ผ่าน‘โจทย์’ที่ยากที่สุดได้แล้ว

ผ่าน‘โจทย์’ที่ยากที่สุดได้แล้ว

ผ่าน‘โจทย์’ที่ยากที่สุดได้แล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ต่อยอดเรื่องทีมชาติอังกฤษ และต่อประเด็นที่ผมพูดมาตลอดสำหรับ “แคมเปญ ยูโร 2016” ว่า รอย ฮอดจ์สัน และลูกทีม มีหน้าที่เพียงแข่งขันกับตัวเอง และใจตัวเองเพื่อความพร้อมในศึก “ยูโร 2016” รอบสุดท้ายกับอีก 23 ชาติ

ล่าสุดหลัง “ประเดิม” ได้สวยสดงดงามด้วยการบุกไปชนะทีมอันดับ 9 ใน “ฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง” สวิส ถึงถิ่น 2-0

แฟนสิงโตคำรามได้ฟินกันถ้วนหน้า

เส้นทางสู่ฝรั่งเศสในซัมเมอร์ 2016 ดูจะปูด้วยกลีบกุหลาบมากๆ เพราะ “ปฏิเสธ” ไม่ได้เลยว่า ทีมสิงโตคำราม ได้ผ่านแมตช์ที่ยากที่สุดไปแล้ว

“รายละเอียด” คงไม่ต้องแตะมากว่า ฮอดจ์สัน จะเทพอย่างโน้นอย่างนี้ เช่น ใช้ระบบ “ไดมอนด์” (เหมือนลิเวอร์พูล) โดยมี ราฮีม สเตอร์ริดจ์ อยู่บน “หัวเพชร”

ส่วนฐานไดมอนด์ คือ แจ๊ค วิลเชียร์, ซ้าย – เสี่ยงใช้ ฟาเบียน เดลฟ์, ขวา – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สนับสนุน เวย์น รูนี่ย์ และแดนนี่ เวลเบ็ค ในแดนหน้า

เหตุผลในการกล้าใช้ เดลฟ์ มายืนฝั่งซ้ายช่วย เลห์ตัน เบนส์ ถือว่า “กล้าหาญ” และภาษาอังกฤษใช้คำว่า Bold Decision หรือกล้าได้กล้าเสีย

ตัวละครลับ "ฟาเบียน เดล์ฟ"

และนี่ไม่ใช่ “ครั้งแรก” ที่กุนซือวัย 67 ปี กล้าตัดสินใจแบบ “แตกต่าง” อันแสดงให้เห็นว่า ตัวเค้าเองมีกึ๋น และเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุด ณ ชั่วโมงนี้

ฮอดจ์สัน มองเหมือนหลายคน แต่น่าจะ “กล้า” กว่าหลายคน ตรงที่วางตัว 11 คนแรกสำหรับลุ้นชนะไม่ใช่ลุ้น 0-0 กลับบ้าน

ความน่าสนใจยังอยู่ที่ เวลเบ็ค ที่ เดวิด ดีน อดีตรองประธานสโมสรอาร์เซนอล ถึงกับเอ่ยปากว่า 2 ประตู ในครึ่งหลังเกมนี้ทำให้ “มูลค่า” 16 ล้านปอนด์ ของเวลเบ็ค “ถูกอัพ” ขึ้นมาทันที

แลมเบิร์ต (ซ้าย) ลงมาแปปเดียวก็แอสซิสต์ให้ "เทพแดน" ยิงตอกฝาโลงเลย

ผมเองเคยเขียนไปแล้วถึง เวลเบ็ค กับซีซั่นนี้ที่น่าติดตาม เพราะคงมีไม่บ่อยครั้งที่ “ผู้เกี่ยวข้อง” สโมสรแมนฯยูฯ พร้อมใจกันออกมาแสดงความเห็น “เสียดาย” ที่เวลเบ็คต้องย้ายหนีไป

ถึงเวลานี้ หลายคนเริ่มหยิบอดีตนักเตะปิศาจแดงมา “เปรียบเทียบ” กับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ตอนย้ายหนีเชลซีมาหา “โอกาส” กับลิเวอร์พูล ในปี 2013 มากขึ้นเรื่อยๆ

ความบังเอิญยังอยู่ที่ ทั้ง 2 ประตูเกมนี้ คนเปิด คือ สเตอร์ลิ่ง และ ริคกี้ แลมเบิร์ต 2 นักเตะลิเวอร์พูลให้ “ตัวแทน” สเตอร์ริดจ์ นามว่า “เวลเบ็ค” โซ้ยประตู

นอกจากการ “ลงตัว” กับระบบมิดฟิลด์ “ไดมอนด์” โดยเฉพาะเกมรุกแล้ว ในส่วน “เกมรับ” ไล่จากฐานเพชรที่มี วิลเชียร์ ทำหน้าที่แทน สตีวี่ เจอร์ราร์ด

นาทีนี้ถ้าคิดจะหยุด สเตอร์ลิ่ง ก็ต้องทุลักทุเลหน่อยล่ะครับ

ยังแสดงให้เห็นถึง “มูฟเมนต์” ความไดนามิก และแคล่วคล่องว่องไวที่เหนือกว่าอดีตกัปตันทีม สตีวี่ จี

โดย “สรุป” จึงมองไม่ยากครับว่า อังกฤษ “สอบผ่าน” ทั้งในแง่ผลงานของทีม และผลการแข่งขันที่มา “พร้อมกัน”

คำถามต่อไป คือ เรื่อง “ศรัทธา” ที่สูญหายจากผลงานในบอลโลกที่ผ่านมา และหลังเกม ไมเคิล โอเว่น ยังเน้นต่อไปว่า ศรัทธา จะไม่มีวันกลับมากระทั่งทีมสิงโตคำรามสามารถทำผลงานได้ดีในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่

ส่วนตัว ผมไม่คิดขนาดนั้นหรอกครับ เพราะมันไกลไป หรืออีกอย่างน้อย 2 ปี

ปู่รอย ยิ้มไม่หุบหลังจบเกม

ขั้นแรก คือ Keep winning หรือรักษาชัยชนะ และเก็บผลงานแบบนี้ให้ได้เรื่อยๆ

เจอหมู เช่น คู่แข่งที่เหลือทั้งหมดในกลุ่ม อี ก็ต้องชนะให้ได้ ทีละนัดๆ และทุกเกมอุ่นเครื่องก่อนไปฝรั่งเศส

เพียงเท่านี้แหละครับที่ต้อง “ทำได้” และเป็นโจทย์ข้อแรกในการสร้างศรัทธา หรือเรียกมันกลับคืนมา

ซึ่งทัพสิงโตคำรามได้ก้าวผ่านบันไดขั้นแรกที่ยากที่สุดด้วยการชนะสวิตเซอร์แลนด์ได้แล้วครับ...

ไข่มุกดำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook