอย่างติดๆ ก็ดูจะเป็นการยากที่เราจะได้เห็นดาวเตะทีมชาติ เบลเยียม รายนี้ได้ลงเล่นสม่ำเสมอหากไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้
1.ซาลาห์ ยังคงเป็นหัวใจของ หงส์แดง
แม้ว่าจะได้พักมาเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เมื่อพาทีมชาติ อียิปต์ ลุยศึก แอฟคอน เมื่อเดือนที่ผ่านมาแต่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ยังโชว์ฟอร์มให้เห็นว่าเขาคือหนึ่งในแนวรุกที่ทีมยังต้องพึ่งพาโดยเฉพาะในครึ่งแรกที่เพื่อนร่วมทีมต่างยังไม่สามารถจับจังหวะของตนเองได้
ซาลาห์ กลายเป็นแข้ง หงส์ เพียงรายเดียวที่สามารถพลิกบอลหน้าปากประตูได้ท่ามกลางการไล่รุมกินโต๊ะของแนวรับ เรือใบสีฟ้า อีกทั้งยังมีช็อตพาบอลลากตะลุยสร้างโอกาสให้ทั้งกับตัวเองและเพื่อนร่วมทีมโดยเฉพาะในช่วงท้ายของเกมหลายต่อหลายครั้ง น่าเสียดายที่ไม่มีประตูสำหรับเจ้าตัวในเกมนี้
แต่ในอีกทางหนึ่ง ก็น่าเป็นห่วงแทน เยอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อถึงวันใดที่ทีมต้องไร้ซึ่งสตาร์ทัพ มัมมี จากอาการบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเมื่อระดับในขุมกำลังสำรองของ เร้ดแมชีน ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม